อัรรอฟิเฎาะบนหน้าประวัติศาสตร์ 
  จำนวนคนเข้าชม  314

อัรรอฟิเฎาะบนหน้าประวัติศาสตร์ 

 

ผู้แต่ง เชค อบูอาดิลอิบรอฮีมอัลเอาฟีย์ 

แปลโดย อิสมาอีล กอเซ็ม 

 

     ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตาผู้ทรงกรุณาปรานีเสมอ

     มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ความศานติสุขจงประสบแด่ท่านรอซูลุลลอฮฺ ตลอดจนเหล่าศอหาบะห์ของท่าน และบรรดาผู้ที่มีความรักต่อท่าน

 

          แท้จริง พวกรอฟิเดาะห์เป็นประชาชาติที่หลงผิด และพวกเขาได้พาดพิงหลักความเชื่อของพวกเขามายังอิสลามทั้งๆ ที่พวกเขาไม่มีลักษณะของการเป็นมุสลิม โดยหลักฐานการปฏิเสธอิสลามของพวกเขามีหลักฐาน จะนำเสนอในหนังสือเล่มนี้ ฉันขอตักเตือนแก่พวก ให้ละทิ้งการปฏิเสธและเข้ามาสู่อิสลามอย่างจริงใจ เพื่อจะได้รอดพ้นจากการลงโทษที่เจ็บแสบ เพื่อจะรับความผาสุกในโลกหน้า

 

          สำหรับชาวอะลุซซุนนะห์ ฉันขอตักเตือนพวกเขาอย่าได้ไปหลงเชื่อภาพลักษณ์ที่พวกรอฟิเดาะห์ที่แสดงออกมา และอย่าได้ไปมีความสัมพันธ์กับพวกเขาเพียงแค่หวังผลประโยชน์ทั้งผลประโยชน์ในโลกนี้ หรือสัมพันธ์กับพวกเขาในด้านศาสนา 

 

          พวกเขาคืออัรรอฟิเฎาะ โดยพวกเขาฮุกุมมุสลิมทั้งหมดเป็น ผู้ปฏิเสธศรัทธา และพวกเขาพยายามที่จะนำมุสลิมออกจากแนวทางของชาวซุนนะห์ และเข้าสู่แนวทางของพวกเขา ก็คือ แนวทางที่ปฏิเสธอัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค์ และปฏิเสธต่อแนวทางของเหล่าศอหาบะห์ ของท่านรอซูลุลลอฮฺ ศอลลัลลอฮู อะลัยอิวะซัลลัม

 

          สุดท้ายนี้ฉันขอเรียกร้องชาวอุลุซซุนะห์ วัลญามาอะห์ ให้ช่วยกันเผยแผ่หนังสือเล่มนี้ ให้แพร่หลายทั้งชาวอาหรับ และไม่ใช่ชาวอาหรับ ทั้งบรรดาผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป และให้ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง หากพวกเขาไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องแล้ว ไม่มีสิ่งใดเว้นแต่การกำหนดของอัลลอฮฺ ดั้งนั้นพวกเขาจะเสียใจในวันที่ความเสียใจไม่มีประโยชน์ 

โอ้อัลลอฮฺขพอระองค์ทรงเป็นพยานฉันไดทำหน้าที่แล้ว

อาบูบักรฺ อัลญาซาอีรีย์ ครูสอนในมัสยิดนบีอันทรงเกียติรมาดีนะห์ อันมูเนาวาเราะห

 

 

บทนำ

 

          มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺ เราขอสรรเสริญ ขอความช่วยเหลือ และเราขออภัยโทษต่อพระองค์ เราสำนึกผิดและขออภัยโทษต่อพระองค์ เราขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ ให้รอดพ้นจากความชั่วร้ายของการงานของเรา ผู้ใดที่อัลลอฮฺได้ได้ประทานทางนำที่ถูกต้องแก่เขา ก็ไม่มีใครสามารถที่จะทำให้เขาหลงผิดได้ และผู้ใดที่อัลลอฮฺให้เขาหลงผิด ก็ไม่มีผู้ใดที่จะชี้นำทางที่ถูกต้องให้แก่เขาได้ ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ถูกเคารพโดยแท้จริงนอกจากอัลลอฮฺ และฉันขอปฏิญาณว่าแท้จริงท่านนบีมูฮัมหมัดเป็นบ่าวของพระองค์ และเป็นรอซูลของพรองค์

 

          แท้จริงหลักความเชื่อของเรา ชาวอะลุซซุนนะห์วัลญามาฮะห์ มีหลักศรัทธาว่าอัลออฮฺ คือพระเจ้า และอิสลามคือ ศาสนา และท่านนบี มูฮัมมหมัดเป็น นบี และเป็นรอซูลของอัลลอฮฺ และด้วยกับหลักศรัทธาอันนี้ เราจึงเชื่ออย่างมั่นคงด้วยประการต่อไปนี้ 

 

ประการแรก 

 

         แท้จริงอัลลอฮฺได้ส่งท่านนบีมูฮัมหมัด ศอลลัลลอฮู อะลัยอิวะซัลลัม ด้วยกับศาสน์ซึ่งได้รับมาจากพระเจ้าของผู้ทรงสูงส่ง และสิ้นสุดลงเมื่อท่านนบีได้กลับไปหาพระองค์อัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่ง โดยที่ท่านนบีได้ทำการเผยแผ่ศาสนาโดยสมบูรณ์แบบ และอัลลอฮฺก็ให้ศาสนาของพระองค์สมบูรณ์ 

 

          จนกระทั่งไม่มีใครที่หลงเหลืออยู่ที่ไม่ได้ยินการเรียกร้องของท่านนบี ไม่ว่ามาลาอิกะห์ที่ใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺ และอัลลอฮฺซุบหานาฮูวาตาอาลาได้เลือกให้ศาสน์แห่งพระองค์เป็นศาสน์สุดท้าย ที่ผ่านการเรียกร้องเชิญชวนของท่านนบี มูฮัมหมัด ศอลลัลลอฮู อะลัยอิวะซัลลัม และแท้จริงท่าน ญิบรีลอะลัยอิสสลาม ในความรู้ของอัลลอฮฺที่มีมาก่อนแล้ว ท่านญิบรีลเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ในการนำวะฮฺยู พระบัญชาของอัลลอฮฺไปยังบุคคลที่อัลลอฮฺได้คัดเลือก จากปวงบ่าวของพระองค์ที่ให้นำหน้าที่ในการนำศาสน์ของพระองค์ไปยังมวลมนุษยชาติ

 

 

ประการที่สอง 

 

         เราศรัทธาว่าแท้จริงศอหาบะห์ของท่านรอซูลุลลอฮฺ ศอลลัลลอฮู อะลัยอิวะซัลลัม เป็นบุคคลที่มีความประเสริฐยิ่งในประชาชาตินี้ และแท้จริงอัลลอฮฺ นั้นได้ทรงพอพระทัยต่อพวกเขา และพวกเขาทรงพอพระทัยต่อพระองค์ 

 

         และในหมู่พวกเขามีบรรดาคูลาฟาฮฺ อัรรอชีดีนทั้งสี่ท่าน คือ ท่าน อาบูบักรฺ ท่านอุมัร ท่านอุสมาน และท่านอาหลี ตลอดจนบรรดาภรรยาของท่านนบี ศอลลัลลอฮู อะลัยอิวะซัลลัมที่เป็นผู้ที่มีความบริสุทธิ์ และจากบรรดาภรรยาของท่านนบี ก็คือ ท่านหญิง อาฮิชะห์ ผู้ทรงสัตย์จริง ซึ่งเป็นบุตรสาวของท่าน อาบูบักรฺ อัซซิดดีก ซึ่งอัลลอฮฺได้ประทานอัลกุรอานมียืนยันถึงความบริสุทธิ์ของท่าน ให้รอดพ้นจากการถูกใส่ร้าย และเป็นสิ่งที่ถูกอ่านในอัลกุรอานไปจนถึงวันกิยามะห์

 

 

ประการที่สาม 

 

         เรามีความศรัทธาว่า อัลกุรอานที่มีอยู่ ณ ที่ท่านพวกเราชาวอะลุซซุนนะห์วัลญามาฮะห์เป็นอัลกุรอานที่ถูกประทานมาจากอัลลอฮฺ ซุบหานาฮูวาตาอาลาให้แก่ท่านรอซูลคนสุดท้าย มูฮัมหมัดศอลลัลลอฮู อะลัยอิวะซัลลัม โดยไม่มีการเพิ่มเติมสิ่งใดเข้าไป และอัลลอฮฺจะเป็นผู้ทรงรักษาอัลกุรอานไว้ด้ยกับตัวของพระองค์เอง มรรลการสรรเสริญและความโปรดปรานเป็นของอัลลอฮฺ

 

 

ประการที่สี่ 

 

        เราศรัทธาว่า แท้จริงเป็นหน้าที่ ที่จำเป็นแก่บรรดามุสลิม พวกเขาจะต้องไม่เข้าไปวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องราวที่เกิดความขัดแย้งกันในระหว่างศอหาบะห์ รอฏิยัลลัลอูอันฮุม โดยที่พวกเขาต่างเป็นผู้วินิจฉัยในประเด็นที่พวกเขาขัดแย้งกัน ใครที่การวินิจฉัยของเขาถูกต้องเขาก็ได้รับความดีไปสองความดี ส่วนศอหาบะห์ที่การวินิจฉัยของเขาผิดพลาด เขาก็ได้รับความดีไปหนึ่งความดี และความผิดพลาดของพวกเขาได้รับการอภัยโทษ เพราะพวกเขาทั้งหมดต้องการความดีและความถูกต้อง

 

 

ประการที่ห้า 

 

          แท้จริงเราไม่ตัดสินใครว่าเป็นผู้ปฏิเสธ(กาเฟร) ด้วยกับบาปที่ไม่ใช่เป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่ง และแท้จริงการศรัทธานั้นการเพิ่มด้วยกับการปฏิบัติในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงใช้ และความศรัทธาที่ลดลงด้วยกับการทำสิ่งที่ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ

 

 

ประการที่หก 

 

       เราศรัทธาเช่นกัน แท้จริงหน้าที่ ที่จำเป็นของมุสลิมในการเชื่อฟังปฏิบัติตามบรรดาผู้นำที่เป็นมุสลิม ในสิ่งที่พวกเขาใช้สิ่งที่ไม่เป็นการฝ่าฝืนต่ออัลลอฮฺ และไม่อนุญาตให้ตีตัวออกจากผู้นำ เหมือนที่รอซูลุลลอฮฺ ศอลลัลลอฮู อะลัยอิวะซัลลัมได้มีคำสั่งใช้ในหะดีษที่มีการยืนยันจากท่านนบี ศอลลัลลอฮู อะลัยอิวะซัลลัมในขณะที่ท่านนบีได้ถูกถามถึงจุดยืนของมุสลิมที่มีต่อผู้นำ ที่บรรดาผู้นำเหล่านั้นได้ปฏิบัติบางสิ่งบางอย่างที่เป็นสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืน 

 

     โดยที่คนที่ถามกล่าวว่า เราจะทำการปฏิเสธ(ไม่ยอมรับ)พวกเขาหรือไม่? 

     โดยที่ท่านรอซูลตอบว่า 

 

(لا ، ما أقاموا فيكم الصلاة )

 

ไม่ได้ตราบใดที่พวกเขายังนำละหมาดพวกเจ้า

 

     ในหะดีษอื่นอีก ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศอลลัลลอฮู อะลัยอิวะซัลลัมได้กล่าวว่า 

 

( ...عليكم السمع والطاعة في المنشط والمكره)

 

"จำเป็นแก่พวกท่านจะต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามจะด้วยความเต็มใจหรือถูกบังคับ"

 

     และอีกหะดีษท่านรอซูลุลลอฮฺ ศอลลัลลอฮู อะลัยอิวะซัลลัมได้กล่าวไว้ว่า 

 

أو كماقال صلى الله عليه وسلم ( من أطاعني فقد أطاع الله ومن أطاع أميري فقد أطاعني )

 

"ใครที่เขาเชื่อฟังต่อฉัน แท้จริงเขาได้เชื่อฟังต่ออัลลอฮฺ และใครเชื่อฟังผู้นำของฉัน แท้จริงเขาได้เชื่อฟังต่อฉัน"

 

 

ประการที่เจ็ด 

 

        เราศรัทธาเช่นเดียวกัน ถึงการฟื้นคืนชีพ การตอบแทนคิดบัญชี แท้จริงมุสลิมที่ไม่มีการตั้งภาคีใดๆ ต่ออัลลอฮฺ เขาไม่อยู่ในนรกตอดกาล และใครที่เข้านรกจากพวกเขา เขาก็จะได้ให้เข้าสวรรค์

 

 

ประการทีแปด 

 

         เราศรัทธาเช่นเดียวกัน ว่าแท้จริงอัลลอฮฺนั้นมีพระนามที่สวยงาม และคุณลักษณะที่สูงส่ง ไม่เหมือนกับบุคคลใดจากสิ่งที่พระองค์สร้างมา ในแก่นแท้ของพระนามและคุณลักษณะของพระองค์ ไม่มีใครที่สามารถจะล่วงรู้ถึงลักษณะ พระนามและคุณลักษณะของพระองค์เป็นอย่างไร เพียงเราดำเนินตามแนวทางของชนชาวสลัฟรุ่นก่อนของประชาชาตินี้ จากบรรดาศอหาบะห์ และบุคคลที่มาหลังพวกเขาที่ดำเนินตามแนวทางของพวกเขาในสี่ศตวรรษที่มีความประเสริฐที่พวกเขาปฏิบัติตามท่านรอซูลุลลอฮฺ ศอลลัลลอฮู อะลัยอิวะซัลลัม ในปฏิบัติตามสิ่งที่มีปรากฏในอัลกุรอาน ดังคำดำรัสของอัลลอฮฺตาอาลา

 

فَاطِرُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ جَعَلَ لَكُم مِّنْ أَنفُسِكُمْ أَزْوَاجًا وَمِنَ الْأَنْعَامِ أَزْوَاجًا ۖ يَذْرَؤُكُمْ فِيهِ ۚ لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ ۖ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ (11) 

 

"พระองค์ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงทำให้มีคู่ครองแก่พวกเจ้า จากตัวของพวกเจ้าเอง

และจากปศุสัตว์ทรงให้มีคู่ผัวเมีย ด้วยเหตุนี้พระองค์ทรงแพร่พันธุ์พวกเจ้าให้มากมาย

ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น"

 

     คำถามตรงนี้เพื่อต้องการให้ยอมรับและเน้นย้ำว่า "แท้จริงไม่มีอะไรเหมือนพระองค์ และไม่มีนามใดๆเหมือนพระองค์"

 

 

ประการที่เก้า 

 

        เราศรัทธาเช่นเดียวกัน แท้จริงบทบัญญัติอิสลามที่ยั่งยืนนั้นมีความครอบคลุมและสมบูรณ์ มีที่มาจากอัลกุรอ่านและอัซซุนนะห์ และอัลกุรอ่าน ก็คือ คำพูดของอัลลอฮฺ ที่ถูกประทานให้แก่รอซูลของพระองค์ มูฮัมหมัด ศ็อลลัลลออูอะลัยอิวะสัลลัม ด้วยกับวะหฺยู และอัซซุนนะห์นั้นมาขยายความและอธิบายอัลกุรอ่าน ที่มีอธิบายอัลกุรอ่านที่กล่าวไว้แบบสรุป โดยที่มาในรูปของวะห์ยู 

         หรือ ด้วยกับการดลใจ หรือด้วยการวินิจฉัยจากท่านนบี ศ็อลลัลลออูอะลัยอิวะสัลลัม ซึงได้รับการยอมรับจากอัลลอฮฺผู้ทรงเกียรติอันสูงส่ง 

          หรือ อัลกุรอ่านลงมาเพื่อรับรองความถูกต้องในสิ่งที่ท่านวินิจฉัย ศ็อลลัลลออูอะลัยอิวะสัลลัม

          และด้วยวะห์ยูทั้งสองนี้ อัลกุรอ่าน และอัซซุนนะห์ คือความสมบูรณ์ของบทบัญญัติของอัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่ง การสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก

 

 

          นี่คือหลักความเชื่อของเราที่มีต่ออัลลอฮฺ และเราะสูลของพระองค์ ศ็อลลัลลออูอะลัยอิวะสัลลัม ในสิ่งที่มาจากอัลลอฮฺ ตาอาลา และเราะสูลของพระองค์ ศ็อลลัลลออูอะลัยอิวะสัลลัม และด้วยข้อมูลที่เราเชื่อถือ ว่า แท้จริงการการก่อตัวของแนวคิดชีฮะ เกี่ยวข้องกับการยกให้ศอหาบะห์บางคนมีความประเสริฐกว่าบางท่าน นี้คือแนวคิดชีฮะโดยภาพรวม โดยที่ยังไม่ถึงขั้นที่ไปกล่าวหาเหล่าศอหาบะห์ว่าเป็นคนชั่ว

 

        และแนวคิดชีฮะที่แท้จริงนั้น มันเกินเลยกว่านั้น โดยที่ภาพลักษณ์ของชีฮะในยุคของเราปัจจุบัน มีความขัดแย้งในหลักความเชื่อ(ที่ถูกต้อง) ที่เกี่ยวข้องกับวะห์ยูทั้งสอง หรือขัดแย้งกับกับแนวทางของเหล่าศอหาบะห์ และบางส่วนของชีฮะ กล่าวหามารดาของบรรดาของผู้ศรัทธา ท่านหญิงอาฮิชะ รอฎิยัลลอฮูอันฮา ในสิ่งที่ท่านบริสุทธิ์จากสิ่งนั้น

 

          ฉันไม่ต้องการที่พูดถึงรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวมากนัก คงเป็นการเพียงพอ ฉันขอมอบไปยังงานค้นคว้าชิ้นนี้ ซึงบทนำนี้เป็นการนำเสนอเนื้อที่เกี่ยวข้องกับชีฮะในยุคปัจจุบันโดยสรุป โดยเนื้อหาครอบคลุมถึงความหมาย และเนื้อหาของชีฮะและอธิบายถึงสิ่งที่จะช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจ ถึงข้อสงสัยต่างๆที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงอัรรอฟิเฎาะ 

 

          ซึ่งเราขอวิงวอนต่ออัลลอฮฺได้โปรดประทานให้แก่เรา และพวกเขาให้ได้รับทางนำที่ถูกต้อง ซึงเป็นทางนำที่ท่านนบี มูฮัมหมัด ศ็อลลัลลออูอะลัยอิวะสัลลัม ได้นำมาบอกซึงเป็นสิ่งที่มาจากอัลลอฮฺ อัลลอฮตรัสไว้ล้วนแล้วแต่เป็นสัจธรรม และพระองค์คือผู้ชี้นำไปยังแนวทางที่ถูกต้อง ความสุขความศานติจงประสบแด่ท่านนบีมูฮัมหมัด ตลอดจนเครือญาตและเหล่าศอหาบะห์ของท่านทั้งหมด