เสียงสตรี ไม่ใช่เอาเราะห์
เรียบเรียง....อ.อิสหาก พงษ์มณี
เสียงสตรีแม้จะไม่ใช่เอาเราะห์แต่ถ้าพูดแบบไพเราะอ่อนหวานต่อชายอื่นที่มิใช่สามีก็ถือว่าต้องห้าม รวมถึงการอ่านอัลกุรอ่านด้วยถ้อยทำนองที่ไพเราะแล้วออกเสียงดังก็เช่นกัน
อัลลอฮ์ ตรัสว่า
فَلَا تَخْضَعْنَ بِالْقَوْلِ فَيَطْمَعَ الَّذِي فِي قَلْبِهِ مَرَضٌ وَقُلْنَ قَوْلًا مَعْرُوفًا {الأحزاب:32}.
"เหล่านางอย่าได้ใช้วาจาที่อ่อนหวาน(ต่อชายอื่น) เพราะผู้ที่หัวใจมีโรคจะมุ่งร้ายได้ ดังนั้นเหล่านางจงพูดด้วยวาจาที่พอเหมาะเถิด"
ท่านอิรอกีกล่าวว่า
فالتعليل بخوف الافتتان أولى
"เหตุที่ห้ามเช่นนั้นก็เพราะเกรงเรื่องฟิตนะห์ (ซึ่งเป็นเหตุผลที่)สมควรกว่า (เหตุผลอื่นๆ)-ฏอรฮุตัษรีบ
فقال في الاستذكار: وقال بعضهم إنما كره التسبيح للنساء؛ لأن صوت المرأة فتنة، ولهذا منعت من الأذان والإقامة والجهر بالقراءة في صلاتها
ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่(อิบนุอับดุลบัร) กล่าวไว้ในหนังสืออัลอิสติซก๊ารว่า
"(ปราชญ์)บางท่านกล่าวว่าไม่สมควรให้สตรีกล่าวตัสเบี๊ยห์(ดังๆ) เพราะเสียงนางก่อเกิดฟิตนะห์ได้
ด้วยเหตุนี้นางจึงถูกห้ามมิให้อะซานและอิกอมะห์รวมถึงละหมาดด้วยเสียงดัง"
ข้อสังเกต
1. ปวงปราชญ์ส่วนใหญ่เห็นว่าเสียงสตรีมิใช่เอาเราะห์ ดังนั้นนางสามารถพูดคุยกับชายอื่นได้ในกรณีที่จำเป็นต้องพูดคุย
2. แต่สิ่งที่ต้องห้ามคือต้องไม่ใช้น้ำเสียงที่ออดอ้อนอ่อนหวานต่อชายอื่นที่มิใช่สามี(รวมถึงมะห์รอม)ของนาง
3. การอ่านอัลกุรอ่านด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานกระทำได้ในหมู่สตรีด้วยกันหรือไม่ก็ต่อสามีนาง ส่วนต่อชายอื่นที่มิใช่สามีหรือมะรอมของนาง หากยึดตามคำปราชญ์ที่ยกมาเสนอข้างต้นก็ถือว่าเข้าข่ายใช้วาจาอ่อนหวานกับชายอื่นเช่นกัน
4. สิ่งที่น่าสังเกตมากๆ คือเหตุใดนางถึงถูกห้ามมิให้อะซาน อิกอมะห์ และละหมาดด้วยเสียงอันดัง ทั้งๆ ที่เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องดีทั้งสิ้น
การอ่านอัลกุรอ่านด้วยเสียงอันดังต่อหน้าชายอื่นก็นับว่าเป็นเรื่องดีเช่นกัน หากมองแค่มุมนี้สตรีย่อมสามารถอะซานได้ อิกอมะห์ได้ หรือละหมาดด้วยการออกเสียงดังได้ เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องอิบาดะห์และเป็นสิ่งดีๆ ทั้งสิ้น แต่นางก็ถูกห้ามมิให้อะซาน อิกอมะห์ รวมถึงละหมาดด้วยการออกเสียงดัง !!