ต้นแบบ และผลลัพธ์ ที่ทุกคนคาดหวัง
  จำนวนคนเข้าชม  103

ต้นแบบ และผลลัพธ์ ที่ทุกคนคาดหวัง

 

แปล เรียบเรียง อบูอัรวา

 

( جَنَّاتُ عَدْنٍ يَدْخُلُونَهَا وَمَنْ صَلَحَ مِنْ آَبَائِهِمْ وَأَزْوَاجِهِمْ وَذُرِّيَّاتِهِمْ وَالْمَلائِكَةُ يَدْخُلُونَ عَلَيْهِمْ مِنْ كُلِّ بَابٍ

* سَلامٌ عَلَيْكُمْ بِمَا صَبَرْتُمْ فَنِعْمَ عُقْبَى الدَّارِ)

 

“สวนสวรรค์ทั้งหลายอันสถาพร พวกเขาจะเข้าไปอยู่พร้อมกับผู้ทำดีจากบรรพบุรุษของพวกเขา

และคู่ครองของพวกเขา และบรรดาลูกหลานของพวกเขา 

และมะลาอิกะฮฺจะเข้ามาหาพวกเขาจากทุกประตู (ของสวนสวรรค์) *

(พร้อมกับกล่าวว่า) ความศานติจงมีแด่พวกท่าน เนื่องด้วยพวกท่านได้อดทน มันช่างดีเสียนี่กระไรที่พำนักบั้นปลายนี้”

( อัรเราะอฺดฺ โองการที่ ๒๓ - ๒๔)

 

          บรรดามุสลิมทั้งหลาย อัลลอฮฺทรงกล่าวถึงผู้ใกล้ชิดพระองค์, ทรงเจาะจงบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงรัก ซึ่งที่ได้ทรงตระเตรียมสวนสวรรค์ไว้ให้แก่พวกเขา โดยในสวนสวรรค์มีความผาสุกอันนิรันดร์, พระองค์ทรงชมเชยพวกเขาด้วยคุณลักษณะอันสมบูรณ์และการงานที่สูงส่งยิ่ง, จรรยามารยาทอันงดงาม, อีหม่านที่แท้จริง, พูดสิ่งที่ดี, และมายาทอันเพรียบพร้อม,

          แล้วพระองค์ทรงรวบรวมความสมบูรณ์ทั้งหลายไว้ในผู้เป็นแบบอย่างแก่ปวงบ่าวของพระองค์ นบีมุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิว่าซัลลัม ศาสนทูตท่านสุดท้าย ผู้นำเหล่าศาสนทูต, พระองค์ทรงชมเชยและทรงยกย่องอย่างหนักแน่นด้วยการสาบานอันยิ่งใหญ่

 

( وَإِنَّكَ لَعَلَى خُلُقٍ عَظِيمٍ )

“และแท้จริง เจ้านั้นอยู่บนคุณธรรมอันยิ่งใหญ่”

( อัลก้อลัม โองการที่ ๔)

 

     หลังจากนั้นพระองค์ทรงสั่งใช้ให้บรรดาผู้มีอีหม่านดำเนินตามแบบอย่างแห่งศาสนทูตของพระองค์ พระองค์ตรัสว่า

 

( لَقَدْ كَانَ لَكُمْ فِي رَسُولِ اللَّهِ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ لِمَنْ كَانَ يَرْجُو اللَّهَ وَالْيَوْمَ الآَخِرَ وَذَكَرَ اللَّهَ كَثِيرًا )

“โดยแน่นอน ในรอซูลของอัลลอฮฺมีแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้ว 

สำหรับผู้ที่หวัง (จะพบ) อัลลอฮฺ และวันปรโลก และรำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมากมาย”

( อัลอะหฺซาบ โองการที่ ๒๑)

     จรรยามารยาทของท่านนบี คืออัลกุรอ่าน, กระทำในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสั่งใช้, ละทิ้งสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสั่งห้าม, มีจรรยามารยาทที่อัลลอฮฺทรงรัก, และออกห่างไกลจากพฤติกรรมที่อัลลอฮฺทรงกริ้วโกรธ บรรดามุสลิมทั้งหลาย อัลลอฮฺ ตรัสว่า

 

( وَمَا آَتَاكُمُ الرَّسُولُ فَخُذُوهُ وَمَا نَهَاكُمْ عَنْهُ فَانْتَهُوا )

“และอันใดที่รอซูลได้นำมายังพวกเจ้าก็จงยึดเอาไว้ และอันใดที่ท่านได้ห้ามพวกเจ้าก็จงละเว้นเสีย” 

(อัลฮัชรฺ โองการที่ ๗)

 

     ด้วยเหตุนี้เอง บรรดาซอฮาบะฮฺของท่านนบี คือผู้ที่มีชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สุด ในบรรดาผู้คนทั้งหลายรองจากบรรดานบี อันเนื่องจากการชมเชยอันยิ่งใหญ่, และสัญญาจากอัลลอฮฺ อย่างให้เกียรติสูงสุด, ความพอพระทัยและความผาสุกอันนิรันดร์ อัลลอฮฺตรัสว่า

 

( فَالَّذِينَ آَمَنُوا بِهِ وَعَزَّرُوهُ وَنَصَرُوهُ وَاتَّبَعُوا النُّورَ الَّذِي أُنْزِلَ مَعَهُ أُولَئِكَ هُمُ الْمُفْلِحُونَ )

“ดังนั้นบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อเขาและให้ความสำคัญแก่เขา และช่วยเหลือเขา 

และปฏิบัติตามแสงสว่างที่ถูกประทานลงมาแก่เขาแล้วไซร้ ชนเหล่านี้แหละคือบรรดาผู้ที่สำเร็จ” 

(อัล - อะอฺรอฟ โองการที่ ๑๕๗)

 

          ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะการเจริญรอยตามของพวกเขาด้วยความเอาใจใส่และสมบูรณ์แบบ, การเชื่อศรัทธาต่อสิ่งที่ท่านนบีนำมาอย่างสนิทใจ, และผู้ที่ดำเนินตามแนวทางของบรรดาศ่อฮาบะฮฺไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยใดก็ตาม เขาก็จะได้อยู่ร่วมกับบรรดาซอฮาบะฮฺและประสบความสำเร็จด้วยการติดตามพวกเขาเหล่านั้น อัลลอฮฺตรัสว่า

 

( وَالسَّابِقُونَ الأَوَّلُونَ مِنَ الْمُهَاجِرِينَ وَالأَنْصَارِ وَالَّذِينَ اتَّبَعُوهُمْ بِإِحْسَانٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمْ وَرَضُوا عَنْهُ وَأَعَدَّ لَهُمْ جَنَّاتٍ تَجْرِي تَحْتَهَا الأَنْهَارُ خَالِدِينَ فِيهَا أَبَدًا ذَلِكَ الْفَوْزُ الْعَظِيمُ ) [التوبة:100].

 

     “บรรดาบรรพชนรุ่นแรกในหมู่ผู้อพยพ (ชาวมุฮายิรีนจากมักกะฮฺ) และในหมู่ผู้ให้ความช่วยเหลือ (ชาวอันศ้อรจากมะดีนะฮฺ) และบรรดาผู้ดำเนินตามพวกเขาด้วยการทำดีนั้น 

     อัลลอฮฺทรงพอพระทัยในพวกเขา และพวกเขาก็พอใจในพระองค์ด้วย และพระองค์ทรงเตรียมไว้ให้พวกเขาแล้ว ซึ่งบรรดาสวนสวรรค์ที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านอยู่เบื้องล่าง 

     พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล นั่นคือชัยชนะอันใหญ่หลวง” 

(อัตเตาบะฮฺ โองการที่ ๑๐๐)

 

         ดังนั้นเมื่อการเจริญรอยตามท่านร่อซู้ล ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิว่าซัลลัม ของพวกเขาในคำพูดการกระทำและการเป็นอยู่ สถานะของพวกเขาจึงยิ่งใหญ่, และความสำเร็จอันสมบูรณ์ยิ่ง

 

( الَّذِينَ آَمَنُوا وَهَاجَرُوا وَجَاهَدُوا فِي سَبِيلِ اللَّهِ بِأَمْوَالِهِمْ وَأَنْفُسِهِمْ أَعْظَمُ دَرَجَةً عِنْدَ اللَّهِ وَأُولَئِكَ هُمُ الْفَائِزُونَ * يُبَشِّرُهُمْ رَبُّهُمْ بِرَحْمَةٍ مِنْهُ وَرِضْوَانٍ وَجَنَّاتٍ لَهُمْ فِيهَا نَعِيمٌ مُقِيمٌ * خَالِدِينَ فِيهَا أَبَدًا إِنَّ اللَّهَ عِنْدَهُ أَجْرٌ عَظِيمٌ )

 

     “บรรดาผู้ที่ศรัทธา และอพยพและต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺทั้งด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขาและชีวิตของพวกเขานั้นย่อมเป็นผู้มีระดับชั้นอันยิ่งใหญ่กว่า ณ ที่อัลลอฮฺ และชนเหล่านี้แหละพวกเขาคือผู้มีชัยชนะ *

     พระเจ้าของพวกเขาทรงแจ้งข่าวดีแก่พวกเขาด้วยความกรุณาเมตตาจากพระองค์ และด้วยความปิติยินดี และบรรดาสวนสวรรค์ด้วย ซึ่งในสวนสวรรค์เหล่านั้น พวกเขาจะได้รับสิ่งอำนวยความสุขอันจีรังยั่งยืน *

     โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในสวนสวรรค์เหล่านั้นตลอดกาล แท้จริงอัลลอฮฺนั้น ณ ที่พระองค์มีรางวัลอันยิ่งใหญ่

(อัต - เตาบะฮฺ โองการที่ ๒๐-๒๒)

 

          บรรดามุสลิมทั้งหลาย ดังที่อัลลอฮฺทรงบัญญัติการเจริญรอยตามท่านนบีมุฮัมมัดซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิว่าซัลลัม ศาสนทูตของพระองค์ ในทุกการกระทำ คำพูด และจรรยามารยาท, แท้จริงอัลลอฮฺทรงบัญญัติการเจริญรอยตามพวกเขาในเรื่องการปลีกตัวจากบรรดาผู้ตั้งภาคี, และให้แปลกแยกจากหมู่ชนเหล่านั้นในการกระทำของพวกเขาที่หลงผิดอย่างชัดแจ้ง 

     อัลลอฮฺ ตรัสว่า

 

( قَدْ كَانَتْ لَكُمْ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ فِي إِبْرَاهِيمَ وَالَّذِينَ مَعَهُ إِذْ قَالُوا لِقَوْمِهِمْ إِنَّا بُرَآَءُ مِنْكُمْ وَمِمَّا تَعْبُدُونَ مِنْ دُونِ اللَّهِ كَفَرْنَا بِكُمْ وَبَدَا بَيْنَنَا وَبَيْنَكُمُ الْعَدَاوَةُ وَالْبَغْضَاءُ أَبَدًا حَتَّى تُؤْمِنُوا بِاللَّهِ وَحْدَهُ إِلا قَوْلَ إِبْرَاهِيمَ لِأَبِيهِ لأَسْتَغْفِرَنَّ لَكَ وَمَا أَمْلِكُ لَكَ مِنَ اللَّهِ مِنْ شَيْءٍ رَبَّنَا عَلَيْكَ تَوَكَّلْنَا وَإِلَيْكَ أَنَبْنَا وَإِلَيْكَ الْمَصِيرُ * رَبَّنَا لا تَجْعَلْنَا فِتْنَةً لِلَّذِينَ كَفَرُوا وَاغْفِرْ لَنَا رَبَّنَا إِنَّكَ أَنْتَ الْعَزِيزُ الْحَكِيمُ * لَقَدْ كَانَ لَكُمْ فِيهِمْ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ لِمَنْ كَانَ يَرْجُو اللَّهَ وَالْيَوْمَ الآَخِرَ وَمَنْ يَتَوَلَّ فَإِنَّ اللَّهَ هُوَ الْغَنِيُّ الْحَمِيدُ )

     “แน่นอน ได้มีแบบอย่างอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้วใน (ตัว) อิบรอฮีม และบรรดา (มุอฺมิน) ผู้ที่อยู่ร่วมกับเขา 

     เมื่อพวกเขากล่าวแก่หมู่ชนของพวกเขาว่า แท้จริงพวกเราขอปลีกตัวจากพวกท่านและสิ่งที่พวกท่านเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮฺ เราขอปฏิเสธศรัทธาต่อ (ศาสนาของ)พวกท่าน 

     และการเป็นศัตรูและการเกลียดชังระหว่างพวกเรากับพวกท่านได้ปรากฏขึ้นแล้ว (และจะคงอยู่)ตลอดไป จนกว่าพวกท่านจะศรัทธาต่ออัลลอฮฺองค์เดียว 

     นอกจากคำกล่าวของอิบรอฮีมแก่บิดาของเขา (ที่ว่า) แน่นอนฉันจะขออภัยโทษให้แก่ท่านทั้งๆ ที่ฉันไม่มีอำนาจอันใดจะช่วยท่าน (ให้พ้นจากการลงโทษ) จากอัลลอฮฺได้ ข้าแต่พระเจ้าของเรา แด่พระองค์ท่าน เราขอมอบหมายและยังพระองค์ท่านเท่านั้นเราขอลุแก่โทษและยังพระองค์ท่านเท่านั้นคือการกลับไป *

     ข้าแต่พระเจ้าของเรา ขอพระองค์ทรงอย่าให้เราเป็นที่ทดสอบของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยให้แก่เรา ข้าแต่พระเจ้าของเรา แท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงอำนาจผู้ทรงปรีชาญาณ *

     โดยแน่นอน ได้มีแบบอย่างอันดีงาม ในพวกเขาสำหรับพวกเจ้าแล้ว แก่ผู้ที่หวังใน (การตอบแทนของ) อัลลอฮฺและวันสุดท้าย และผู้ใดผินหลังให้ (การศรัทธา)

     ดังนั้น แท้จริงอัลลอฮฺคือผู้ทรงพอเพียง ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ”

( อัลมุมตะฮินะฮฺ โองการที่ ๔ – ๖)

 

          อัลลอฮฺ ทรงบัญญัติการเจริญรอยตามค่อลี้ลทั้งสองและบรรดาผู้ที่ยึดถือปฏิบัติตามแนวทางของทั้งสองในการอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺและละทิ้งการอิบาดะฮฺต่อสิ่งอื่นจากพระองค์, การปลีกตัวจากการตั้งภาคีและบรรดาผู้ตั้งภาคีและไม่ผูกมิตรกับพวกเขาในเรื่องราวของอัลลอฮฺ, และนี่คือหนทางแห่งอัลอิสลาม แนวทางของอิบรอฮีมที่อัลลอฮฺทรงสั่งใช้บ่าวของพระองค์ศาสนทูตของพระองค์ มุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิว่าซัลลัม ให้ยึดถือกระทำตาม เมื่อพระองค์ตรัสว่า

 

( ثُمَّ أَوْحَيْنَا إِلَيْكَ أَنِ اتَّبِعْ مِلَّةَ إِبْرَاهِيمَ حَنِيفًا وَمَا كَانَ مِنَ الْمُشْرِكِينَ )

 

“แล้วเราได้วะฮียฺแก่เจ้าว่า จงปฏิบัติตามศาสนาของอิบรอฮีมผู้เที่ยงธรรม และเขามิได้อยู่ในหมู่ผู้ตั้งภาคี”

( อันนะหฺลฺ โองการที่ ๑๒๓)

 

     และความโฉดเขลาคือผู้ที่ไม่พึงปารถนาแนวทางของนบีอิบรอฮีม ด้วยคำดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า

 

( وَمَنْ يَرْغَبُ عَنْ مِلَّةِ إِبْرَاهِيمَ إِلا مَنْ سَفِهَ نَفْسَهُ وَلَقَدِ اصْطَفَيْنَاهُ فِي الدُّنْيَا وَإِنَّهُ فِي الآَخِرَةِ لَمِنَ الصَّالِحِينَ )

 

“และใครเล่าที่จะไม่พึงปารถนาในแนวทางของอิบรอฮีม นอกจากผู้ที่ทำให้ตัวเองโฉดเขลาเท่านั้น 

และแท้จริงนั้น เราได้คัดเลือกเขา (ให้เป็นนบี และรอซูล) ในโลกนี้ และแท้จริงในปรโลกนั้น เขาจะอยู่ในหมู่คนดีอย่างแน่นอน”

( อัล - บะเกาะเราะฮฺ โองการที่ ๑๒๓)

 

          มุสลิมทั้งหลาย และจากแบบอย่างที่ดีที่ได้รับการสรรเสริญคือการที่ลูกหลานยึดเอาบรรพบุรุษที่ประพฤติดีเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตอยู่ในความดีและดำรงตนอยู่บนแนวทางแห่งศาสนา, เพราะนั่นคือ เหตุแห่งการยกฐานะให้สูงขึ้นและการได้อยู่ร่วมกันในสวนสวรรค์

 

( وَالَّذِينَ آَمَنُوا وَاتَّبَعَتْهُمْ ذُرِّيَّتُهُمْ بِإِيمَانٍ أَلْحَقْنَا بِهِمْ ذُرِّيَّتَهُمْ وَمَا أَلَتْنَاهُمْ مِنْ عَمَلِهِمْ مِنْ شَيْءٍ )

 

“และบรรดาผู้ศรัทธา บรรดาลูกหลานของพวกเขาจะดำเนินตามพวกเขาด้วยการศรัทธา

เราจะให้ลูกหลานของพวกเขาอยู่ร่วมกับพวกเขา และเราจะไม่ให้การงานของพวกเขาลดหย่อนลงจากพวกเขาแต่อย่างใด”

( อัฏฏูร โองการที่ ๒๑)

 

          อัลลอฮฺทรงบอกถึงความเมตตากรุณา ความเอื้ออาทรที่มีต่อปวงบ่าวของพระองค์, บรรดาผู้ศรัทธาเมื่อลูกหลานของพวกเขาได้ติดตามพวกเขาด้วยการมีอีหม่านศรัทธา พระองค์อัลลอฮฺก็จะทรงให้ลูกหลานเหล่านั้นได้อยู่ในลำดับชั้นเดียวกันกับบรรพบุรุษของพวกเขา แม้ว่าการงานที่ลูกหลานกระทำอาจไม่เทียบเท่ากันก็ตาม, เพื่อเป็นที่รื่นรมย์แก่สายตาของบรรพบุรุษที่ได้อยู่กับลูกหลานในสถานที่พำนักเดียวกัน, ดังนั้นอัลลอฮฺทรงให้พวกเขาได้อยู่ร่วมกันโดยยกระดับผู้ที่มีการงานน้อยกว่าและอยู่ในระดับที่ด้อยกว่าให้เทียบเท่าเครือญาติของเขาที่มีการงานที่ยิ่งใหญ่กว่าและอยู่ในระดับที่สูงส่งกว่า 

ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า

 

( جَنَّاتُ عَدْنٍ يَدْخُلُونَهَا وَمَنْ صَلَحَ مِنْ آَبَائِهِمْ وَأَزْوَاجِهِمْ وَذُرِّيَّاتِهِمْ وَالْمَلائِكَةُ يَدْخُلُونَ عَلَيْهِمْ مِنْ كُلِّ بَابٍ * سَلامٌ عَلَيْكُمْ بِمَا صَبَرْتُمْ فَنِعْمَ عُقْبَى الدَّارِ ) [الرعد:23-24]

 

     “สวนสวรรค์ทั้งหลายอันสถาพร พวกเขาจะเข้าไปอยู่พร้อมกับผู้ทำดีจากบรรพบุรุษของพวกเขา และคู่ครองของพวกเขา และบรรดาลูกหลานของพวกเขา

     และมะลาอิกะฮฺจะเข้ามาหาพวกเขาจากทุกประตู (ของสวนสวรรค์) * (พร้อมกับกล่าวว่า) ความศานติจงมีแด่พวกท่าน เนื่องด้วยพวกท่านได้อดทน มันช่างดีเสียนี่กระไรที่พำนักบั้นปลายนี้”

( อัรเราะอฺดฺ โองการที่ ๒๓ - ๒๔)

 

          ดังนั้นการเป็นต้นแบบที่ดีและการกระทำตามที่ดีที่อันน่ายกย่องทั้งในดุนยาและอาคีเราะฮฺ คือจากผู้มาทีหลังกระทำตามผู้ที่มาก่อนหน้า ในเรื่องอีหม่านต่ออัลลอฮฺและการกระทำการงานที่ดี ซึ่งที่อัลลอฮฺทรงรักและทรงพอพระทัย, และคุณลักษณะอันงดงามที่อัลลอฮฺทรงชมเชย ดังที่พระองค์ทรงตรัสถึงนบียูซุฟ อะลัยฮิสสลาม ว่าท่านนบียูซุฟกล่าวว่า

 

( إِنِّي تَرَكْتُ مِلَّةَ قَوْمٍ لا يُؤْمِنُونَ بِاللَّهِ وَهُمْ بِالآَخِرَةِ هُمْ كَافِرُونَ * وَاتَّبَعْتُ مِلَّةَ آَبَائِي إِبْرَاهِيمَ وَإِسْحَاقَ وَيَعْقُوبَ مَا كَانَ لَنَا أَنْ نُشْرِكَ بِاللَّهِ مِنْ شَيْءٍ ذَلِكَ مِنْ فَضْلِ اللَّهِ عَلَيْنَا وَعَلَى النَّاسِ وَلَكِنَّ أَكْثَرَ النَّاسِ لا يَشْكُرُونَ )

 

     “แท้จริง ฉันได้ละทิ้งแนวทางของกลุ่มชนผู้ไม่ศรัทาต่ออัลลอฮ และพวกเขาเป็นพวกที่ปฏิเสธศรัทธาต่อวันปรโลก

     และฉันได้ดำเนินตามแนวทางของบรรพบุรุษของฉัน คือ อิบรอฮีมและอิสฮากและยะอฺกูบ 

     ไม่เป็นการบังควรแก่เราที่จะตั้งภาคีด้วยสิ่งใดต่ออัลลอฮฺ นั่นคือจากความโปรดปรานของอัลลอฮฺแก่เรา และแก่มนุษยชาติ 

     แต่ส่วนใหญ่ของมนุษย์ไม่ขอบคุณ”

( ยูซุฟ โองการที่ ๓๗ -๓๘)

 

          เช่นนี้แหละที่ลูกหลานที่ดีเป็นตัวแทนผู้ที่ล่วงหน้าไปก่อน, โดยที่เหล่าบิดาผู้ศรัทธาเป็นตัวอย่างในเรื่องความดีให้แก่ลูกๆ ของเขา แล้วลูกๆ ก็กระทำตามอย่างของพวกเขาเป็นห่วงโซ่ต่อกันไป เดินทางติดตามกันบนทางนำและแสงสว่างสู่สวนสวรรค์

 

          ทว่าเคราะห์กรรมอันใหญ่หลวง เมื่อผู้เป็นพ่อแม่อยู่ในความเสื่อมเสีย -วัลอิยาซุบิ้ลลาฮฺ- แล้วพวกเขากลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่ลูกๆ ในความหลงผิดและการงานที่เลวร้าย ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า

 

( وَإِذَا قِيلَ لَهُمُ اتَّبِعُوا مَا أَنْزَلَ اللَّهُ قَالُوا بَلْ نَتَّبِعُ مَا أَلْفَيْنَا عَلَيْهِ آَبَاءَنَا أَوَلَوْ كَانَ آَبَاؤُهُمْ لا يَعْقِلُونَ شَيْئًا وَلا يَهْتَدُونَ )

 

      “และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเขาว่าจงปฏิบัติตามสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมาเถิด 

      พวกเขาก็กล่าวว่า มิได้ เราจะปฏิบัติสิ่งที่เราได้พบบรรดาบรรพบุรุษของเราเคยปฏิบัติมาเท่านั้น 

      และแม้ได้ปรากฏว่าบรรพบุรุษของพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใด และทั้งไม่ได้รับแนวทางอันถูกต้องก็ตามกระนั้นหรือ?”

( อัล - บะเกาะเราะฮฺ โองการที่ ๑๗๐)

 

          เมื่อผู้เป็นพ่อไม่ละหมาดเลย, หรือไม่ละหมาดเป็นญะมาอะฮฺ (เป็นกลุ่ม) นอกจากการละหมาดวันศุกร์ หรือแม้กระทั่งละหมาดวันศุกร์ก็ไม่ไปร่วมละหมาด, หรือติดยาเสพติด, หรือไม่ใส่ใจในสิ่งที่ได้มาจากหนทางที่ฮารอม, หรือไม่สนใจข้อห้ามของอัลลอฮฺ แล้วบรรดาทายาทที่เฝ้าดูอาชญากรรมเหล่านี้จะเป็นเช่นใด, การที่ถูกเลี้ยงดูด้วยกับความผิดเหล่านี้ที่ผู้ปกครองกระทำอย่างเปิดเผยไม่ละอายต่อพระผู้เป็นเจ้าแห่งชั้นฟ้าและแผ่นดิน เยาวชนที่เคยชินกับการที่พ่อของเขาไม่ไปมัสยิดจะตกอยู่ในสภาพเช่นใด, แต่เล็กจนโตไม่เคยเห็นพ่อออกไปละหมาดห้าเวลาที่มัสยิดเลย, เยาวชนเหล่านั้นก็จะเป็นดั่งดำรัสของอัลลอฮฺ

 

( إِنَّهُمْ أَلْفَوْا آَبَاءَهُمْ ضَالِّينَ )

“แท้จริงพวกเขาพบบรรพบุรุษของพวกเขาอยู่ในการหลงผิด”

( อัศศ็อฟฟาต โองการที่ ๖๙)

 

          ฉะนั้นจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิดผู้เป็นบิดาทั้งหลาย, และจงเป็นต้นแบบที่ดีแก่บรรดาลูกๆ ของพวกท่าน, เพราะท่านคือผู้เป็นแบบอย่าง, จงสำรวจตรวจสอบตัวของท่าน, และครุ่นคิดถึงสภาพการณ์ของท่านหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว, โดยที่ข้อแก้ตัวได้ถูกนำมาบอกแล้ว จากผู้ที่มาเพื่อให้การตักเตือน

 

( أَوَلَمْ نُعَمِّرْكُمْ مَا يَتَذَكَّرُ فِيهِ مَنْ تَذَكَّرَ وَجَاءَكُمُ النَّذِيرُ )

 

“และเรามิได้ให้อายุของพวกเจ้ายืนนานพอดอกหรือ เพื่อผู้ที่ใคร่ครวญจะได้รำลึกถึงข้อตักเตือน

และ (ยิ่งกว่านั้น) ได้มีผู้ตักเตือนมายังพวกเจ้าแล้ว”

 

          ท่านทั้งหลายจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด บ่าวของอัลลอฮฺทั้งหลาย ,และจงเป็นต้นแบบที่ดีแก่บรรดาผู้ที่อัลลอฮฺทรงให้ท่านเป็นผู้ปกครองดูแล, ที่พระองค์ให้พวกท่านอยู่ร่วมกับพวกเขาในหมู่ปวงบ่าว, แท้จริงคนหนึ่งจะได้รับความดีอันมากมายอีกทั้งรางวัลอันยิ่งใหญ่ ด้วยกับการมีประวัติที่ดี ,ความปารถนาอย่างแรงกล้าและการรีบเร่งของเขาในการที่จะไปสู่ความดี ,เพื่อเป็นการตอบแทนสิ่งที่เขาได้กระทำไว้, และอัลลอฮฺคือผู้ทรงกรุณาอย่างใหญ่หลวง, และเช่นเดียวกันความดีและการตอบแทนอันมากมายเมื่อผู้คนได้ยึดเอาแนวทางการกระทำของเป็นแบบอย่าง, 

     ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิว่าซัลลัม กล่าวว่า

 

" من دل على خير فله مثل أجر فاعله "

“ผู้ใดชี้นำสู่ความดี เขาจะได้รับภาคผลเช่นเดียวกันกับผู้ที่กระทำความดีนั้น”

 

     และท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิว่าซัลลัม กล่าวว่า

 

" من سن في الإسلام سنة حسنة فله أجرها وأجر من عمل بها إلى يوم القيامة، لا ينقص ذلك من أجورهم شيئاً "

 

     " ผู้ใดที่ได้ริเริ่ม (ฟื้นฟู) ทำขึ้นมาในอิสลาม ซึ่งแนวทางที่ดี เขาจะได้รับผลบุญของการริเริ่มนั้นและได้รับผลบุญของผู้ที่ได้ปฏิบัติตามเขาจวบจนวันกิยามะฮฺ โดยไม่ทำให้ภาคผลบุญของพวกเขา (บรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามเขา) บกพร่องลงแม้แต่น้อย”

 

          และในขณะที่ท่านนบีได้เชิญชวนสู่การบริจาค ชายคนหนึ่งได้ก้าวออกมาและทำการบริจาค แล้วผู้คนก็บริจาคตามเขา, และแท้จริงอัลลอฮฺได้ตรัสถึงบรรดาผู้เป็นที่รักของพระองค์ที่ประพฤติดีทั้งหลาย ว่าพวกเขาวิงวอนขอด้วยความนอบน้อมต่อพระองค์โดยกล่าวว่า

 

( رَبَّنَا هَبْ لَنَا مِنْ أَزْوَاجِنَا وَذُرِّيَّاتِنَا قُرَّةَ أَعْيُنٍ وَاجْعَلْنَا لِلْمُتَّقِينَ إِمَامًا )

 

     “และบรรดาผู้ที่กล่าวว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอพระองค์โปรดประทานแก่เราซึ่งคู่ครองของเราและลูกหลานของเรา ให้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตาของเรา และทรงทำให้เราเป็นแบบอย่างแก่บรรดาผู้ยำเกรง”

( อัลฟุรกอน โองการที่ ๗๔)

 

และการที่จะได้เป็นแบบอย่างในศาสนา ก็ด้วยการอดทนและความเชื่อมั่น, อดทนอยู่บนการภักดีและเชื่อมั่นต่อคำสัญญาของพระองค์ ,อัลลอฮฺ ตรัสว่า

 

( وَجَعَلْنَاهُمْ أَئِمَّةً يَهْدُونَ بِأَمْرِنَا وَأَوْحَيْنَا إِلَيْهِمْ فِعْلَ الْخَيْرَاتِ وَإِقَامَ الصَّلَاةِ وَإِيتَاءَ الزَّكَاةِ وَكَانُوا لَنَا عَابِدِينَ )

 

     “และเราได้แต่งตั้งพวกเขาให้เป็นผู้นำเพื่อชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องโดยคำสั่งของเรา

     และเราได้วะฮียฺแก่พวกเขาให้ปฏิบัติความดี และธำรงการละหมาด แล้วบริจาคทานซะกาต

     และพวกเขาก็เป็นผู้เคารพภักดีต่อเราเท่านั้น”

(อัลอัมบิยาอฺ โองการที่ ๗๓)