♥...รั ก...รั ก...รั ก...♥
โดย อาจารย์ คอลดูน ลาตีฟี
ท่านพี่น้องผู้มีศรัทธาที่รักและเคารพทุกท่าน มันมีคำมหัศจรรย์อยู่คำหนึ่ง เป็นคำที่ข้าพเจ้าเชื่อเหลือเกินว่า ไม่ว่าจะเอื้อนออกมาเป็นภาษาใด บุคคลผู้มีความเข้าใจในภาษานั้น จะต้องเทความสนใจ หันมาฟังคำๆนี้ คำๆนี้คือคำว่า “รัก”
คำว่า อัลฮุบบุ الحب ในภาษาอาหรับ คำเพียงพยางค์เดียวเท่านั้นเองที่มันมีอนุภาพอันยิ่งใหญ่ เป็นคำที่มีพลังเปลี่ยนแปลงมหาศาล สามารถเปลี่ยนสีดำให้กลายเป็นสีขาวได้ เปลี่ยนฆาตกรให้กลายเป็นนักบุญผู้ทรงธรรม สามารถทำให้คนเราไม่รู้สึกเป็นทุกข์กับความหิวกระหาย ไม่กังวลไม่อ่อนล้าโรยแรงกับการอดหลับอดนอน ไม่ทุกข์ร้อนอนาทรร้อนใจต่อความลำบากตรากตรำ ยิ่งไปกว่านั้น สามารถทำให้ความตายกลายเป็นเรื่องไม่น่ากลัวได้ นี่คืออนุภาพของคำว่า”รัก”
ความรักในอิสลามนั้นถูกนับว่าเป็นคุณธรรมขั้นสูง เป็นสิ่งที่บรรดาซอฮาบะห์ นั้นเพียรสั่งเพียรสอนให้กับบุตรหลานเป็นอันดับต้นๆ เมื่อบุตรหลานเริ่มที่จะเข้าใจรู้ความ คำๆนี้ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺ ได้บอกเราถึงความสำคัญของอนุภาพของมัน ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺบอกว่า
ثلاث من كل فيه وجد بهن طعم الايمان
“มีอยู่สามเรื่องสามประการด้วยกัน เมื่อมันอยู่ในผู้ใด เขาผู้นั้นก็จะพบแต่ความฉ่ำหวานแห่งรสศรัทธา เขาจะพบแต่ความดื่มด่ำในรสชาติแห่งอิหม่าน”
ประการแรก ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺ บอกว่า
من كان الله ورسوله أحب اليه مما سواهما
บุคคลที่ความรักของเขาที่มีต่อ พระองค์ الله سبحانه وتعالى และ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺของพระองค์นั้น ยิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง พี่น้องที่รักและเคารพ เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก
สำหรับมุสลิมีนแล้ว เดือนรอบีอุ้ลเอาวัล นี้เป็นเดือนแห่งความรักอย่างแท้จริง เป็นเดือนที่พี่น้องผู้ศรัทธาทั่วโลกต่างแสดงออกถึงความความรักความภักดีที่มีต่อมหาศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺ
ดังนั้นเราก็เช่นเดียวกัน พี่น้องที่รักและเคารพ หลายคนตั้งคำถามว่าจะทำอย่างไร ? ให้ความรักที่ว่านี้ให้เกิดขึ้นในจิตใจเรา ให้เป็นไปตามที่เขาพยายามจะบอกจะสอน ให้เรามีความรักต่อ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺ ประตูที่จะนำเราไปสู่ความรักนั้นมีอยู่หนึ่งบานเดียวเท่านั้น นั่นก็คือประตูแห่งการรู้จัก ไม่มีทางเลยที่ความรักจะเกิดขึ้นได้เลย ถ้าเราไม่รู้จัก ถ้าเราไม่ลึกซึ้งสายใยสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ต่อให้เป็นแม่เป็นลูกก็ไม่อาจมีความรู้สึกได้ถ้าไม่รู้จัก ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ตรงนี้
พี่น้องลองจินตนาการดู ถ้าเด็กน้อยคนหนึ่งจำต้องพลัดพรากจากอกแม่ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ แล้วเมื่อผ่านไปสิบปีหรือมากกว่านั้น จนเด็กคนนี้กลายเป็นหนุ่ม วันหนึ่งเกิดมาพบกับแม่ของเขาโดยบังเอิญ โดยที่ทั้งเขาและเธอต่างไม่รู้ความสัมพันธ์ความเป็นแม่และลูก ทั้งสองคนจะเดินสวนกันอย่างคนแปลกหน้าเท่านั้นเอง เพราะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์กัน แต่หากมีใครที่รู้ความจริงเข้ามากระซิบบอกว่าผู้หญิงคนนี้คือแม่ของเขา และเขาคนนี้คือลูกของนาง เชื่อได้เลยว่าความดึงดูด ความสนใจทั้งสองฝ่ายจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติทันที และความผูกพันมันจะขยับขยายตัวขึ้นเป็นลำดับ เมื่อทั้งสองได้วิสาสะพูดคุยกัน มันเติบโตขึ้นตามการรู้จัก
เช่นเดียวกันเราไม่อาจรักและรู้สึกดีต่อ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺได้ เพราะเราไม่เคยรู้จักมหาบุรุษท่านนี้คือใคร ไม่เคยรู้เลยว่าเขานั้นมีคุณูประการอย่างไร มีสิ่งที่เรียกว่าเป็นบุญคุณต่อเรามากมายมหาศาลเกินกว่าผู้ที่เป็นบิดามารดาของเราเสียอีก พ่อและแม่นั้น เป็นผู้ที่ให้กำเนิดชีวิตแก่เราในดุนยาใบนี้ เลี้ยงดูทะนุถนอมเรา ชีวิตในดุนยานี้เราอยู่กันกี่ปี ก็คงจะไม่เกินร้อยปี เมื่อเทียบกับอาคิเราะห์แล้ว มันเป็นชีวิตที่แสนสั้นยิ่งนัก และชีวิตเราจบที่ดุนยานี้หรือไม่ ? คำตอบคือ “ไม่”
ชีวิตที่ถาวรเป็นนิรันดร์คืออาคิเราะห์ ชีวิตสุขในอาคิเราะห์ จะมีขึ้นได้ เราจะรับจากใคร ใครคือผู้ให้ชีวิตนั้น คำตอบคือ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺ ท่านคือผู้ที่นำชีวิต อันแสนสุขและไม่มีวันจบสิ้นมามอบแก่เรา หากคนที่ปรารถนาตอบรับ ดังนั้น เมื่อเทียบแล้วจะหาบุคคลใดที่มีคุณูประการ มีความรักความเมตตาต่อเรามากไปกว่า ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺ นั้นหามีไม่
พี่น้องที่รักและเคารพ คนที่รักเรานั้นมีน้อยยิ่งนัก และคนที่จะเป็นห่วงเป็นใยเราในนาทีวิกฤติในนาทีที่เราประสพชะตากรรมโหดร้ายนี้ มันก็ยิ่งน้อยลงไปทุกที ในวันกิยามัตวันที่มีแต่ความโกลาหลนั้น พระองค์ الله سبحانه وتعالى ทรงจัดเตรียมพลังให้แก่บรรดาศาสดาทั้งหลาย แต่ละท่านก็จะมีที่ประจำอยู่ เป็นบัลลังก์ที่เปล่งรัศมี แต่ละที่นั่งนั้นมีศาสดาแต่ละท่านประจำอยู่ มันมีที่เดียวเท่านั้นเองที่เจ้าของที่นั่งไม่ติด และไม่ติดด้วยความเป็นห่วงประชาชาติของท่านว่าจะรอดพ้นการสอบสวนว่าจะรอดพ้นการลงโทษของพระองค์ الله سبحانه وتعالى หรือไม่ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺไม่สามารถที่จะนั่งอยู่ติดได้
มีในหะดิษ บอกว่า
ويبقى منبري لاأحلبس كليه قائمًا بين يَدَيْ ربِى مَخَافَةَ أن يُبْعَثَ بِى إلى الجنة وتَبقَى أُمَّتِي بعدِى فأقول : يارب ، أمتى أمتى
ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺได้เฝ้าวิงวอนขอต่อ พระองค์ الله سبحانه وتعالى ด้วยความเป็นกังวล ว่าอุมมะห์ของท่านนั้นจะผ่านเข้าสู่สวนสวรรค์ได้หรือไม่
บุคคลผู้คิดถึงเราทุกเสี้ยวนาที คิดถึงเราทุกครั้งหลังละหมาด จะมีใครซักคนไหมบนโลกนี้ แม้คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ก็ยังไม่ถึงขนาดนั้น
พี่น้องที่รักและเคารพ ท่านหญิงอาอิชะห์ ได้เล่าให้เราฟัง ครั้งหนึ่งที่บรรยากาศภายในบ้านอันชื่นมื่น ท่านหญิงสบโอกาสได้เอ่ยปากกับ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺให้ช่วยขอดุอาอฺต่อ พระองค์ الله سبحانه وتعالى ให้แก่ฉันที ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺ ได้ขอต่อ พระองค์ الله سبحانه وتعالى
اللهم اغقر لعائشة ماتقّدم من ذتبها وماتأخر وما أسَرَّتْ وما أعْلَنَتْ
“ข้าแด่ พระองค์ الله سبحانه وتعالى ขอพระองค์ทรงอภัยโทษให้แก่อาอิชะห์ ในความผิดที่ล่วงผ่านมาและความผิดที่จะเกิดขึ้นในภายหลังภาคหน้า ในสิ่งที่นางได้กระทำในที่ลับตาและกระทำอย่างเปิดเผย “
ท่านหญิงอาอิชะห์ ยิ้มด้วยความสุขใจ เพราะดุอาอฺของ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺนั้นมุสตายับ(ได้รับการตอบรับอย่างแน่นอน) และการขอให้ได้รับการให้อภัยจาก พระองค์ الله سبحانه وتعالى นั้นเป็นการขอสวนสวรรค์ให้เธอ ท่านหญิงยิ้มอย่างมีความสุข
ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺจึงถามท่านหญิงว่า เธอพอใจชอบไหม ?
ท่านหญิงตอบว่าจะไม่ชอบใจได้อย่างไร ? เพราะคนที่ขอให้คือ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺและคำขอก็เป็นคำขอที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺ กล่าวกับท่านหญิงต่อไปว่า
واللهم إنها لَدعوتى لأمتى فى كل صلاة !
สาบานได้เลยในนามแห่ง พระองค์ الله سبحانه وتعالى นี่คือคำดุอาอฺ ที่ฉันขอให้แก่อุมมะห์ของฉันทุกคนหลังเสร็จภารกิจละหมาด
ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺ นึกถึงเราทุกวันอย่างน้อยก็ 5 ครั้ง แต่มันไม่ใช่แค่นั้น นั่นมันเป็นเพียงสิ่งที่ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺเปิดเผย
กระทั่งแม้นาทีที่วิญญาณของ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺจะออกจากร่าง สิ่งที่มันแผ่วผ่านลำคอของ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺก็คือการเป็นห่วงอุมมะห์ของท่าน นั่นก็คือพวกเรานั่นเอง
เราลองนึกสภาพของอาคิเราะห์ ที่ต่างหนีกันเพื่อที่จะเอาตัวรอด จะมีใครที่จะห่วงเราในนาทีวิกฤติอย่างนั้น คนที่เป็นแม่ คนที่เป็นพ่อ ต่างก็วิ่งหนีผ่านคนที่เป็นลูก ต่างไม่สามารถที่จะดูแลกันได้ ในนาทีนั้นเอง คนที่มีความผิดมหาศาล คนที่ตัวเปื้อน คนที่ตัวมีบาปใหญ่อย่างเรา ไม่มีใครเหลียวแล ก็ยังมีคนเป็นห่วงเป็นใย นี่มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้
บรรดาซอฮาบะห์ได้ทุ่มเทความรักให้กัน ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺ และเขาได้สัมผัสรสหวานแห่งอิหม่าน ที่มันเกิดขึ้นในจิตใจที่ทรัพย์สินเงินทองที่ไม่อาจนำมากำนัลแก่ชีวิตได้ มันมีเหตุการณ์หนึ่งที่บรรดาซอฮาบะห์ของท่าน ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺซึ่งเป็นคณะนักปราชญ์ เป็นนักอ่าน ถูกลวงไปทำร้ายถึงตาย ถูกหลอกไปฆ่า จากนั้นในคณะมีสองคนที่รอด และถูกจับมาเป็นตัวประกันนำมาขายให้ชาวมุชรีกีนที่มักกะห์
ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺพำนักที่มดีนะห์ ซอฮาบะห์ทั้งสองถูกจับมาขายให้ชาวมักกะห์ ท่านแรกชื่อ เซด อิบนิ อิลละห์ อีกท่านหนึ่งชื่อ คุบั้ย อิบนิ อาดีย์ สองคนนี้ได้ถูกขายให้ชาวมักกะห์ เขาต้องการสังเวยชีวิต จึงลากตัวท่านทั้งสองให้ผ่านพ้นแผ่นดินฮารอมออกมา (ที่มักกะห์ถือเป็นแผ่นดินที่ฮารอม ไม่มีการหลั่งเลือดกัน)
เมื่อถึงที่ตำบลตันอีม ปรากฏว่า อบูซุฟยาน ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ ได้กล่าวกับท่านเซด ว่า
قال له أبو سفيان ممتحنًا : أنشدك الله يازيد ، اَتُحِبُّ محمدًا الآن عندنا مكانَك تُضرَب عنقُه وأنت في أهلِك ؟
จะเอาไหม เซด ฉันจะยื่นข้อเสนอ จะให้อิสรภาพแก่ท่านกลับไปอยู่กับครอบครัวมีความสุขต่อไป โดยมีข้อแลกเปลี่ยนหนึ่งเดียวคือให้มุฮัมมัดมาอยู่แทนที่ท่านตรงนี้ แล้วเราจะได้ฟันศีรษะของมุฮัมมัดแทนท่าน
คำตอบของท่านเซด คือ
لا والله ما أُحب أن محمدًا الآن في المكان الذي هو فيه ، تصيبه شوكة تؤذيه وأني جالس في أهلي.
ท่านตอบว่า ไม่ ฉันไม่ปรารถนาแม้แต่เพียงให้เสี้ยนหนามเล็กๆ ตำเท้าของ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺ สร้างความสะทกสะเทือนแก่ท่านแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ก็ไม่เป็นที่ปรารถนา นี่คือความปรารถนาของฉัน
อบูซุฟยาน และบรรดาชาวกุเรชมักกะห์ในขณะนั้นเมื่อได้ฟัง ก็รำพันออกมาว่า
ما رأيت أحدًا يحب أحدًا كحب أصحاب محمد لمحمد
ไม่เคยเห็นใครเลยที่มิตรสหายของเขาจะทุ่มเทความรักให้แก่เขา อย่างที่มิตรสหายของมุฮัมมัดที่มอบความรักให้แก่เขา
อีกคนหนึ่งคือท่านฮุบั้ยยฺ ท่านถูกจับตรึง จากนั้นท่านได้รับข้อเสนอ เช่นเดียวกับท่านเซด เหมือนกัน แต่สิ่งที่ท่านฮุบั้ยยฺ ร้องขอกับชาวกุเรชมักกะห์นั้นก็คือ ท่านขอเวลาห้านาที เพื่อที่จะได้อาบน้ำละหมาดและละหมาดสองรอกาอัต ท่านเป็นบุคคลแรกที่ปูทางการละหมาดสองรอกาอัต ก่อนที่จะตายชะฮีด เมื่อท่านได้ละหมาดเสร็จแล้ว ท่านประกาศชัดเจนว่าไม่ได้กลัวศัตรู มันจะตราหน้าว่าข้านี้เป็นคนขี้ขลาด ข้าจะละหมาดชนิดที่นับจำนวนไม่ถ้วน เกรงว่าจะถูกเย้ยหยันว่าเป็นคนขี้ขลาด ใครอยากจะทำอะไรเชิญ จากนั้นเขาได้จับท่านตรึง คำพูดสุดท้ายก่อนที่วิญญาณจะออกจากร่าง ท่านฮุบั้ยยฺประกาศออกมา
اللهم ! إنه ليس أحد هنا يبلغ رسولك عني السلام فبلغه أنت عني السلام
ข้าแด่ พระองค์ الله سبحانه وتعالى นาทีนี้ไม่มีใครอยู่เบื้องหน้าอีกแล้ว ที่จะนำสลามของฉันฝากถึง ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺเหลือพระองค์ พระองค์ الله سبحانه وتعالى เพียงผู้เดียวที่ข้าพระองค์จะฝากฝังได้ ขอพระองค์ الله سبحانه وتعالى โปรดนำสลามของข้าพระองค์นี้ฝากถึง ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺ ให้ด้วย
นาทีนั้นเองที่ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺอยู่ในมัสยิดที่มดีนะห์ ล้อมวงด้วยกับบรรดาเหล่าซอฮาบะห์ แล้ว ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺได้ก้มหน้านิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง และท่านได้เงยหน้าขึ้นพร้อมกล่าวว่า
وعليه السلام ورحمة الله وبركاته
บรรดาซอฮาบะห์ ต่างมีความสงสัย ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺกล่าวว่า ท่านญิบรีล ได้นำสลามของท่านฮุบัยยฺ มาฝากส่งให้แก่เรา ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺแจ้งว่าท่านฮุบั้ยยฺได้รับชาฮาดะห์จาก พระองค์ الله سبحانه وتعالى แล้ว
พี่น้องที่รักและเคารพ ความรักของบรรดาซอฮาบะห์ที่มีต่อ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺนั้นยิ่งใหญ่นัก นาทีสุดท้ายที่วิญญาณจะออกจากร่าง สิ่งเดียวที่เขานึกอยู่ นั่นก็คือศาสดาของเขา และยิ่งใหญ่เพียงใดที่ พระองค์ الله سبحانه وتعالى ส่งซัยยิดินาญิบรีล ลงมาเพื่อรับสลามของเขา แล้วนำไปส่งให้กับ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺ
เราทั้งหลายคงได้กล่าวอ้างว่าเรารัก ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺแต่พฤติกรรมของเรานั้นรับรองคำกล่าวของเราหรือไม่ ?
คำตอบย่อมอยู่ในใจของเราทุกคน ด้วยความรักที่เกิดขึ้น การเชื่อฟัง การปฏิบัติตามย่อมจะตามมา
ตัวอย่างคำยกย่องผมใคร่ที่จะขอนำมากล่าวซักหนึ่งตัวอย่าง ในยุคของคอลีฟะห์ท่านอุมัรอิบนิค๊อตต็อบ ท่านเป็นคอลีฟะห์ผู้ปกครองแผ่นดินในโลกนี้เกือบครึ่งโลกในยุคสมัยนั้น ทางเดินไปสู่มัสยิดจากบ้านของท่านนั้นจะต้องผ่านบ้านของท่านซัยยิดินาอับบ้าส ซึ่งระหว่างทางมันมีรางน้ำยื่นออกมา เหตุการณ์ตรงกับวันศุกร์ ท่านสวมเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านเพื่อจะไปมัสยิด ขณะนั้นมันมีน้ำหยดลงมาจากรางน้ำทำให้เสื้อผ้าของท่านเปรอะเปื้อน มันเป็นน้ำที่เจือปนเลือด เพราะมีการเชือดที่ข้างบนบ้าน ซัยยิดินาอุมัรสอบถามดู ก็ได้ความว่า ข้างบนบ้านนั้นมีการเชือดไก่ และน้ำนั้นก็คือเลือดของไก่นั่นเอง จึงมีคำสั่งให้ปลดรางน้ำนั้นออก เพราะมันอาจจะทำให้ไปเปื้อนเสื้อผ้าคนอื่นได้อีก
จากนั้นซัยยิดินาอุมัรจึงกลับบ้านเพื่อเปลี่ยนชุดใหม่แล้วกลับไปละหมาดวันศุกร์ เสร็จจากละหมาดวันศุกร์ ท่านอับบ้าส ก็เข้าไปกระซิบบอกว่ารางน้ำที่ท่านสั่งปลดออกไปนั้น ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺ เป็นผู้สั่งให้ติดตั้งด้วยมือของท่านเอง เท่านั้นเองท่านซัยยิดินาอุมัร ประกาศออกมาชัดเจน ขอสาบานต่อ พระองค์ الله سبحانه وتعالى ท่านจูงมือท่านอับบ้าสไปที่ตำแหน่งของรางน้ำ แล้วก็ก้มลงพลางบอกว่าข้าพเจ้าขอยืนกรานว่าท่านจะต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ท่านจงเหยียบหลังฉันแล้วจึงยืดตัวขึ้นไปติดตั้งรางน้ำที่ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺได้ติดตั้งให้เหมือนเดิม
อุมัรเป็นใครครับท่านพี่น้อง อุมัรเป็นบุรุษที่มีความห้าวหาญมีความดุดัน เมื่อครั้งที่อยู่มักกะห์นั้นศัตรูคนไหนก็ไม่กล้าเผชิญ ไม่มีใครเกะกะระราน แม้แต่ชัยตอนก็ไม่ขออยู่ในเส้นทางที่ท่านอุมัรสัญจร แต่อุมัรผู้ยิ่งใหญ่ผู้ครองแผ่นดินเกือบครึ่งโลกได้ก้มลงและใช้ให้ท่านอับบ้าสเหยียบหลังตัวเองแล้วยืดตัวเพื่อให้ได้ไปติดตั้งรางน้ำให้เหมือนเดิม เพื่อเทิดทูนในสิ่งที่ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺได้ทำไว้ นี่คือสิ่งที่บรรดาบรรพชนของเราได้ทำไว้เป็นต้นแบบ
พี่น้องที่รักและเคารพ เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก ความรักมันจะเกิดขึ้นได้ก็เกิดจากการทำความรู้จักนั่นเอง ขอให้เราท่านทั้งหลายจงใฝ่ที่จะเรียนรู้ทำความรู้จัก ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺและเชื่อได้เลยว่าท่านจะไม่อาจหักห้ามใจที่จะรักกับบุคคลคนนี้ได้เลย กระทั่งผู้ที่เป็นศัตรู กระทั่งผู้ที่คอยขัดขวาง ก็ยังไม่สามารถที่จะหยุดหัวใจของตัวเองได้ ให้รู้สึกดีที่จะให้ความรักกับ ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺสิ่งเหล่านี้ พระองค์ الله سبحانه وتعالى เป็นผู้กำหนด เป็นผู้บันดาลคุณสมบัติอันน่ารักอันน่าประทับใจใส่ไว้ใน ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺนั่นเอง
ดังนั้นขอเราท่านทั้งหลายจงให้ความสำคัญต่อสิ่งนี้ จงหมั่นซอลาหวาดอย่างสม่ำเสมอ บุคคลที่หมั่นซอลาหวาดอยู่เป็นประจำนั้นจึงเป็นบุคคลที่จะได้รับการช่วยเหลือ รับชาฟาอะห์ จาก ท่านร่อซูลุลลอฮ์ سيدنا محمد ﷺในวันที่ทรัพย์สินเงินทองของเราไม่มีประโยชน์อันใดต่อชีวิตของเราเลย
البِرُّ لا يَبْلَى ، وَالِإثْمُ لَا يُنْسَى ، وَالدَّيَّانُ لَا يَمُوتُ ، فَكُن كَمَا شِئتَ ، كَمَا تَدِينُ تُدَانُ
ความดีไม่มีวันสิ้นสูญ ความชั่วจะไม่ถูกเพิกเฉย พระผู้ทรงอำนาจแห่งวันตอบแทนนั้น ทรงเป็นนิรันดร์ จงทำเถิดพี่น้อง จงทำเถิด อย่างที่ท่านปรารถนา ผลแห่งการกระทำของท่านนั้น ย่อมตกเป็นของท่านแต่เพียงผู้เดียว
คุตบะห์วันศุกร์ (خطبة الجمعة) ณ มัสยิดท่าอิฐ