จงให้ความยุติธรรมแก่ลูก ๆ ของท่าน
โดย... เชคอาลี อีซา ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ
มีรายงานจากนุอฺมาน บุตรของบะซีร ได้กล่าวว่า
“พ่อของฉันได้ให้ทรัพย์สมบัติบางส่วนแก่ฉัน แม่ของฉันชื่ออัมเราะห์บุตรีของร่อวาฮะฮฺ ได้กล่าวว่า
ฉันจะไม่ยินยอมจนกว่าท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะได้เป็นพยานยืนยันในเรื่องนี้
พ่อของฉันได้ออกไปหาท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เพื่อที่ให้ท่านร่อซูลเป็นพยานในการให้ทรัพย์สมบัติแก่ฉัน
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวแก่บิดาของฉันว่า ท่านกระทำเช่นนี้กับลูก ๆ ทุกคนหรือเปล่า ?
พ่อของฉันกล่าวว่า ไม่ครับ
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า จงยำเกรง อัลลอฮฺเถิด และให้ความยุติธรรมระหว่างลูก ๆ ของท่าน
แล้วพ่อของฉันได้กลับมาที่บ้านและเอาของที่ให้ ศ่อดาเกาะฮฺคืน”
มีรายงานกล่าวว่า ท่านร่อซูลกล่าวว่า
“อย่าให้ฉันเป็นพยาน ฉันจะไม่เป็นพยานในสิ่งที่มีความลำเอียง จงไปหาพยานอื่นจากฉันในเรื่องนี้”
อธิบายความหมาย
ในการที่จะให้ของแก่ลูก ๆ ต้องให้ ๆ เหมือนกันเท่ากัน เพื่อจะได้ไม่เกิดความเหลื่อมล้ำหรือขาดความยุติธรรม แต่ถ้าในกรณีพิเศษ เช่น ลูกไม่สบายหรือให้รางวัลแก่ลูกเพื่อเป็นการให้กำลังใจแก่ลูก
การให้โดยทั่ว ๆ ไปนั้นอยู่ในรูปที่ว่ายกให้ การให้นี้จะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีการยกให้หรือยกซื้อ ยกขายกัน อย่างเช่นการให้สตางค์หรือให้ของ ต้องให้มือต่อมือ ผู้ที่ให้นี้จะไม่มีสิทธิ์ในของอีกแล้ว ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดินหรือบ้านเรือน การให้ก็อยู่ในรูปของการโอน เช่นการให้สวนหรือให้นา สิทธิของการให้ก็คือผู้รับมอบสามารถเข้าไปทำกิจการนั้นได้ ไปหว่านพืชผลและเก็บเกี่ยวได้โดยผู้ให้นั้นจะไม่มีสิทธิ์อีกแล้ว
แต่ถ้าเป็นการให้ที่ไม่ถูกต้องผู้ที่ให้มีสิทธิ์เอาคืนได้ ดังนั้นการให้ที่สมบูรณ์ต้องมีการเปลี่ยนชื่อหรือทำสัญญาให้เป็นที่เรียบร้อย ถ้าของนั้นให้ไปแล้วเรียกกลับคืนมาอีกก็เปรียบเสมือนคนที่สำรอกออกมาแล้วก็กลืนของที่ตนสำรอกเข้าไปใหม่
ประโยชน์ที่ได้จากฮะดิษนี้
นุอฺมานซึ่งเป็นชาวอันซอรฺ (ชาวมะดีนะห์) ได้บอกว่าพ่อฉันได้ให้เงินมาก้อนหนึ่ง มารดาบอกว่าไม่ยอมจนกว่าท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะรู้เห็นหรือเป็นพยาน อันนี้เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าในการกระทำสิ่งใดที่ไม่แน่ใจว่าถูกต้องหรือไม่นั้น จำต้องกลับไปหาท่าน ร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หรือว่ากลับไปหาบทบัญญัติที่ถูกต้อง
โดยในขณะนั้นมีท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อยู่ก็ต้องไปหาท่าน ร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เพื่อความแน่ใจ ในสมัยนั้นบรรดาซอฮาบะห์ถ้าหากมีอะไรสงสัยก็จะไปหาท่านร่อซูลเลย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชาวอันซอรนี้รักในศาสนาอิสลาม และเมื่อมีเหตุอะไรก็กลับไปหาท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ดังฮะดิษบอกว่า
“ผู้ใดศรัทธาในอัลลอฮฺและวันปรโลก ให้ ๆ เกียรติแก่แขกผู้มาเยือน”
ดังนั้น จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าชาวอันซอรฺให้เกียรติแก่แขกเป็นอย่างดี
ชาวอันซอรฺจึงเป็นผู้ที่เชื่อมั่นในบทบัญญัติอิสลามอย่างจริงจัง แม้จะมีเรื่องราวอะไรก็จะกลับไปหาบัญญัติและท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม โดยไม่ตัดสินโดยพลการหรือทำโดยเย่อหยิ่ง อย่างเช่น
สามีเมื่อภรรยาบอกให้ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นพยาน สามีก็ยอมทำตามโดยไม่ได้ยึดทิฐิหรืออารมณ์เป็นใหญ่ ในการมาหาท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เพื่อให้ท่านเป็นพยานว่าการให้นี้ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เห็นด้วยหรือไม่ ถ้าไม่คัดค้านก็เป็นอันว่าการให้ทรัพย์นั้นใช้ได้
เมื่อชายผู้นั้นเข้ามาหารท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะถามเรื่องราวก่อนที่ท่านจะตัดสิน โดยที่ท่านจะให้เขาทราบว่า ทำอะไรบ้าง โดยท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ถามว่าท่านได้ให้อย่างนี้แก่ลูก ๆ ของท่านทุกคนหรือ ชายคนนั้นบอกว่าไม่ ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บอกว่าการให้ลักษณะนี้ไม่ถูกต้อง โดยท่านกล่าวว่า จงเกรงกลัวอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และจงให้มีความเสมอภาคระหว่างลูก ๆ ของท่าน
นอกจากนั้นท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ยังได้บอกว่า อย่าให้ฉันได้รู้ได้เห็นเป็นพยานกับเรื่องที่ไม่ถูกต้องเลย
ถ้าท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นพยานแล้วสิ่งนี้ก็จะเป็นที่ปฏิบัติกันเรื่อยมา ดังนั้น ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงปฏิเสธไม่เป็นพยาน การรู้เห็นในสิ่งที่ไม่ถูกต้องนั้น ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะไม่ยอมเป็นพยาน
ดังนั้นในเรื่อง การเป็นพยานนี้ จึงสรุปได้ว่าเราไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเป็นพยานในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น สิ่งที่ไม่ดีเราไปร่วมหรือไปรู้ไปเห็นเท่ากับเราไปเป็นพยานรับรองเหมือนกัน และท่านนบียังบอกอีกว่าให้หาคนอื่นเป็นพยาน เพราะท่านนบีจะไม่เป็นพยานในการลำเอียงครั้งนี้ เมื่อท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวเช่นนี้พ่อของ นุอฺมานได้กลับไปเอาของที่ให้แก่ลูกนั้นกลับคืน
อายะฮฺอัลกุรอานซูเราะห์อันนูร อายะห์ที่ 51
“แท้จริงคำกล่าวของบรรดาผู้ศรัทธา เมื่อพวกเขาถูกเรียกร้องไปสู่ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และ ร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ของพระองค์ เพื่อให้ตัดสินระหว่างพวกเขา
พวกเขาจะกล่าวว่า “เราได้ยินแล้วและเราเชื่อฟัง ปฏิบัติตามแล้ว”
และชนเหล่านี้พวกเขาคือผู้ประสบความสำเร็จ”
ดังนั้น เมื่อมีข้อสงสัยก็จงกลับไปหาอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ของพระองค์
ที่มา : อัล-อิศลาหฺ สมาคม อันดับที่ 526-528