ถ้อยคำแห่งปวงปราชญ์ 107
  จำนวนคนเข้าชม  67

ถ้อยคำแห่งปวงปราชญ์ 107

 

แปลและเรียบเรียง....เพจวันละหนึ่งความคิด

 

 

ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

 

لا تقومُ السَّاعةُ حتَّى يُمطَرَ النَّاسُ مطرًا لا تُكِنُّ منهُ بيوتُ المدرِ ولا تُكِنُّ منهُ إلَّا بيوتُ الشَّعَرِ

 

"วันกิยามะฮฺ จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าฝนจะตกหนัก จนบ้านที่ทำมาจากดิ้นนั้น ไม่สามารถต้านทานไว้ได้

และไม่มี (อาคารบ้านเรือน) ที่จะคุ้มกันได้ เว้นแต่บ้านที่ทำจากขนสัตว์เท่านั้น"*

(บันทึกโดย อิมาม อะฮฺมัด 13/91)

          *จะเกิดสิ่งที่ผิดจากสภาวะปกติ อาคารบ้านเรือนที่ทำจากอิฐหินที่แข็งแกร่ง เป็นที่อยู่อาศัยที่มั่นคงซึ่งมักจะอยู่ในเมืองจะถูกฝนถล่มหนัก และถูกน้ำเข้าเล่นงาน ขณะที่บ้านที่ทำมาจากขนสัตว์ ซึ่งหมายถึงที่อยู่อาศัยของผู้อยู่ห่างไกลตามชนบท หรือผู้เร่ร่อน จะไม่ประสบกับเหตุการณ์ดังกล่าว อัลลอฮุอะอฺลัม 

 

 

ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

 

لا تَقُومُ السَّاعَةُ حتى يُمْطَرَ الناسُ مَطَرًا عَامًّا ، و لا تَنْبُتَ الأرضُ شيئًا

 

"วันกิยามะฮฺ จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าผู้คนจะถูกฝนกันโดยถ้วนทั่ว

แต่แผ่นดินจะไม่มีสิ่งใดงอกเงยออกมา แม้แต่เพียงสิ่งเดียว"

(บันทึกโดยอิมาม อะฮฺมัด 3/140)

 

 

มีรายงานจากท่านอบีฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺ ว่า: ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

 

" ليست السنة بأن لا تمطروا ، ولكن السنة أن تمطروا وتمطروا ولا تنبت الأرض شيئا "

 

"ภัยแล้ง ไม่ได้หมายความว่า แล้งฝน

แต่ภัยแล้ง หมายถึง การมีฝนตกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ผืนดินกลับไม่มีสิ่งใดงอกเงยขึ้นมา"

(บันทึกโดย อิมามมุสลิม)

 

 

ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

 

"วันกิยามะฮฺจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่า แผ่นดินอาหรับจะกลับไปเป็นผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำลำธารมากมาย"

(บันทึกโดย อิมามมุสลิม)

 

 

 

- เชค อับดุลและซี้ซ บิน บ๊าศ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ-

 

          คนเราหากไม่เข้าไปอยู่ร่วมในกลุ่มที่หาความรู้ หรือฟังคุตบะห์ หรือไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ถูกถ่ายทอดมาจาก นักวิชาการแล้วละก็ สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่เพิ่มพูนความหลงลืม เผลอไผลให้กับเขา 

          และอาจถึงขั้นทำให้หัวใจของเขา แข็งกระด้าง กระทั่งกลายเป็นนิสัยประจำตัว เป็นหัวใจที่ถูกปิดผนึก และกลายเป็นหนึ่งในผู้หลงลืมเผลอไผลในสุด

 

 

 

ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า : 

 

“แท้จริงสิ่งที่หะลาล (อนุมัติ) นั้น ชัดเจน และสิ่งที่หะรอม (ต้องห้าม)นั้นก็ชัดเจน

 และระหว่างทั้งสองนั้น คือสิ่งที่คลุมเครือ (ชุบฮาต) ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่รู้

 ดังนั้น ผู้ใดก็ตามที่ระมัดระวัง และปกป้องตัวเองให้พ้นจากสิ่งคลุมเครือ 

แท้จริง เขาได้ทำให้ศาสนาและเกียรติของเขา บริสุทธิ์ปราศจากมลทินแล้ว

และผู้ใดที่ตกไปอยู่ในสิ่งคลุมเครือ ก็เสมือนกับว่าเขาได้ตกไปอยู่ในสิ่งที่หะรอม

ดังเช่นผู้ที่เลี้ยงปศุสัตว์รอบบริเวณเขตหวงห้าม ซึ่งมันจวนเจียนเหลือเกินที่จะเล็ดลอดเข้าไปในเขตหวงห้าม

พึงทราบเถิดว่า กษัตริย์แต่ละพระองค์ ล้วนแล้วแต่มีเขตหวงห้าม

และพึงทราบเถิดว่า แท้จริง เขตหวงห้ามของอัลลอฮฺนั้น คือสิ่งต้องห้ามทั้งหลายของพระองค์"

(บันทึกโดย อิมามอัลบุคอรีย์ และอิมามมุสลิม )

 

 

 

-ท่านหญิง อาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา-

 

"แท้จริง ผู้คนทั้งหลายได้ละเลยเพิกเฉย กับเรื่องศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นั่นคือ  ความวะเราะอฺ*"

(อัศศุฮด์ 361)

     * หมายถึง การออกห่างจากสิ่งต้องสงสัย (ชุบฮาต)เพื่อป้องกันไม่ให้พลาดพลั้งตกไปในสิ่งที่หะรอม

 

 

 

- เชค สุลัยมาน อัรรุฮัยลีย์ หะฟิศ่อฮุ้ลลอฮฺ -

 

     จงอยู่ในดุนยาเหมือนคนที่เดินอยู่บนพื้นที่มีเสี้ยนหนาม กลัวว่าจะถูกหนามทิ่มแทง

     ฉันใดก็ฉันนั้นกับการที่ท่านมีชีวิตอยู่ในดุนยา ท่ามกลางเสี้ยนหนามแห่งชุบฮาต (สิ่งคลุมเครือ) และเสี้ยนหนามแห่งชะฮะวาต (กิเลสตัณหา)

     ดังนั้น พึงระวังดุนยา และขวากหนามที่มีอยู่ในดุนยาเอาไว้ให้ดี และพึงปฏิบัติเฉกเช่นคนที่เดินย่ำอยู่บนพื้นหนาม ซึ่งเขาจะคอยระแวดระวังสิ่งที่ตามองเห็นเสมอ

(ชัรฮฺ กิตาบอัซซุนนะฮฺ บทเรียนที่หนึ่ง)

 

 

 

- เชค ซอลิห์ อัลอุศ็อยมีย์ หะฟิศ่อฮุ้ลลอฮฺ -

 

     เมื่อข้อคลุมเครือ (ชุบฮะฮฺ) ที่แฝงอยู่ภายใต้อาภรณ์แห่งกิเลส (ชะฮฺวะฮฺ) ปรากฏให้เห็นอย่างเปิดเผย

     มันจะยิ่งแพร่กระจายขยายวงออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล การบุกทะลวงเข้าไปเป็นเรื่องที่ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม

     คนที่ละเมิดข้อห้ามกลับไม่รู้ถึงภัยอันตรายของความผิดว่าหนักหนาสาหัสเพียงใด

     คนที่ได้รับคำตักเตือนห้ามปราม ไม่มีความรู้ความเข้าใจในความชั่วช้าของความผิดที่กระทำลงไป

     ดังนั้น จงตื่นตัวอย่างมีสติพอ สำหรับชุบฮาตที่แอบแฝงซ่อนเร้นอยู่ในชะฮะวาต (การปฏิบัติตามอารมณ์)

     เพราะมันคือ ภัย ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าภัยใดๆ

 

 

 

 -อิมาม อัซซะหะบีย์ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ-

 

คนที่สัจจริง...

จะพูดแต่น้อย...รับประทานแต่น้อย...นอนหลับแต่น้อย...และพบปะสุงสิงกับผู้คนแต่น้อย

แต่จะกล่าว...

บทรำลึก (อ่านอัลกุรอาน) มีความนอบน้อมถ่อมตน ... รำลึกถึงความตาย ... และกล่าว لاحول ولا قوة إلا بالله * อย่างมากมาย

*"ลาเฮาล่ะ วะลากูวะต่ะ อิ้ลลา บิ้ลลาฮฺ"

( ไม่มีอำนาจและพลังใดๆ จะบันดาลให้เกิดสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ นอกจากด้วยอำนาจและพลังของอัลลอฮฺเท่านั้น )

 

 

 

- ท่านชัยคุลอิสลาม อิบนิ ตัยมียะฮฺ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ –

 

          ผู้ใดปรารถนาที่จะไปถึงระดับขั้นของผู้ทำความดี และเป็นเช่นบรรดาคนดีทั้งหลาย ก็จงตั้งเจตนาในทุกๆ วันที่ดวงอาทิตย์ยังคงขึ้น (พ้นขอบฟ้า)ในการที่จะยังประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ ตามที่อัลลอฮฺทรงให้เขามีความสะดวกง่ายดาย ที่จะเกื้อกูลพวกเขาเถิด

และจงภักดีเชื่อฟังอัลลอฮฺ  ในการแสวงหาสิ่งฮะล้าล ละทิ้งจากสิ่งฮะรอม

และหลีกหนีออกห่างจากชุบฮาต (สิ่งคลุมเครือต้องสงสัย) เท่าที่สามารถกระทำได้เถิด

     เพราะแท้จริง การแสวงหาสิ่งหะล้าล และการใช้จ่าย (บริจาค) ให้เเก่ครอบครัว คือช่องทางอันยิ่งใหญ่ ที่ไม่มีการงานที่ดีใดๆ เทียบเคียงได้เลย

 

 

 

 

๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓