ทำกุรบ่านเพื่อให้เกิดอัตตักวาในหัวใจ
  จำนวนคนเข้าชม  500

ทำกุรบ่านเพื่อให้เกิดอัตตักวาในหัวใจ

 

.อับดุลสลาม  เพชรทองคำ

 

 

          เราพึงตระหนักไว้เถิดว่า  เราจะเข้าสวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ก็ด้วยความเมตตาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาที่ทรงมีต่อเราเท่านั้น  ไม่ใช่เข้าสวรรค์เพราะการงานอะมัลศ่อลิหฺที่เราทำ .. แต่การงานอะมัลศ่อลิหฺที่เราทำทั้งหมดด้วยความอิคลาศนั้น  ก็คือสื่อที่แสดงให้เห็นถึงความตักวา หรือความยำเกรงที่เรามีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียว  เป็นสื่อที่จะทำให้พระองค์ทรงรักเรา ทรงพอพระทัยเรา ทรงเมตตาเราและนำเราไปสู่สวรรค์ของพระองค์....

 

          ส่วนสำหรับผู้ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้บางคนเข้านรกนั้น  ก็เนื่องด้วยความยุติธรรมของพระองค์  จากพฤติกรรมและการกระทำของเขาเอง ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ยอมกลับตัวกลับใจเสียที  สิ่งนี้แหละที่นำเขาไปสู่การถูกลงโทษในไฟนรกในวันกิยามะฮฺ

 

          เราได้ผ่านช่วงเวลาสิบวันแรกของเดือนซุลหิจญะฮฺไปแล้ว  อันเป็นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด  เป็นช่วงเวลาที่การทำอิบาดะฮฺ การทำคุณงามความดีต่าง ๆในช่วงเวลานี้จะได้รับผลบุญตอบแทนอย่างมากมาย  และอิบาดะฮฺสำคัญประการหนึ่งที่เราทำในช่วงของวันอีดอัฎฮา  กับวันตัชรีกก็คือ เรื่องของการทำอุฎฮียะฮฺ  หรือการเชือดกุรบ่านที่เราทำกัน  เป็นการทำตามแบบฉบับของบรรดานบี  เริ่มตั้งแต่สมัยท่านนบีอิบรอฮีม  อะลัยฮิสสลาม  ตลอดเรื่อยมาจนถึงสมัยท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา  สำหรับผู้ที่มีความสามารถ ตามกำลังทรัพย์ของแต่ละบุคคล  ...

 

          เราจะพบว่า บางคนมีกำลังทรัพย์น้อย  แต่เขาก็พยายามเก็บเงิน  เก็บหอมรอมริบมาตลอดทั้งปี  เพื่อที่จะได้มีโอกาสทำกุรบ่าน  นี่คือเรื่องของอีมาน หรือความศรัทธาต่อคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา  

 

          ซึ่งอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ตรัสถึงการทำกุรบ่านไว้ในอัลกุรอาน  ซูเราะฮฺอัลหัจญ์  อายะฮฺที่ 37 ว่า


لَن  يَنَالَ  ٱللَّهَ  لُحُومُهَا  وَلَا  دِمَآؤُهَا  وَلَٰكِن  يَنَالُهُ  ٱلتَّقۡوَىٰ  مِنكُمۡۚ  كَذَٰلِكَ  سَخَّرَهَا  لَكُمۡ  لِتُكَبِّرُواْ  ٱللَّهَ  عَلَىٰ  مَا  هَدَىٰكُمۡۗ  وَبَشِّرِ  ٱلۡمُحۡسِنِينَ   

 

     ไม่ว่าจะเป็นเนื้อของมัน  และเลือดของมันนั้น  มันไม่ได้กับอัลลอฮฺแต่อย่างใด  ..แต่อัตตักวา(หรือการยำเกรงต่อพระองค์)จากพวกเจ้าต่างหากที่พระองค์ทรงประสงค์  

     ด้วยเหตุนี้แหละ เราจึงได้ทำให้สัตว์กุรบ่านนั้นมันง่ายสำหรับพวกเจ้า  เพื่อพวกเจ้าจะได้แซ่ซร้องสดุดีอัลลอฮฺ  ที่พระองค์ทรงชี้ทางนำแก่พวกเจ้า  ..

     ดังนั้น (มุฮัมมัด)เจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่  ٱلۡمُحۡسِنِينَ   แก่บรรดาผู้ประกอบคุณงามความดีทั้งหลาย

 

          นั่นก็หมายความว่า การทำกุรบ่านของเรานั้น  ที่เราเอามาบริโภค  เอามาแจกจ่ายกันนั้น  อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาไม่ได้ทรงมีส่วนได้ใด ๆ เลยในกุรบ่านที่เราทำ  เพราะพระองค์นั้นทรงมั่งคั่ง  ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด  อีกทั้งเป็นผู้ทรงประทานปัจจัยยังชีพต่าง ๆแก่เรา  พระองค์ไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆจากกุรบ่านที่เราทำ  แต่สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์จากการเชือดกุรบ่านของเราก็คือ  เรื่องอัตตักวา  เรื่องของการยำเกรงในหัวใจที่เรามีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

          ดังนั้น การทำกุรบ่านของเราจึงต้องทำด้วยความศรัทธาว่าเป็นคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา  เป็นการปฏิบัติตามซุนนะฮฺของท่านนบี  ทำด้วยอิคลาศด้วยความบริสุทธิ์ใจ  เพื่อมอบแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาองค์เดียวเท่านั้น  ไม่ได้ทำเพื่อหวังให้คนอื่น ๆมองเห็นว่าฉันทำ  ..เราจะต้องไม่มีริยาอ์  ไม่มีการโอ้อวดใด ๆในหัวใจทั้งสิ้น  แต่ทำเพื่อหวังความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียวเท่านั้น  ..พระองค์จึงทรงทำให้สัตว์ที่เรานำมาทำกุรบ่านนั้นมันง่ายดาย  ทำให้มันยอมจำนนในการเป็นสัตว์กุรบาน  ..เมื่อสัตว์มันยังยอมจำนน  เราก็ต้องยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเช่นกัน

 

          ให้กุรบ่านที่เราทำนั้น  ทำให้เราเกิดอัตตักวา  เกิดความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา  ซึ่งความยำเกรงนี้แหละที่จะเป็นประโยชน์สำหรับเราอีก  เพราะมันจะนำเราไปสู่ทางนำที่ถูกต้อง จะนำทางเราไปสู่สวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา  ...และนี่ก็คือข่าวดีที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมแจ้งแก่ผู้ประกอบคุณงามความดี  ผู้ที่เชื่อมั่นศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา  ผู้ที่รักษาขอบเขตที่พระองค์ทรงกำหนด  และปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เป็นการแจ้งข่าวดีถึงทางนำที่นำไปสู่สวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

          ดังนั้น เมื่อการทำกุรบ่านของเราในปีนี้ผ่านไปแล้ว  เราจึงพึงสำรวจตัวเราว่า  การทำกุรบ่านของเรานั้น  ได้ทำให้อัตตักวา หรือการยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่เดิมหรือไม่  ....ก่อนอื่นเราต้องรู้จักอัตตักวาก่อน  แล้วเราจึงจะทราบว่า  อัตตักวาของเราเพิ่มขึ้นหรือลดลง

 

อัตตักวาคืออะไร ?

 

          เรามาดูรายงาน ๆ หนึ่งที่ปรากฏหลักฐานอยู่ในตัฟซีรอิบนิ กะษีร  กล่าวว่า ท่านอุมัร อิบนุลค๊อฏฏ็อบ  เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ  เคาะลีฟะฮฺอัรรอชิดีน ท่านที่สองของอัลอิสลามได้ถาม ท่านอุบัยด์ อิบนุ กะอฺบฺ  เราะฏิยัลลอฮุอันฮุ ซึ่งเป็นเศาะฮาบะฮฺท่านหนึ่งว่า

 

     : ما التقوى؟ “การตักวาคืออะไร ? ” 

     ท่านกะอฺบฺตอบท่านเคาะลีฟะฮฺอุมัรว่า

 

     : يا أمير المؤمنين أما سلكت طريقا فيه شوك؟  

     โอ้ท่านผู้นำแห่งบรรดาผู้ศรัทธา  ท่านเคยเดินไปในที่ที่มันมีหนามแหลมคมบ้างไหมครับ ?” 

 

     ท่านเคาะลีฟะฮฺอุมัรตอบว่า  : نعم. “เคยสิ (ทำไมจะไม่เคย)” 

     ท่านกะอฺบฺจึงถามต่อไปว่า : فماذا فعلت؟ 

 

     “แล้วท่านทำอย่างไรเล่าครับ ? (เมื่อเวลาที่ท่านต้องเดินไปในที่มีหนามแหลมคมเช่นนั้น)   

     ท่านเคาะลีฟะฮฺอุมัรจึงได้ตอบว่า : أشمر عن ساقي، وانظر إلى مواضع قدمي وأقدم قدما وأؤخر أخرى مخافة أن تصيبني شوكة.  

 

     “ฉันก็จะเตรียมพร้อมด้วยการกระชับเสื้อผ้าของฉันให้มันเรียบร้อย  เมื่อเวลาที่ฉันก้าวเท้าเดิน  ฉันก็จะมองที่เท้าของฉัน  ไม่ให้ไปเหยียบโดนหนาม  พอก้าวเท้าหนึ่งออกไปแล้ว  ก็ต้องยั้งอีกข้างหนึ่ง ดูให้แน่ใจก่อนว่าไม่ไปเหยียบหนาม จึงจะก้าวเท้าออกไป

  

     ท่านกะอฺบฺจึงกล่าวว่า  : تلك هي التقوى “นั่นแหละครับคืออัตตักวา

 

          นั่นก็หมายความว่า ให้การดำเนินชีวิตประจำวันของเราในทุก ๆวันนั้น  เป็นไปอย่างระมัดระวังที่สุด  โดยพยายามใช้ชีวิตให้มันอยู่ในขอบเขตบทบัญญัติศาสนา  เพราะถ้าเราไปฝ่าฝืนทำในสิ่งที่ผิดต่อบทบัญญัติศาสนา  แม้เป็นเรื่องที่เราเห็นว่ามันผิดเพียงเล็กน้อย  แต่นั่นแหละ  มันก็จะทำให้เราเจ็บตัวได้  เพราะเราก็จะต้องถูกลงโทษจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาสำหรับความผิดนั้นที่เราทำ  

 

          ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องศึกษา แสวงหาความรู้อยู่เสมอว่า  อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้ให้เราทำอะไรบ้าง  ทรงสั่งห้ามเราจากการทำอะไรบ้าง  เมื่อศึกษาแล้ว รู้แล้ว ทราบแล้ว  ก็ให้เราพยายามปฏิบัติไปตามนั้นให้เต็มความสามารถของเราที่เราสามารถจะทำได้   สิ่งไหนที่ทำผิดพลาดพลั้งไปก็ให้รู้สำนึกตัวว่าทำผิดไปแล้ว  ต้องรู้จักที่จะขออิสติฆฟาร  ขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา  เรื่องไหนที่ต้องเตาบะฮฺก็ให้ขอเตาบะฮฺ  พยายามทำตัวของเราให้สะอาดด้วยการทำอะมัลศ่อลิหฺ ทำอิบาดะฮฺที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้  และมีแบบฉบับที่มาจากท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเท่านั้น  ..

 

          ในขณะเดียวกันก็ต้องละทิ้งสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งห้าม และพยายามปลดเปลื้องบาปออกจากตัวให้มากที่สุดและเร็วที่สุด  เพราะเราก็ไม่ทราบว่าเราจะเสียชีวิตลงเมื่อใด  หากเราเสียชีวิตโดยที่มีบาป มีความผิดติดตัวมากมายไปหมด  นั่นก็คือเราทำให้ตัวเราเองต้องเจ็บตัวในวันกิยามะฮฺ  ต้องได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง อย่างสาหัสสากรรจ์  จากการที่เราไปฝ่าฝืนทำในสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงห้าม  ...และการที่เราปฎิบัติตัว  ดำเนินชีวิตให้อยู่ในบทบัญญัติศาสนา  นั่นก็คือการรักษาคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา  ซึ่งอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงบอกว่า  มันคือส่วนหนึ่งของอัตตักวา

 

     ในอัลกุรอาน  ซูเราะฮฺอัลหัจญ์  อายะฮฺที่  32  อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า


ذَٰلِكَۖ  وَمَن  يُعَظِّمۡ  شَعَٰٓئِرَ  ٱللَّهِ  فَإِنَّهَا  مِن  تَقۡوَى  ٱلۡقُلُوبِ

 

      ดังกล่าวนี้แหละ  ผู้ใดให้เกียรติต่อคำสั่งของอัลลอฮฺ(ก็คือ เชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์) 

     แท้จริง สิ่งนี้มันคือส่วนหนึ่งของอัตตักวา หรือความยำเกรงในหัวใ

 

          ดังนั้น  เราก็สามารถที่จะพิจารณาตัวเราได้ว่า  อัตตักวาของเรามันเพิ่มขึ้นหรือเปล่า  หากเราเชื่อฟังปฏิบัติตามคำสั่งได้มากขึ้น  ขวนขวายทำอิบาดะฮฺมากขึ้น  เช่น ละหมาดฟัรฎูครบแล้ว  ก็เสริมด้วยการละหมาดซุนนะฮฺต่างๆ  หรืออย่างเช่น ถือศีลอดฟัรฎูครบเรียบร้อย  ก็ยังถือศีลอดซุนนะฮฺด้วย  ..อย่างนี้ อัตตักวาของเราก็มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นด้วยนั่นเอง  และต้องไม่ลืมด้วยว่า  อิบาดะฮฺทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำนั้น  เราต้องควบคุมจิตใจของเราให้ทำด้วยอิคลาศอย่างแท้จริงด้วย  ต้องไม่มีอิลาอ์ใดๆแอบแฝงเลย  อีกทั้งยังต้องตรงตามแบบฉบับที่มาจากท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมด้วย

 

          การที่เราพยายามสร้างอัตตักวา สร้างความยำเกรงต่ออัลลอฮ  ซุบฮานะฮูวะตะอาลาให้เกิดขึ้นมาในหัวใจนั้น  มันมีประโยชน์อย่างมากมายต่อตัวเรา  ตามที่อัลกุรอานได้แจ้งแก่เราไว้  อาทิเช่น

 

     1. อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงยกสถานะของผู้ที่มีอัตตักวาให้เป็นผู้ที่มีเกียรติที่สุด

 

     2. อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงคุ้มครองและอยู่ใกล้ชิดผู้ที่มีอัตตักวาเสมอ

 

     3. อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงให้ทางนำให้แก่เราในการแยกแยะระหว่างความจริง ความถูกต้อง  กับความเท็จ ความหลงผิด

 

     4. อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงให้ผู้ที่มีอัตตักวา  มีทางออกในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ  และประทานริสกีย์  ปัจจัยยังชีพต่าง ๆแก่พวกเขา  ในสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อน

 

     5. อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงให้กิจการงานต่าง ๆของผู้ที่มีอัตตักวานั้นเป็นไปด้วยความราบรื่นง่ายดาย

 

     6. อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงทำให้จิตใจของผู้ที่มีอัตตักวามีความนิ่งสงบ  ไม่หวาดกลัว  ไม่เศร้าเสียใจ

 

     นั่นก็เป็นเพียงบางส่วนที่ผู้ที่มีอัตตักวาจะได้รับ  และเหนือสิ่งอื่นใด  ผู้ที่มีอัตตักวาจะได้รับทางนำไปสู่สวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาในวันกิยามะฮฺ

 

          สุดท้ายนี้  ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโปรดให้เราเป็นผู้ที่มีอัตตักวา  โดยการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของพระองค์อย่างสุดความสามารถ  ในขณะเดียวกัน ขอพระองค์โปรดให้เราได้ออกห่างจากคำสั่งห้ามของพระองค์อย่างสิ้นเชิง  พร้อมกันนั้น  ขอให้เราได้เป็นผู้ที่ปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  และโปรดนำเราไปสู่หนทางแห่งสวนสวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

( นะศิหะหฺ  มัสญิดดารุ้ลอิหฺซาน  บางอ้อ )