บันทึกแห่ง 'สัจธรรม’3
เพจบันทึก”ฮัก”...แปลเรียบเรียง
ท่านร่อซู้ล ﷺ กล่าวว่า:
“ผู้ที่มีเมตตาที่สุดในประชาชาติของฉัน คือท่านอบูบักร
ผู้ที่เด็ดขาดที่สุดในประชาชาติของฉันคือ ท่านอุมัร
ผู้ที่มีความละอายอย่างแท้จริงที่สุดคือ ท่านอุษมาน
ผู้เป็นธรรมที่สุดในการตัดสินคือ ท่านอลี อิบนิ อบี ฏอลิบ
ผู้ที่อ่านอัลกุรอ่านได้ดีเยี่ยมที่สุดคือ ท่าน อุบัยดฺ อิบนิ กะอฺบ
ผู้ที่รู้ดีที่สุดเกี่ยวกับสิ่งที่อนุมัติในศาสนา(ฮะลาล) และสิ่งที่เป็นที่ต้องห้ามในศาสนา(ฮะรอม)คือ ท่าน มุอาซ อิบนิ ญะบัล
ผู้ที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดสรรมรดกมากที่สุดคือท่าน เซด อิบนิ ษาบิต
พึงรู้เถิดว่าในทุกๆประชาชาตินั้นมีผู้ที่มีความซื่อสัตย์ และผู้ที่มีความซื่อสัตย์ที่สุดในประชาติของฉันคือ ท่าน อบู อุบัยดะฮฺ อิบนิล ญัรรอฮฺ-ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุม-
صحيح الترميذي / ٣٧٩١
ท่านร่อซู้ล ﷺกล่าวว่า:
“การขอดุอาเป็นประโยชน์ต่อการขจัดโทษภัยในกำหนดของอัลลอฮฺที่เกิดขึ้นแล้ว และยับยั้งป้องกันให้พ้นจากบะลาอฺที่ยังไม่เกิดขึ้น
ฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงขอดุอาให้มากเถิด”
سنن الترميذي /٣٥٤٨
ท่านร่อซู้ล ﷺ กล่าวว่า:
"พวกท่านจงดูแลสุขภาพช่องปากให้สะอาดสดชื่น ด้วยไม้ซิว้ากเถิด (หรือใช้แปรงสีฟัน) เพราะปากคือทางผ่านของอัลกุรอ่าน"
صحيح الجامع/٣٩٣٩
ชัยคฺ บิน บาซ -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ-
"พี่น้องมุสลิมกำลังถูกทำร้ายด้วยฝีมือศัตรูของอัลลอฮฺ
พวกเขาโดนเข่นฆ่า โดนทรมาณด้วยวิธีการต่างๆและถูกอธรรม
ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับพวกท่านที่จะต้องช่วยเหลือพวกเขา
ไม่ว่าจะด้วยทรัพย์สินเงินทอง เกียรติยศชื่อเสียง หรือกับ ~ ดุ อ า ~"
อิบนุ ตัยมียะฮฺ -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ-
"ผู้ใดรู้สึกถึงความบกพร่องของตัวเอง ทั้งคำพูด พฤติกรรม สภาพความเป็นอยู่ ริสกี หรือแม้แต่หัวใจ (ที่พลิกผันไปมา)
จงเยียวยาสิ่งต่างๆเหล่านั้นด้วย อั ต เ ต า ฮี ด (การให้เอกภาพต่ออัลลอฮฺอย่างถูกต้องและสมบูรณ์)
และ อิ ส ติ ฆ ฟ า ร (การขออภัยโทษ)เถิด เพราะทั้งสองสิ่งนี้เป็นยารักษา (ความบกพร่อง)”
อิบนิ ตัยมียะฮฺ -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ-
ความประเสริฐของการขอดุอาก่อนฟ้าสาง (ช่วงเช้ามืด)
"บ่าวคนใดวิงวอนขอดุอาต่ออัลลอฮฺในช่วงก่อนฟ้าสาง (เช้ามืด) และได้ขอความช่วยเหลือกับพระองค์
พร้อมกล่าวว่า:
"ياحي ياقيوم لا إله إلا أنت برحمتك أستغيث"
“โอ้อัลลอฮฺ ผู้ทรงมีชีวิตอันสมบูรณ์ ผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยพระองค์เอง
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรแก่การเคารพภักดีที่แท้จริงนอกจากพระองค์เท่านั้น
ข้าพระองค์วอนขอความช่วยเหลือ ด้วยกับความเมตตาของพระองค์
เมื่อนั้นอัลลอฮฺจะประทานความสามารถ ความมั่นคงให้แก่เขา
ในสิ่งที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้นอกจากพระองค์เท่านั้น"
مجموع الفتاوى (28/242)
ชัยคฺ ศอและฮฺ อัลเฟาซาน -ร่อฮิมะฮุลลอฮ-
"บทลงโทษที่รุนแรงที่สุด คือการที่ท่านได้พบกับสัจธรรมความถูกต้อง แต่ทว่าอัลลอฮฺไ ม่ได้ช่วยให้ท่านยอมรับมัน"
ท่านร่อซู้ล ﷺ กล่าวว่า:
“ท่านทั้งหลายอย่าได้เข้าไปในสถานที่ที่กลุ่มชนต่างๆเคยโดนลงโทษมาก่อน เว้นแต่จะเข้าไปในสภาพที่พวกท่านร้องไห้
(ร้องไห้เพราะเกรงกลัวอัลลอฮฺ กลัวการลงโทษจากพระองค์ และใคร่ครวญพิจารณาถึงสาเหตุที่พระองค์ได้ทำให้เขาพินาศ)
หากว่าท่านทั้งหลายไม่ร้องไห้ (เพราะหัวใจที่หยาบกระด้าง ไม่มีความนอบน้อมยอมจำนน)
ก็อย่าได้เข้าไปเป็นอันขาด (อย่าเข้าไปในสถานที่ที่เคยโดนลงโทษ)
ทั้งนี้เพื่อว่าสิ่งที่เคยประสบกับพวกเขา จะได้ไม่ประสบกับพวกท่าน”
(บันทึกโดย อิหม่ามบุคอรีย์)
ท่านซุฟยาน อิบนิ อุยัยนะฮฺ -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ- ถูกถามเกี่ยวกับความกลัดกลุ้ม ความทุกข์ใจ โดยไม่ทราบสาเหตุ?
ท่านจึงตอบว่า : เป็นเพราะความผิดที่ท่านเคยคิดที่จะกระทำในที่ลับแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ ท่านจึงรู้สึกเป็นทุกข์ และกลัดกลุ้มในความผิดนั้น
อิบนุ ตัยมียะฮฺ -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ- กล่าวว่า:
ความผิดต่างๆมีบทลงโทษเฉพาะของมัน ความผิดในที่ลับจะถูกลงโทษในที่ลับ
ส่วนความผิดอย่างเปิดเผยก็จะถูกลงโทษอย่างเปิดเผยเช่นกัน"
"ผู้ใดปราถนาให้อัลลอฮฺตอบรับดุอาของเขา จงเลือกรับประทานแต่อาหารที่ดีเถิด"
(เลือกรับประทานสิ่งที่ได้มาอย่างถูกต้อง และสิ่งที่ขวนขวายมาด้วยวิธีการที่ถูกต้องชอบธรรม และถูกต้องตามบทบัญญัติศาสนา)
เมื่อท่าน ซะอฺ อิบนิ อบี วักกอส ถูกถามว่า : ท่านทำอย่างไรดุอาของท่านจึงถูกตอบรับ?
ท่านตอบว่า : ฉันไม่เคยนำสิ่งใดเข้าปาก จนกว่าว่าฉันจะรู้ถึงที่มาที่ไปของอาหารนั้น"
อิบนิ อุษัยมีน -ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ-
การรับประทานอาหารไม่รู้จักอิ่มมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน
1. ไม่กล่าว "บิสมิลลาฮฺ" ก่อนรับประทานอาหาร เมื่อเราไม่กล่าวพระนามของอัลลอฮฺก่อนรับประทานอาหาร ชัยฏอนจะมาทานอาหารร่วมกับเรา ทำให้บะรอกะฮฺ (ความจำเริญ) ถูกถอดถอนออกไปจากอาหาร
2. รับประทานอาหารจากส่วนบนสุดของจาน นี่คืออีกสาเหตุหนึ่งที่บะรอกะฮฺ (ความจำเริญ) ถูกถอดถอนออกจากอาหาร เนื่องจากท่านนบี ﷺ ห้ามไม่ให้เราทานอาหารจากส่วนบนสุด เพราะในส่วนนั้นมีบะรอกะฮฺ และควรทานจากขอบจานก่อน
3. การแยกกันรับประทานอาหาร คืออีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บะรอกะฮฺ (ความจำเริญ) ถูกถอนถอนออกจากอาหาร เพราะการแยกกันทานหรือต่างคนต่างทานกับภาชนะคนละชิ้น ทำให้อาหารอยู่คนละส่วน จึงทำให้บะรอกะฮฺถูกถอดถอนออกไป
شرح رياض الصالحين ( 4 - 218 )