การละหมาดฟัรฏู ๕ เวลา
แปล เรียบเรียง... อบูอัรวา
บรรดามุสลิมทั้งหลาย แท้จริงอัลลอฮฺทรงโปรดปรานแก่พวกเรา ด้วยการที่พระองค์ทรงบัญญัติแก่พวกเราซึ่งอิบาดะฮฺต่างๆ ที่จะนำเราเข้าใกล้ชิดพระองค์, ดังนั้นผู้ศรัทธาจึงเป็นผู้ที่มีความต้องการอย่างที่สุดต่อพระผู้ทรงบังเกิดในการที่จะเข้าใกล้ชิดพระองค์ด้วยอิบาดะฮฺที่เป็นฟัรฏู, ที่เป็นซุนนะฮฺ กระทั่งได้รับความพอพระทัยจากพระองค์
เมื่ออัลลอฮฺทรงพอพระทัยบ่าวของพระองค์คนใด ชีวิตของเขาก็จะเปี่ยมล้นไปด้วยความพอเพียงและความผาสุก, เนื่องด้วยเพราะดุนยาสำหรับมุอฺมิน มันคือหนทางที่จะต้องผ่านไป มิใช่เป้าหมายอันสูงสุด, ฉะนั้นจงเอาใจใส่เถิด โอ้บ่าวของอัลลอฮฺ ต่อการยำเกรงพระองค์และเคร่งครัดในคำสั่งใช้และออกห่างจากข้อห้ามของพระองค์
ในเมื่อการละหมาด คือ อิบาดะฮฺที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่อัลลอฮฺทรงกำหนดให้เป็นฟัรฏู จึงจำเป็นที่จะต้องระวังในความสำคัญและการปฏิบัติให้เป็นไปตามเวลาที่กำหนด
อัลลอฮฺ ตรัสในคัมภีร์ของพระองค์
(وَأَقِيمُوا الصَّلَاةَ وَآتُوا الزَّكَاةَ وَمَا تُقَدِّمُوا لِأَنفُسِكُم مِّنْ خَيْرٍ تَجِدُوهُ عِندَ اللَّـهِ إِنَّ اللَّـهَ بِمَا تَعْمَلُونَ بَصِيرٌ)
“และพวกเจ้า จงดำรงไว้ซึ่งการละหมาดเถิด และจงชำระซะกาตเสีย
และความดีใด ๆ ที่พวกเจ้าได้ประกอบล่วงหน้าไว้สำหรับตัวของพวกเจ้าเอง พวกเจ้าจะพบมัน ณ ที่อัลลอฮฺ
แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงเห็นในสิ่งที่พวกเจ้าปฏิบัติกันอยู่”
(อัล - บะเกาะเราะฮฺ โองการที่ ๑๑๐)
การทิ้งละหมาด หรือ ล่าช้าออกไปจากเวลาที่กำหนด คือ บาปใหญ่
การละหมาด คือ เครื่องหมายของศรัทธาที่เผยให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำกันในความมุ่งมั่นปารถนา, เป็นรุก่นข้อที่สองในบรรดารุก่นอิสลาม
ท่านนบีอิบรอฮีม วิงวอนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
(رَبِّ اجعَلني مُقيمَ الصَّلاةِ وَمِن ذُرِّيَّتي رَبَّنا وَتَقَبَّل دُعاءِ)
“โอ้ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์และจากลูกหลานของข้าพระองค์เป็นผู้ดำรงการละหมาด
โอ้ พระเจ้าของเรา ขอพระองค์ทรงตอบรับการวิงวอนของข้าพระองค์ด้วยเทอญ”
(อิบรอฮีม โองการที่ ๔๐)
บ่าวของอัลลอฮฺทั้งหลาย ,จงมั่นคงอยู่บนการเชื่อฟังอัลลอฮฺเถิด, เคร่งครัดต่อคำสั่งใช้, และออกห่างจากข้อห้ามทั้งหลายของพระองค์, แท้จริงอัลลอฮฺทรงกำหนดฟัรฏูการละหมาดในค่ำคืนอัลอิสรออฺและมิอฺรอจ, โดยเป็นฟัรฏูเหนือมุสลิมทุกคน, ดังนั้นใครก็ตามที่รักษาการละหมาดเขาจะเป็นผู้มีชัยชนะ ด้วยกับรางวัลอันยิ่งใหญ่ และใครที่ละเลยก็จะเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ขาดทุน
รายงานจากท่านมุอาซ บิน ญะบั้ล ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุม แท้จริงท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิว่าซัลลัม กล่าวว่า
(رأسُ الأمرِ الإسلام، وعمودُه الصَّلاةُ، وذِروةُ سَنامِهِ الجِهادُ)
“เสาหลักของกิจการ นั้นคืออิสลาม เสาของมันคือการละหมาด และจุดสุดยอดของมันคือการญิฮาด”
พึงรู้เถิด บรรดามุสลิมทั้งหลาย ว่า การละทิ้งละหมาดเป็นบาปใหญ่ที่สุด, ผู้ที่ละทิ้งละหมาดด้วยความจงใจจะประสบกับความกริ้วโกรธจากอัลลอฮฺ,
อัลลอฮฺ ตรัสว่า
(فَخَلَفَ مِن بَعْدِهِمْ خَلْفٌ أَضَاعُوا الصَّلَاةَ وَاتَّبَعُوا الشَّهَوَاتِ فَسَوْفَ يَلْقَوْنَ غَيّاً)
“ภายหลังจากพวกเขา ชนรุ่นชั่วก็ได้สืบต่อมา พวกเขาได้ทิ้งละหมาด และปฏิบัติตามความใคร่ ต่อมาพวกเขาก็จะประสบความหายนะ”
(มัรยัม โองการที่ ๕๙)
พี่น้องผู้มีเกียรติทั้งหลาย, บางครั้งผู้เป็นมุสลิมในหมู่พวกเราทิ้งละหมาดด้วยความเกียจคร้าน บ้างก็ทิ้งละหมาดด้วยความดื้อดึงไม่ยอมรับว่าการละหมาดเป็นฟัรฏู, ดังนั้นใครที่ทิ้งละหมาดเนื่องด้วยความเกียจคร้านโดยที่เขายังคงเชื่อและศรัทธาว่าการละหมาดเป็นวายิบ (จำเป็นต้องปฏิบัติ) เขาเป็นหนึ่งในบรรดามุสลิมที่ประพฤติชั่ว, และใครที่ทิ้งละหมาดเนื่องด้วยความดื้อดึงไม่ยอมรับบทบัญญัติการละหมาด เขาคือกาเฟร และเป็นผู้ที่กลับออกจากศาสนา (ตกศาสนา)
ฉะนั้นพึงระวังเถิด พี่น้องทั้งหลาย ระวังการกระซิบกระซาบจากชัยฏอน และจงเชื่อฟังอัลลอฮฺ เพื่อที่พวกท่านทั้งหลายจักได้รับความพอพระทัยและได้เข้าสวนสวรรค์ของพระองค์
แท้จริงวายิบการละหมาดที่อยู่เหนือมุสลิมทุกคน ที่บรรลุศาสนภาวะ มีสติปัญญาสมบูรณ์ คือเรื่องที่เห็นพ้องกันในหมู่มุสลิมทั้งหมด
เนื่องจากวายิบของการละหมาดได้ถูกยืนยันอย่างเด็ดขาดในอัลกุรอ่าน ในซุนนะฮฺ และการเห็นพ้องกันในหมู่ปวงปราชญ์ (อิจมาอฺ) , การทิ้งละหมาดจะเป็นผลให้ได้รับการลงโทษ
อัลลอฮฺ ตรัสว่า
(مَا سَلَكَكُمْ فِي سَقَرَ * قَالُوا لَمْ نَكُ مِنَ الْمُصَلِّينَ)
“อะไรที่นำพวกท่านเข้าสู่กองไฟที่เผาใหม้ *
พวกเขากล่าวว่า เรามิได้อยู่ในหมู่ ผู้ทำละหมาด”
(อัลมุดดัซซิร โองการที่ ๔๒-๓๒)
บรรดามุสลิมทั้งหลาย แท้จริงความประเสริฐของการละหมาดนั้นยิ่งใหญ่, การละหมาดคือเสาหลักของศาสนา และสายสัมพันธ์ที่มีต่ออัลลอฮฺอันแน่นแฟ้น ที่ไม่มีวันขาดออก,
การละหมาด คืออิบาดะฮฺแรก ที่ถูกกำหนดให้เป็นฟัรฏู แก่ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิว่าซัลลัม
และเป็นสิ่งสุดท้ายที่ท่านนบีกำชับสั่งเสียเอาไว้ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต,
แท้จริงอัลลอฮฺทรงสั่งใช้พวกเราให้ดำรงและรักษาการละหมาด,
การละหมาดคือความรอดปลอดภัยในวันกิยามะฮฺ,
ด้วยกับการละหมาดทำให้หัวใจสงบนิ่ง, เปี่ยมด้วยความผ่อนคลาย
ดังนั้นเราจะไม่พบเจอผู้ที่รักษาการละหมาดตกอยู่ในความคับอกคับใจ
พี่น้องมุสลิม จงกลับสู่อัลลอฮฺและฟื้นฟูสายสัมพันธ์ของท่านกับพระองค์ด้วยการละหมาด ย่อมไม่มีความสำเร็จและที่พึ่งใดนอกจากด้วยกับพระองค์, ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่าการละหมาดหาใช่อื่นใดนอกจากความดีและสิ่งเป็นสิ่งที่จะช่วยเหลือให้มีความอดทนต่อความยากลำบากในการดำเนินชีวิต, คราใดที่จิตใจท้อแท้ การละหมาดก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยแบกรับสิ่งที่หนักอกหนักใจและทำให้มันทุเลาเบาบางลง,การขจัดความเดือดร้อน และการตอบรับดุอา โดยไม่ได้ยืนอยู่เบื้องหน้าพระองค์ในสภาพผู้ทำการละหมาดนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร ?
ท่านทั้งหลายจงกลับตัวต่ออัลลอฮฺ บ่าวของอัลลอฮฺทั้งหลาย พระองค์จะทรงเมตตาเราและท่านทั้งหลาย
บ่าวของอัลลอฮฺทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า โทษทัณฑ์ของผู้ทิ้งละหมาดนั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก, ถือเป็นบาปที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาบาปใหญ่ทั้งหลาย, อาชญากรรมที่ร้ายแรง, ฉะนั้นผู้ใดที่ทิ้งละหมาดโดยตั้งใจย่อมประสบกับเขาซึ่งความกริ้วโกรธจาก อัลลอฮฺ, พระองค์และร่อซู้ลของพระองค์จะหันห่างจากเขา, เขาจะประสบกับการลงโทษในดุนยา, ผู้ทิ้งละหมาดจะทุกข์เข็นและประสบกับเคราะห์กรรม, และการลงโทษในโลกแห่งหลุมฝังศพ
บ่าวของอัลลอฮฺทั้งหลาย แท้จริงการละหมาดห้าเวลา, เมื่อได้รับการตอบรับ การงานอื่นๆ ก็จะได้รับการตอบรับด้วย, การละหมาดเป็นสิ่งที่จำแนกระหว่างมุอฺมินผู้ศรัทธาและการฟิรผู้ปฏิเสธ, ดังนั้นจึงไม่มีวันใดที่ละหมาดจะเป็นอุปสรรค์เป็นปัญหาสำหรับผู้ศรัทธา, หากแต่เป็นความดีและความจำเริญ ร่องรอยของการละหมาดที่ส่งผลอันชัดเจนต่อตัวของมุสลิมในการดำเนินชีวิตของเขา, ปัจจัยยังชีพของเขา, และเรื่องราวอื่นๆ ทั้งหมดของเขา
ฉะนั้นจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิดบ่าวของอัลลอฮฺทั้งหลาย, อย่าได้หย่อนยานในเรื่องการละหมาด ในขณะเดียวกันก็พยายามออกห่างไกลจากก้าวเท้าของชัยฏอน เพราะชัยฏอนเป็นศัตรูกับอัลลอฮฺ,
แท้จริงการละหมาดของพวกท่านคือการงานที่ดีที่สุดของท่านทั้งหลาย ,เป็นสิ่งแรกที่จะถูกสอบสวนในวันกิยามะฮฺ, ดังนั้นพึงเอาใจใส่อย่างที่สุดกับเสาหลักแห่งอัลอิสลามของพวกท่าน