ยึดมั่นกิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺท่านนบี
  จำนวนคนเข้าชม  1036

ยึดมั่นกิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺท่านนบี

 

( อับดุลสลาม เพชรทองคำ )

 

          เราพึงตระหนักไว้เถิดว่า เราจะเข้าสวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ก็ด้วยความเมตตาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาที่ทรงมีต่อเราเท่านั้น ไม่ใช่เข้าสวรรค์เพราะการงานอะมัลศ่อลิหฺที่เราทำ .. แต่การงานอะมัลศ่อลิหฺที่เราทำทั้งหมดด้วยความอิคลาศนั้น ก็คือสื่อที่แสดงให้เห็นถึงความตักวา หรือความยำเกรงที่เรามีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียว เป็นสื่อที่จะทำให้พระองค์ทรงรักเรา ทรงพอพระทัยเรา ทรงเมตตาเราและนำเราไปสู่สวรรค์ของพระองค์....

 

          สำหรับผู้ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้บางคนเข้านรกนั้น ก็เนื่องด้วยความยุติธรรมของพระองค์ จากพฤติกรรมและการกระทำของเขาเองที่ฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ยอมกลับตัวกลับใจเสียที ...สิ่งนี้แหละที่นำเขาไปสู่การถูกลงโทษในไฟนรกในวันกิยามะฮฺ

 

          ครั้งนี้ เราจะพูดเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งในยุคสมัยของเรา เรามาดูอัลกุรอาน ในซูเราะฮฺอาละอิมรอน อายะฮฺที่ 31 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

قُلْ إِنْ كُنْتُمْ تُحِبُّونَ اللَّهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللَّهُ وَيَغْفِرْ لَكُمْ ذُنُوبَكُمْ

 

“(มุฮัมมัด) จงประกาศออกไปเถิดว่า ...หากว่าพวกเจ้ารักอัลลอฮฺ(แล้วละก็) 

พวกท่านก็จงเชื่อฟังและปฏิบัติตามฉัน(ก็คือท่านนบี) แล้ว อัลลอฮฺก็จะทรงรักพวกท่าน

 และพระองค์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกท่านจากความผิดทั้งหลายของพวกท่าน

 

          อายะฮฺนี้ หมายความว่า เมื่อเราศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาแล้ว แล้วเราก็มีความรักต่อพระองค์ ซึ่งการรักต่อพระองค์นั้น ก็คือให้เราเชื่อฟังและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านนบี มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเท่านั้น จะทำวิธีอื่นไม่ได้เลย ถ้าเราเชื่อฟังและปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็จะทรงรักเรา อีกทั้งพระองค์ยังทรงอภัยโทษในความผิดต่าง ๆของเราให้แก่เราอีกด้วย

 

          ดังนั้น อะไรคือการเชื่อฟังและปฏิบัติตามท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แล้วนำเราไปสู่การรักอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา... เรามาดูอัลหะดีษ รายงานจากท่านอิบนุ อับบาส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบีกล่าว(ในคุฏบะฮฺอัจญ์อำลา)ว่า

 

..يَا أَيُّهَا النَّاسُ إِنِّي قَدْ تَرَكْتُ فِيكُمْ مَا إِنِ اعْتَصَمْتُمْ بِهِ فَلَنْ تَضِلُّوا أَبَدًا كِتَابَ اللَّهِ وَسُنَّةَ نَبِيِّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ..

 

ท่านทั้งหลาย แท้จริง ฉันได้ให้สองสิ่งไว้แก่พวกท่าน 

ซึ่งถ้าหากพวกท่านยึดมั่นมันไว้ได้แล้วละก็ พวกท่านจะไม่มีวันหลงทางอย่างเด็ดขาด 

สองสิ่งนั้นคือ กิตาบุลลอฮฺ และซุนนะฮฺของนบีของพระองค์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

 

          กิตาบุลลอฮฺ ก็คืออัลกุรอาน ส่วนสำหรับซุนนะฮฺของนบีของพระองค์ ก็คือแบบอย่าง หรือแบบฉบับที่มาจากท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของท่านนบี การปฏิบัติตัวต่าง ๆ ของท่านนบี รวมไปถึงคำพูดหรือการปฏิบัติของบรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านนบี ที่ถึงแม้ท่านนบีจะไม่ได้พูด หรือไม่ได้ปฏิบัติไว้ แต่ถ้าบรรดาเศาะฮาบะฮฺพูดหรือปฏิบัติ และท่านนบียอมรับในสิ่งนั้น ก็ถือเป็นซุนนะฮฺของท่านนบีด้วยเช่นกัน ..

 

          ซึ่งซุนนะฮฺของท่านนบีนี้ก็จะปรากฏหลักฐานอยู่ในอัลหะดีษเศาะหิหฺ หรืออัลหะดีษระดับหะซัน หรืออัลหะดีษที่มีหลักฐานของความถูกต้องและเชื่อถือได้ และได้มีรายงานสืบทอดต่อมาจนถึงยุคของเราโดยที่หลักฐานนั้นไม่มีการขาดตอนเลย จึงนับเป็นหลักฐานความถูกต้องอย่างแท้จริง ซึ่งท่านนบีให้เรายึดมั่นซุนนะฮฺของท่านนบีไว้ให้ได้อย่างเหนียวแน่นมั่นคง 

 

          เรามาดูอัลหะดีษ (หะซัน เศาะหิหฺ ) ในบันทึกของอิมามอบูดาวูด และอิมามอัตติรมีซีย์ รายงานจากท่านอบู นะญีหฺ อัล อิรบาฏ อิบนุ ซาริยะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า

 

: "وعظنا رسول الله صلى الله عليه وسلم موعظة بليغة وجلت منها القلوب وذرفت منها العيون، فقلنا: يا رسول الله كأنها موعظة مودع فأوصنا. قال: "أوصيكم بتقوى الله ، والسمع والطاعة وإن تأمر عليكم عبد حبشي، وإنه من يعش منكم فسيرى اختلافاً كثيراً. فعليكم بسنتي وسنة الخلفاء الراشدين المهديين، عضوا عليها بالنواجذ، وإياكم ومحدثات الأمور فإن كل بدعة ضلالة"

 

     วันหนึ่ง ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้นำละหมาดศุบหฺ หลังเสร็จละหมาดแล้ว ท่านได้หันมาหาเรา และกล่าวตักเตือนเราด้วยคำตักเตือนหนึ่งที่กินใจ ทำให้จิตใจหวาดหวั่นและน้ำตาเอ่อล้น ...

     แล้วเราได้กล่าวว่าโอ้ ท่านร่อซูลุลลอฮฺ (คำตักเตือนของท่าน)ประหนึ่งว่า มันคือคำตักเตือนของผู้จะจากลา ดังนั้น ท่านจงสั่งเสียแก่เราด้วยเถิด

     แล้วท่านร่อซูลุลลอฮฺได้กล่าวว่าฉันขอสั่งเสียพวกท่านให้มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ อัซซะวัลญัล และจงเชื่อฟังและปฏิบัติตาม ถึงแม้ว่าผู้ตักเตือนจะเป็นเพียงทาสคนหนึ่งก็ตาม และหากผู้หนึ่งผู้ใดในหมู่พวกท่านมีชีวิตยืนยาวต่อไป พวกท่านก็จะได้พบกับความขัดแย้งอย่างมากมาย

     ดังนั้น พวกท่านจงยึดมั่นไว้ซึ่งซุนนะฮฺของฉัน และซุนนะฮฺของบรรดาค่อลีฟะฮฺผู้ทรงธรรมที่ได้รับทางนำเอาไว้ให้มั่นคง เสมือนกัดมันไว้ด้วยฟันกราม และพวกท่านพึงระวังต่อบิดอะฮฺทั้งหลายในศาสนา เพราะทุก ๆ บิดอะฮฺนั้นคือความหลงผิด

 

          ตรงนี้..ท่านนบีให้เรายึดมั่นซุนนะฮฺของท่านนบี และให้เราระวังเรื่องของบิดอะฮฺในบทบัญญัติศาสนา ซึ่งท่านนบีได้กล่าวถึงบิดอะฮฺไว้ในอัลหะดีษ ( เศาะหิหฺ ) ในสุนันของอิมามอันนะซาอีย์ รายงานจากท่านญาบิรฺ บิน อับดุลลอฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

«وَشَرُّ الأُمُوْرِ مُحْدَثَاتُهَا ، وَكُلُّ مُحْدَثَةٍ بِدْعَةٌ ، وَكُلُّ بِدْعَةٍ ضَلَالَةٌ ، وَكُلُّ ضَلاَلَةٍ فِي النَّارِ»

 

"สิ่งชั่วช้าที่สุดคือ สิ่งที่ถูกอุปโลกน์หรือถูกปฏิบัติขึ้นมาใหม่ใน(เรื่องราวของบทบัญญัติ)ศาสนา

และทุกๆสิ่งที่ถูกอุปโลกน์หรือถูกปฏิบัติขึ้นมาใหม่ใน(เรื่องราวของบทบัญญัติ)ศาสนานั้น ถือเป็น بِدْعَةٍ บิดอะฮฺทั้งสิ้น

และทุกๆบิดอะฮฺถือเป็นความหลงผิด ...และแน่นอน ทุกๆความหลงผิดย่อมนำไปสู่การถูกลงโทษในไฟนรก

 

          ดังนั้น บิดอะฮฺก็คือ สิ่งที่ไม่ใช่ซุนนะฮฺของท่านนบี แต่กลับเป็นสิ่งที่นำคนที่ยึดมั่นปฏิบัติมันไปสู่การถูกลงโทษในไฟนรก จึงเป็นเรื่องที่เราต้องออกห่างจากบิดอะฮฺ ถึงแม้บิดอะฮฺจะเป็นเรื่องของหลักอะกีดะฮฺ หรือหลักความเชื่อต่าง ๆ ตลอดจนเป็นเรื่องของการทำอิบาดะฮฺ แต่เป็นอะกีดะฮฺหรือเป็นอิบาดะฮฺที่ซุนนะฮฺท่านนบีไม่ได้ปฏิบัติไว้ ไม่ได้รับรองไว้ ซึ่งอะไรก็ตามที่ท่านนบีไม่ได้ทำ หรือซุนนะฮฺของท่านนบีไม่ได้มีแบบฉบับไว้ เราจะเชื่อไม่ได้และทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด ..

 

          หลักที่เราต้องยึดมั่นในเรื่องนี้ก็คือ อะไรก็ตามที่เป็นเรื่องของบทบัญญัติศาสนา ที่เกี่ยวกับหลักอะกีดะฮฺ หรือเกี่ยวกับการทำอิบาดะฮฺนั้น ห้ามเราเชื่อหรือทำอย่างเด็ดขาด เว้นแต่จะมีหลักฐานบอกไว้ว่าให้เชื่อ ให้ทำ เราจึงจะทำได้ ...เมาลิดนบี ทำไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานให้ทำ ..อิซิกุบูร ทำไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานให้ทำ บิดอะฮฺต่าง ๆมากมายหลายอย่าง ทำไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานให้ทำ ไม่มีหลักฐานให้เชื่อ

 

          เมื่อเวลาที่เราฟังเรื่องราวบทบัญญัติศาสนาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เราจึงต้องมีหลักในการยึดมั่น พิจารณา จะปล่อยให้ผู้รู้ที่เราชื่นชอบมาชักชวนให้เราเชื่อโดยเราไม่ได้พิจารณาอะไรเลย อย่างนี้ไม่ได้ ..อย่างมีผู้รู้บางคนพูดเชิญชวนแล้วก็ถามเราว่า อะไรที่ท่านนบีไม่ได้ทำ เราทำได้ไหม ? คำตอบเสมือนว่าทำได้ ..แต่ถ้าเราเข้าใจหลักคิดของบทบัญญัติศาสนาที่ว่า ห้ามทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอิบาดะฮฺ เว้นแต่จะมีหลักฐานบอกให้ทำจึงจะทำได้ ..

 

          เราก็จะได้คำตอบว่า อะไรก็ตามที่ท่านนบีไม่ได้ทำนั้น เราทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด ดังนั้น ถ้าอะไรก็ตามที่ท่านนบีไม่ได้ทำ หรือซุนนะฮฺของท่านนบีไม่ได้ปฏิบัติไว้ แล้วเราอาจหาญบอกว่า เราสามารถทำได้ เพราะมันเป็นอิบาดะฮฺ มันเป็นความดี นั่นก็คือ เรากำลังทำบิดอะฮฺ และกำลังนำตัวเราเข้าไปสู่การถูกลงโทษในไฟนรก

 

          นี่ก็เป็นเรื่องที่นำฝากกันในช่วงเวลาสั้น ๆ ว่า เราต่างแสวงหาความใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา พยายามหาความรู้ในเรื่องราวบทบัญญัติศาสนาจากผู้รู้ศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่ง แต่เพราะผู้รู้ศาสนามีทั้งผู้รู้ที่นำทางเราสู่ทางที่ถูกต้องเที่ยงตรง กับผู้รู้ที่นำทางเราสู่การทำบิดอะฮฺ เราก็ต้องพิจารณาในเรื่องที่ผู้รู้พูดด้วย ใช้สติปัญญาของเราคิดตามด้วย ไม่ใช่เชื่อโดยไม่พิจารณาหลักฐานอะไรเลย เราต้องไม่ตะอัศศุบ ก็คือไม่ยึดมั่นหรือยึดติดกับผู้รู้คนหนึ่งคนใดเป็นการเฉพาะ พร้อมทั้งต้องขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ขอด้วยความอิคลาศให้ได้รับทางนำที่ถูกต้อง

 

          สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโปรดให้เราเห็นความจริงเป็นความจริง และยึดมั่นปฏิบัติตามความจริงนั้น ..และโปรดให้เราเห็นความเท็จเป็นความเท็จ และออกห่างจากความเท็จนั้นอย่างไกล ๆ ....ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโปรดนำทางเราสู่ทางที่เที่ยงตรงของพระองค์ตลอดไป

 

 

( นะศีหะหฺ มัสญิดดารุ้ลอิหฺซาน บางอ้อ )