ปรนนิบัติรับใช้แม่
แปลและเรียบเรียง....เพจวันละหนึ่งความคิด
-เชค อะซี้ซ ฟัรฮาน อัลอะนะศี ฮะฟิศ่อฮุ้ลลอฮฺ -
การที่ท่านปรนนิบัติรับใช้แม่ ...ดีกว่าการที่ท่านนั่งอ่านอัลกุรอาน
การที่ท่านปรนนิบัติรับใช้แม่ ...ดีกว่าการที่ท่านละหมาดฎุฮา
การที่ท่านปรนนิบัติรับใช้แม่ ...ดีกว่าการทำศ่อดาเกาะฮฺ
การที่ท่านนั่งทานข้าวกับแม่ และตักอาหารให้แม่สักคำหนึ่ง ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ การกระทำนี้นับว่าดียิ่งกว่า การทำการงานที่เป็นภาคสมัครใจ (นะวาฟิล) และการงานที่ดีอื่นๆ อีกมากมาย เพราะสิ่งที่เป็นวาญิบ (จำเป็นต้องกระทำ) นั้น นำหน้าสิ่งที่เป็นซุนนะฮฺ (เรื่องที่ศาสนาส่งเสริมให้กระทำ)
ละหมาดฎุฮาเป็นซุนนะฮฺ อ่านอัลกุรอานเป็นซุนนะฮฺ ละหมาดกิยามุลลัยลฺเป็นซุนนะฮฺ
หากสิ่งเหล่านี้มันกระทบกับการทำดีต่อพ่อแม่ การทำดีกับท่าน ปรนนิบัติรับใช้ท่านนั้นต้องมาก่อน!
การทำดีต่อพ่อแม่ การเชื่อฟังท่านทั้งสอง ปรนนิบัติรับใช้ท่านทั้งสอง ถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่จำเป็นต้องปฏิบัติที่สุด และเป็นหนึ่งในหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
หลักฐานในเรื่องนี้ก็คือ ดำรัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา ในอัลกุรอานที่ว่า
"และพวกเจ้าจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ และอย่าได้ตั้งสิ่งใดเป็นภาคีต่อพระองค์ และจงปฏิบัติอย่างดีต่อบิดามารดา"
"และพระเจ้าของเจ้าทรงมีบัญชาว่า พวกเจ้าอย่าได้เคารพสักการะสิ่งอื่นใด นอกเหนือจากอัลลอฮฺ และจงทำดีต่อบิดามารดา"
มีคนมาหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม เพื่อขอออกญิฮาด
ท่านถามกลับว่า พ่อแม่ของท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
ชายผู้นั้นตอบว่า "ใช่ครับ"
ท่านตอบว่า "การญิฮาดนั้นอยู่กับท่านทั้งสอง"
ใครก็ตามที่ได้ทำดีต่อพ่อแม่ นั่นเท่ากับว่าเขาได้ทำการญิฮาดที่ยิ่งใหญ่ในหนทางของอัลลอฮฺ
ไม่มีใครประสบความสำเร็จเรื่องนี้ได้ นอกจากผู้ที่อัลลอฮฺทรงอำนวยให้เขาได้รับความสำเร็จเท่านั้น !
- เชค สุลัยมาน อัรรุฮัยลีย์ หะฟิศ่อฮุลลอฮฺ -
ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ไม่มีสิ่งใดที่นำพาบะรอกัต (สิริมงคล) มายังชีวิตเรา ได้เหมือนกับ 2 สิ่งนี้เป็นอันขาด นั่นคือ การอ่านอัลกุรอานมากๆ และการเอาใจใส่ในการทำดีต่อบิดามารดา
ใครที่ใส่ใจในการอ่านอัลกุรอานทุกวัน และเป็นคนที่ทำดีต่อพ่อแม่ บะรอกัตจะอยู่ห้อมล้อมตัวเขา และอัลลอฮฺ อัศศ่ะวะญัล จะประทานบะรอกัตให้กับเขา
คนเราส่วนมากทุกวันนี้ ต่างโอดครวญพร่ำบ่นถึงเวลาที่ไม่มีบะรอกัต บ่นว่าไม่สามารถทำอะไรได้สำเร็จลุล่วงสักที
หากท่านต้องการทางรักษา ยารักษานี้มีอยู่จริง คือ อ่านอัลกุรอานทุกวัน และตั้งใจทำดีกับพ่อแม่ของท่าน
- เชค อะซี้ซ ฟัรฮาน อัลอะนะซีย์ ฮะฟิศ่อฮุ้ลลอฮฺ -
ตาบีอีนบางท่านระบุว่า ใครก็ตามที่ได้ขอดุอาอฺให้บุพการีของตนวันละ 5 ครั้ง แน่นอนเขาได้ปฏิบัติในสิทธิที่พึงกระทำต่อท่านทั้งสองแล้ว
โดยได้อ้างอิงหลักฐานจากดำรัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ว่า:
"أن اشكر لي ولوالديك إلي المصير
"และเจ้าจงกตัญญูต่อข้า และต่อบิดามารดาของเจ้า และยังข้านั้น คือ สถานที่กลับไป"
(ลุกมาน /14)
ดังนั้น การแสดงความขอบคุณอัลลอฮฺหรือกตัญญูต่อพระองค์นั้น หมายถึง การละหมาด (ฟัรฎู) 5 เวลา
ทำนองเดียวกัน การแสดงความกตัญญูต่อบุพการี คือ การขอดุอาอฺให้ท่านทั้งสองทุกวันวันละ 5 ครั้ง
มีผู้ประเสริฐท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า : ตั้งแต่ที่ฉันได้ยินคำพูดนี้จากตาบีอีนบางท่าน ฉันก็ไม่เคยทิ้งการขอดุอาอฺให้กับบิดามารดาของฉัน ในทุกครั้งที่ละหมาด (ฟัรฎู) 5 เวลาอีกเลย
ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :
"เมื่อลูกหลานอาดัมเสียชีวิตลง การงานของเขาจะสิ้นสุดลงด้วย นอกจาก ๓ ประการเท่านั้น คือ
♥ ศ่อดาเกาะฮฺ ญารียะฮฺ (กุศลทานที่ไหลริน)
♥ ความรู้ที่ยังประโยชน์
♥ และลูกที่ดีที่ขอดุอาอฺให้แก่เขา"
(บันทึกโดย อิมามมุสลิม)
ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า:
"7 ประการ ที่ผลบุญของมันยังคงไหลรินต่อเนื่องสำหรับผู้เป็นบ่าว ขณะที่เขาอยู่ในหลุมฝังศพหลังจากที่เขาได้สิ้นชีวิตลง ก็คือ
1) คนที่สอนวิชาความรู้ที่มีประโยชน์
2) หรือทำให้ธารน้ำไหลริน
3) หรือขุดบ่อน้ำ (เพื่อสาธารณะประโยชน์)
4) หรือปลูกต้นอินทผาลัม
5) หรือสร้างมัสยิด
6) หรือเหลืออัลกุรอานทิ้งไว้เป็นมรดก (มีส่วนร่วมในการจัดพิมพ์ เผยแพร่ ซื้อหา แจกจ่ายเพื่อให้คนอื่นได้อ่านได้ศึกษา)
7) หรือคนที่เหลือลูกหลานที่ทำหน้าที่ขออภัยโทษให้แก่เขา หลังจากที่เขาได้เสียชีวิตไปแล้ว" (ได้อบรมสั่งสอนบุตรหลานเป็นอย่างดี)
(อิมาม อับอัลบานียฺ ระบุว่าเป็นฮะดีษฮาซัน)
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙