เรื่องราวของซูเราะฮฺอัลมุฏ็อฟฟิฟีน 2
บันทึกของบรรดาคนชั่วอยู่ใน “สิจญีน”
อับดุลสลาม เพชรทองคำ
อายะฮฺที่ 7 - 17 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสถึงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาว่า
كـَلَّآ إِنَّ كِتَٰبَ ٱلۡفُجَّارِ لَفِي سِجِّينٖ 7
“ ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก แท้จริง บันทึก(การงาน)ของบรรดาคนชั่วนั้นอยู่ในสิจญีนอย่างแน่นอน”
وَمَآ أَدۡرَىٰكَ مَا سِجِّينٞ 8
“และสิ่งใดเล่าที่ทำให้เจ้ารู้ได้ว่าสิจญีนนั้นคืออะไร ?”
كِتَٰبٞ مَّرۡقُومٞ 9
“(สิจญีน)คือบันทึกที่ถูกประทับตราไว้อย่างมั่นคง”
คำว่า سِجِّينٖ สิจญีน นั้น มีคำอธิบายว่า มีรากศัพท์มาจากคำว่า سجن ซิจญ์นุน ซึ่งมีความหมายว่า คุก หรือที่คุมขัง เป็นคุก เป็นที่คุมขัง เป็นสถานที่ลงโทษที่อยู่ล่างสุดของนรกญะฮันนัม
สามอายะฮฺดังกล่าวข้างต้น นั่นก็หมายความว่า การกระทำความชั่วของพวกที่ทำให้พร่องตลอดจนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ปฏิเสธต่อวันฟื้นคืนชีพนั้น ไม่ใช่ว่าจะถูกปล่อยปละละเลย แต่การงานของพวกเขา ของบรรดาคนชั่ว คนที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติศาสนาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลานั้น จะถูกบันทึกอยู่ใน “สิจญีน”
ซึ่งในอายะฮฺที่ 8 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงถามท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมว่า สิ่งใดเล่าที่ทำให้รู้ว่าสิจญีนคืออะไร ? ทั้งนี้เพราะผู้คนยังไม่รู้จักสิจญีน และพระองค์ทรงถามเพื่อเป็นการย้ำเตือนให้ทราบว่า สิจญีนนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ..
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็ได้ทรงแจ้งว่า สิจญีนนั้นคือ บันทึกที่ถูกทำเครื่องหมายไว้ หรือถูกประทับตราไว้ ซึ่งเมื่อใครได้เห็น ก็จะรู้ว่า บันทึกที่ชื่อสิจญีนนี้ บันทึกแต่ความชั่ว ไม่มีการบันทึกความดีใด ๆเลย
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสต่อไปว่า
وَيۡلٞ يَوۡمَئِذٖ لِّلۡمُكَذِّبِينَ 10
“ความหายนะในวันนั้น จงประสบแด่บรรดาผู้ปฏิเสธ”
ٱلَّذِينَ يُكَذِّبُونَ بِيَوۡمِ ٱلدِّينِ 11
“ (บรรดาผู้ปฏิเสธก็)คือ บรรดาผู้ปฏิเสธวันแห่งการตอบแทน”
وَمَا يُكَذِّبُ بِهِۦٓ إِلَّا كُلُّ مُعۡتَدٍ أَثِيمٍ 12
“และไม่มีใครปฏิเสธวันแห่งการตอบแทนนั้น นอกจากทุกคนที่ مُعۡتَدٍ ละเมิด และ أَثِيمٍ ทุกคนที่กระทำความผิด”
إِذَا تُتۡلَىٰ عَلَيۡهِ ءَايَٰتُنَا قَالَ أَسَٰطِيرُ ٱلۡأَوَّلِينَ 13
“เมื่อบรรดาอายะฮฺต่าง ๆของเราถูกอ่านแก่เขา เขาก็กล่าวว่า นี่คือนิทานปรัมปราของคนยุคก่อนที่ถูกบันทึกไว้”
สี่อายะฮฺดังกล่าวข้างต้น นั่นก็หมายความว่า ความหายนะ ความวิบัตินั้น นอกจากจะประสบกับอัลมุฏ็อฟฟิฟีน ผู้ที่ทำให้พร่องแล้ว ยังประสบกับบรรดาผู้ปฏิเสธวันแห่งการตอบแทนอีกด้วย ..วันแห่งการตอบแทนซึ่งก็คือวันกิยามะฮฺ หรือวันฟื้นคืนชีพ ...
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงบอกว่า ไม่มีใครหรอกที่จะปฏิเสธวันแห่งการตอบแทนนี้ นอกจากทุกคนที่เขาละเมิดขอบเขตของพระองค์ และทุกคนที่เขาฝ่าฝืน ทำความผิดต่อบทบัญญัติศาสนาของพระองค์ เพราะการที่เขาจงใจ ตั้งใจทำความผิด หรือทำบาป แสดงว่าเขาไม่เชื่อว่าจะมีวันแห่งการตอบแทน เพราะถ้าหากว่าเขาเชื่อ เขาศรัทธาว่า วันแห่งการตอบแทนมีจริง ศรัทธาว่าวันกิยามะฮฺมีจริง ศรัทธาว่าวันฟื้นคืนชีพมีจริง เขาก็ย่อมเกรงกลัวต่อการถูกลงโทษของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ...
เมื่อเขาเกรงกลัว เขาก็จะไม่อยากทำความผิด ไม่อยากทำบาป ไม่อยากโกงตาชั่ง ไม่อยากคดโกง ไม่อยากไปล่วงเกินสิทธิของใครต่อใคร.. แต่นี่เป็นเพราะเขาไม่เชื่อ เขาปฏิเสธ เขาบอกว่าเรื่องเหล่านี้ เรื่องของวันตอบแทน เรื่องที่ปรากฏอยู่ในอัลกุรอานนั้นเป็นเรื่องของนิทานปรัมปรา เป็นเรื่องเหลวไหล เป็นนิยายของคนยุคก่อนที่ถูกบันทึก ถูกเล่าสืบต่อกันมา
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสต่อไปว่า
كـَلَّاۖ بَلۡۜ رَانَ عَلَىٰ قُلُوبِهِم مَّا كَانُواْ يَكۡسِبُونَ 14
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก.. แต่ทว่า สนิมได้เกาะอยู่ที่หัวใจของพวกเขา อันเนื่องมาจาก مَّا كَانُواْ يَكۡسِبُونَ สิ่งที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้”
คำว่า “ رَانَ รอนะ “ หมายถึง สนิม ..
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงบอกว่า ประหนึ่งว่าสนิมได้เกาะอยู่ที่หัวใจของพวกเขา ซึ่งเป็นหัวใจของผู้ปฏิเสธศรัทธา แล้วสนิมมันปกคลุมหัวใจของพวกเขา จนทำให้พวกเขามองไม่เห็นสัจธรรมความจริง มองไม่เห็นความถูกต้อง อันเนื่องมาจากการที่พวกเขาปฏิเสธวันแห่งการตอบแทน แล้วพวกเขาก็ขวนขวายทำความชั่ว ทำตัวเป็นอัลมุฏ็อฟฟิฟีน เป็นผู้ที่ทำให้พร่องในเรื่องสิทฺธิต่างๆของผู้อื่น เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ไม่มีความยุติธรรมต่อผู้อื่น อีกทั้งยังทำความชั่ว ทำบาปอื่น ๆโดยไม่สนใจว่า จะต้องได้รับการลงโทษของ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทั้งนี้ก็เพราะพวกเขาไม่เชื่อในวันแห่งการตอบแทนนั่นเอง
ดังกล่าวข้างต้นก็หมายความว่า อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงสำทับว่า สิ่งที่พวกเขาไม่ศรัทธานั้น มันไม่ใช่นิทานปรัมปรา ไม่ใช่เรื่องที่เป็นนิยาย มันไม่ใช่เรื่องเหลวไหลของคนยุคก่อน แต่มันเป็นเรื่องจริง และการที่พวกเขาไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาต่อเรื่องเหล่านี้ มันก็ทำให้พวกเขาทำเรื่องที่มันล่วงละเมิดต่อบทบัญญัติศาสนาของพระองค์ และก็ทำเรื่องที่มันเป็นความผิด ทำเรื่องที่เป็นบาป ทำเรื่องที่มันฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา .. ดังนั้น ความชั่วความบาปมันจึงเกาะกินหัวใจของพวกเขา แล้วเขาก็จะทำความชั่ว ทำบาปเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หยุดไม่ได้ และท้ายที่สุดพวกเขาก็จะถูกบันทึกการงานของพวกเขาไว้ในสิจญีน และต้องถูกลงโทษในที่สุด
อุละมาอ์กล่าวว่า จากอายะฮฺนี้ ยังมีหลักฐานจากอัลหะดีษ (เศาะหิหฺ ) ในบันทึกของอิมามอัตติรมีซีย์ รายงานจากท่านอะบูหุรอยเราะฮ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า
سُقِلَ قلبُهُ، وإن عادَ زيدَ فيها حتَّى تعلوَ قلبَهُ،
“แท้จริง เมื่อบ่าว(ผู้ศรัทธา)นั้น (ก็หมายถึงพวกเราด้วยแหละ)ได้ทำบาป ทำสิ่งที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติศาสนาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาหนึ่งครั้ง เขาก็จะถูกประด้วยสีดำหนึ่งจุดที่หัวใจของเขา ..
แต่ถ้าหากว่า เมื่อเขาทำบาปแล้ว เขาสำนึกตัวได้ เขาได้ทำการอิสติฆฟาร ทำการเตาบะฮฺ กลับเนื้อกลับตัวกลับใจต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ขออภัยโทษต่อพระองค์ และตั้งใจที่จะไม่กลับไปทำบาปนั้นอีก ด้วยเหตุนี้ จุดสีดำจุดนั้นก็จะถูกลบออกไป หัวใจของเขาจึงกลับมาใสสะอาดดังเดิม ...
แต่ถ้าหากว่า เขายังกลับมาทำบาปนั้นอีก จุดสีดำนั้นก็จะกลับมาอีก และถ้าหากทำบาปเพิ่มขึ้นอีก จากหนึ่งบาป เป็นสองบาป สามบาป เพิ่มบาปขึ้นไปเรื่อย ๆ หัวใจของเขาก็จะไม่มีวันใสสะอาด เพราะจุดสีดำมันจะถูกประอยู่ที่หัวใจเต็มไปหมด จนมันปกคลุมหัวใจ ประหนึ่งสนิมที่มันปกคลุมหัวใจผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา”
ดังนั้น ชีวิตของผู้ศรัทธา ชีวิตของพวกเราจึงต้องรู้จักสำนึกผิดอยู่ตลอดเวลา ต้องอิสติฆฟาร เตาบะฮฺตัวต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้หัวใจของเราใสสะอาด มองเห็นถึงสัจธรรมความจริง ความถูกต้อง จะได้ไม่ต้องไปถูกบันทึกการงานอยู่ในสิจญีน ไม่ต้องไปถูกลงโทษในวันกิยามะฮฺ วันแห่งการตอบแทน
อัลญะฮีม นรกที่มีเปลวไฟลุกโซน
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ตรัสต่อไปว่า
كـَلَّآ إِنَّهُمۡ عَن رَّبِّهِمۡ يَوۡمَئِذٖ لَّمَحۡجُوبُونَ 15
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก แท้จริง ในวันนั้น (ก็คือวันแห่งการตอบแทน) พวกเขา(ผู้ปฏิเสธศรัทธา)จะถูกกั้นจากพระเจ้าของพวกเขา”
ثُمَّ إِنَّهُمۡ لَصَالُواْ ٱلۡجَحِيمِ 16
“แล้วหลังจากนั้น แน่แท้ พวกเขาก็จะเข้าไปอยู่ในนรกอัลญะฮีม นรกที่มีเปลวไฟลุกโซน”
ثُمَّ يُقَالُ هَٰذَا ٱلَّذِي كُنتُم بِهِۦ تُكَذِّبُونَ 17
“แล้วจะมีเสียงกล่าวขึ้นแก่พวกเขาว่า นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าได้ปฏิเสธมันไว้”
สามอายะฮฺข้างต้น..อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงกล่าวถึงสิ่งที่บรรดาผู้ปฏิเสธต่อวันตอบแทนจะได้รับในวันกิยามะฮฺ
ประการแรก
พวกเขาจะถูกปิดกั้นจากพระเจ้าของพวกเขา ซึ่งก็มีคำอธิบายว่า พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้มองเห็นอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเลย .. ในโลกดุนยาก็ไม่มีโอกาสได้เห็น ในโลกอาคิเราะฮฺ ในวันกิยามะฮฺ ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นอีกเช่นกัน ..
ในขณะที่ ในวันกิยามะฮฺนั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงเผยตนเองของพระองค์ให้บรรดาผู้ศรัทธาได้เห็น โดยที่บรรดาผู้ศรัทธาต่างก็จะได้เห็นพระองค์อย่างชัดเจนด้วยตาของพวกเขาเอง
ในอัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลกิยามะฮฺ อายะฮฺที่ 22 – 23 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
وُجُوهٞ يَوۡمَئِذٖ نَّاضِرَةٌ ٢٢ إِلَىٰ رَبِّهَا نَاظِرَةٞ ٢٣
“ในวัน(กิยามะฮฺ)นั้น หลายๆใบหน้าจะเบิกบาน จ้องมองไปยังพระเจ้าของเขา”
ประการที่สอง
แล้วหลังจากนั้น พวกเขาก็จะต้องตกนนรก เข้าไปอยู่ในนรกที่ชื่อ อัลญะฮีม เป็นนรกที่มีเปลวไฟลุกโชติช่วง
ประการที่สาม
จะมีเสียงประหนึ่งเย้ยหยันได้กล่าวแก่พวกเขาว่า การที่พวกเขาต้องตกลงไปในนรกนั้นก็เพราะว่า สิ่งที่พวกเขาได้ปฏิเสธไว้ในโลกดุนยา
ซึ่งก็มีคำอธิบายอีกด้วยว่า การที่พวกเขาปฏิเสธนั้น เป็นเพราะพวกเขาเข้าใจผิด พวกเขาไปคิดเอาเองว่า เมื่อพวกเขาอยู่บนโลกดุนยา พวกเขาอยู่อย่างสุขสบาย มีฐานะมั่งคั่งร่ำรวย มีลูกหลานมากมาย นั่นแสดงว่า อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงรัก ทรงโปรดปรานพวกเขา ดังนั้น หากวันแห่งการตอบแทนมีจริงดังที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นำมาบอกละก็ มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เพราะอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็จะทรงโปรดปรานพวกเขาเหมือนดังเช่นที่พวกเขาได้รับบนโลกดุนยา ..แต่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็ได้ตรัสแย้งว่า كـَلَّآ มันไม่ใช่เช่นนั้นหรอก
นี่ก็เป็นเรื่องที่เราต้องระมัดระวังตัวเราให้ดี เราต้องตระหนักอยู่เสมอว่า การจงใจ ตั้งใจกระทำสิ่งที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติศาสนาของ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ก็ประหนึ่งว่ามันคือ การปฏิเสธต่อวันแห่งการตอบแทนเช่นกัน .แต่หากเราพลาดพลั้งไป ไปยอมแพ้ให้แก่นัฟซู อารมณ์ของตัวเอง หรือหลงไปกับการล่อลวงของชัยฏอน ก็ขอให้เรารู้สำนึกตัวได้ พร้อมทั้งอิสติฆฟาร เตาบะฮฺตัวต่ออัลลอฺฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอยู่เสมอ ๆ
(นะศีหะหฺ มัสญิดดารุลอิหฺซาน บางอ้อ )
Click.... อรรถาธิบาย เรื่องราวของซูเราะฮฺอัลมุฏ็อฟฟิฟีน 3