ท่านอับดุลเลาะห์ อิบนุ ญะฮฺช์
  จำนวนคนเข้าชม  10600


 ท่านอับดุลเลาะห์ อิบนุ ญะฮฺช์ 1


             เป็นศอหะบะห์ท่านแรกที่ถูกเรียกว่า "อะมีรุลมุอฺมินีน" ศอหะบะห์ที่เราจะเล่าเรื่องราวของท่านในขณะนี้เป็นผู้มีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับท่านรอซูล  ในฐานะเครือญาติ ท่านเป็นหนึ่งในบรรดาศอหะบะห์ชุดแรกที่เข้ารับอิสลาม และเป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านรอซูล เพราะมารดาของท่านชื่ออุมัยมะห์ บินติ อับดิลมุฎฎอลิบ นั้นเป็นพี่สาวของบิดาของท่านนบีและเป็นพี่เขยท่านรอซูล  เพราะว่าน้องสาวของท่านที่ชื่อ ท่านหญิง ซัยนับ บินติ ญะฮฺช์ นั้นเป็นภรรยาของท่านนบีผู้ประเสริฐ และเป็นหนึ่งในบรรดา มารดาแห่งศรัทธาชน (อุมมะฮาติลมุอฺมินีน)


            ท่านเป็นศอหะบะห์ท่านแรกที่ถูกมอบหมายให้ถือธงของอิสลาม เป็นศอหะบะห์ท่านแรกที่ถูกเรียกว่า "อะมีรุลมุอฺมินีน" ท่านผู้นี้คือ อับดุลลอฮ์ บินณะฮฺช์ อัล อะซะดีย์

           ท่าน อับดุลลอฮ์ บินญะฮฺช์ เข้ารับอิสลามก่อนหน้าที่ท่านนบี ได้เข้าไปเผยแผ่ศาสนา ณ บ้านของท่าน อัล อิรกอม ซึ่งเป็นที่ทราบกันดี ในประวัติศาสตร์ว่า ดารุล อัร กอม ดังนั้นท่านจึงเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่เข้ารับอิสลามชุดแรก และในขณะที่ท่านนบี  อนุมัติให้บรรดาศอหะบะห์อพยพไปมะดีนะห์ เพื่อหลบหนีการรังแกของฝ่ายกุเรช ซึ่งไม่พอใจศาสนาใหม่ของพวกเขานั้นปรากฎว่าท่านอับดุลเลาะห์ บินญะฮฺช์ เป็นผู้อพยพรายที่สองรองจากท่าน อบูซะละมะห์

          ความจริง การอพยพไปในหนทางของอัลเลาะห์ก็ดี การที่ต้องพลัดพรากจากครอบครัว และบ้านเกิดเมืองนอนก็ดี ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับท่าน (อับดุลเลาะห์ บินญะฮฺช์) แต่ประการใด เพราะว่าท่านเองและญาติมิตรบางคน เคยอพยพไปเมืองฮะบะซะห์ หรือเอธิโอเปียก่อนหน้านี้มาแล้ว แต่การอพยพไปมะดีนะห์ครั้งนี้ เหนือกว่าและยิ่งใหญ่กว่า เพราะมีครอบครัวเครือญาติ และญาติฝ่ายบิดาทั้งหมด ซึ่งมีทั้งชายชรา คนหนุ่ม และหญิงสาว ตลอดจนเด็กเล็กแบเบาะที่ยังไม่ได้หย่านม ต่างก็ร่วมอพยพไปมะดีนะห์ด้วย แน่นอนเหลือเกินว่าครอบครัวของท่านเหล่านั้นเป็นครอบครัวที่อยู่ในกรอบอิสลาม และตระกูลของท่านเหล่านั้นก็เป็นตระกูลที่มีอีมาน เมื่อทั้งหมดได้ออกเดินทางพ้นเขตมักกะห์ไปแล้วจึงทำให้หมู่บ้านเงียบเหงาวังเวงกลายเป็นสถานที่ว่างเปล่า คล้ายกับบ้านร้างไม่เคยมีคนหนึ่งคนใดไปมาหาสู่

          ท่านอับดุลเลาะห์กับคณะอพยพไปได้ยังไม่เท่าไร พวกหัวหน้าฝ่ายกุเรชก็ออกตรวจตราทั้งทุกหมู่บ้านใน มักกะห์ เพื่อจะรู้ว่ามุสลิมกลุ่มใดอพยพไปแล้วและกลุ่มใดยังคงอยู่อย่างเดิม และในจำนวนผู้ออกตรวจตรานั้นมี อบูญะฮฺช์ และ อุตบะห์ บิน รอบีอะห์ รวมอยู่ด้วย

         อุตบะห์ มองดูบ้านของ บนีญะฮฺช์ ซึ่งลมได้พัดเอาฝุ่นมาปกคลุมเต็มหน้าบ้านไปหมด เขากล่าวว่า

         "บัดนี้หมู่บ้านของ บนีญะฮฺช์ กลายเป็นบ้านร้างไปเสียแล้ว เสียงลมที่หวีดหวิวนั้นคล้ายกับเสียงร้อง ไห้รำพันถึงคนที่เคยอยู่อาศัย"

          เมื่ออบูญะฮฺลฺได้ยินเช่นนั้นจึงถาม เพื่อเป็นการเหยียดหยาม บนีญะฮฺช์ ว่า

         "ก็พวกนั้นเป็นใครกันเล่าถึงกับต้องทิ้งบ้าน จนกระทั่งบ้านต้องร้องไห้รำพันถึงพวกเขา?"

          ต่อมา อบูญะฮฺลฺ ก็ได้เข้ายึดบ้านของท่าน อับดุลเลาะห์ ซึ่งเป็นบ้านที่งดงามกว่าหลังอื่นและมีพรัพย์สิน อยู่มากมาย และอบูญะฮฺลฺก็เข้าค้นบ้าน ยึดเอาทรัพย์สิน เครื่องเรือนไปหมดสิ้นคล้ายกับว่า ตนเองเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง เมื่อข่าวนี้รู้ถึงท่าน อัลดุลเลาะห์ บินญะฮฺช์ ท่านจึงเล่าให้ท่านรอซูลทราบ ท่านรอซูลจึงกล่าวว่า :

          "โอ้ อับดุลลอฮฺ ท่านไม่พอใจดอกหรือที่อัลเลาะห์จะทรงให้บ้านหลังหนึ่งแก่เธอแทนบ้านหลังนั้นในสวรรค์"

          ท่าน อับดุลลอฮฺ กล่าวว่า : 

          "ฉันพอใจแล้ว โอ้ท่านรอซูล"

          ท่านรอซูล  จึงกล่าวว่า 

          "ถ้าท่านพอใจท่านก็จะได้รับเช่นนั้น"

          คำพูดของท่านรอซูล  ทำให้ท่าน อับดุลเลาะห์ สบายใจขึ้นและทำให้เขาเป็น ปกติสุข

          แต่ท่าน อับดุลเลาะห์ บินญะฮฺช์ เกือบจะไม่ทันได้ตั้งหลักแหล่งในมะดีนะห์อย่างที่ได้มุ่งหวังไว้ จากการที่ต้องอพยพรอนแรม ในครั้งแรกที่ไปเอธิโอเปีย และครั้งที่สองที่ มะดีนะห์ และเกือบไม่ได้สัมผัสกับบรรยากาศแห่งความสุขสมหวังจากการต้อนรับ เอาใจใส่ของชาวอันซ้อร หลังจากที่ต้องทนทุกข์ต่อการคุกคามจากน้ำมือของฝ่ายกุเรช จนกระทั่ง อัลเลาะห์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงมีพระประสงค์ให้ท่านประสบกับการทดสอบที่ลำบากมากที่สุด ซึ่งในชีวิตของท่านไม่เคยพบเช่นนี้มาก่อนเลย โดยพระองค์ทรงทดสอบอย่างรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่ ท่านได้เข้ารับอิสลาม

         ดังนั้นเราจงฟังเรื่องราวการทดสอบครั้งสำคัญอันขมขื่นนี้เถิด

 

โปรดติตามตอนต่อไป

 

 

 


 

 

ท่านอับดุลเลาะห์ อิบนิญะฮฺช์ 2  >>>Click