พระเจ้าทรงหัวเราะ
อาบีดีณ โยธาสมุทร แปลเรียบเรียง
-ท่านอิหม่าม อุสมาน บุตร ซะอี้ด อั้ดดาริมียฺ (ฮ.ศ.๒๘๐) ร่อฮิมะฮั้ลลอฮฺ-
คำว่า พระเจ้าทรงหัวเราะ ก็คือ ทรงหัวเราะจริง ๆ ตามที่พระองค์ทรงเป็น ไม่ได้หมายถึงอย่างอื่น เหมือนที่มีการอ้างกัน
“...ถ้าหากคำอธิบายของคำว่า การที่พระองค์ทรงหัวเราะ ตรงนี้ คือ การที่พระองค์ทรงพอพระทัย, คือ การที่พระองค์ทรงเมตตา และ คือ การที่พระองค์ทรงยกโทษให้แก่ความผิดบาป เพียงเท่านั้นจริง นั่นก็เท่ากับว่า ท่านอบูร่อซีน (ซึ่งเป็นศ่อฮาบะฮฺท่านหนึ่ง ร่อดิยั้ลลอฮุอันฮุ) ตามคำอ้างนี้ของคุณ นั้น ท่านเป็นบุคคลผู้โง่เขลา
เนื่องจากท่านไม่รู้ว่าพระเจ้าของท่านทรงเมตตา, ทรงพอพระทัยและทรงอภัยโทษให้ อันเป็นเหตุทำให้ท่านต้องเข้ามาถามท่านร่อซูลุ่ลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ว่า พระเจ้าของเราทรงเมตตาไหมครับ ? พระองค์ทรงอภัยและทรงยกโทษให้ไหมครับ ?
ไม่ใช่แค่นั้น แต่จริงๆตามคำอ้างนี้ของคุณ ท่าน(อบู ร่อซีน) ถึงขั้นเป็นบุคคลที่ปฏิเสธศรัทธาเลยต่างหาก เพราะมันเท่ากับว่า ท่านไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า อัลลอฮฺ ทรงมีการพอพระทัย ทรงมีพระเมตตาและทรงยกโทษให้ ทั้งๆที่ท่านเองก็เคยอ่านอั้ลกุ้รอานมาก่อนแล้ว เคยได้ยินข้อมูลที่อัลลอฮฺทรงว่าเอาไว้ในนั้นมาก่อนแล้วเกี่ยวกับการมีความเมตตาของพระองค์ การอภัยและการยกโทษให้ของพระองค์
ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่เปิดช่องให้ต้องมีการมาไตร่ถามอะไรท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม อีก ว่า พระเจ้าของเราทรงอภัยโทษไหมครับ ? พระเจ้าของเราทรงเมตตาไหมครับ ?
แต่ที่ท่านพึงถามก็จะมีแต่ประเด็นที่ท่านไม่ทราบเท่านั้น ไม่ใช่ประเด็นที่ท่านรู้อยู่แล้ว ศรัทธามาก่อนอยู่แล้ว และเคยอ่านอั้ลกุ้รอ่าน แล้วพบว่าประเด็นดังกล่าวถูกแจ้งเอาไว้ในนั้นมาแล้วอยู่แล้วแต่อย่างใด
แต่ที่ท่านไม่พบเจอคือ ไม่เจอว่าในอั้ลกุ้รอ่านมีการกล่าวถึงการที่พระองค์ทรงหัวเราะเอาไว้ ด้วยเหตุนี้เมื่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม บอกให้ท่านทราบว่า พระองค์ทรงหัวเราะ ท่าน(อบูร่อซีน ร่อดิยั้ลลอฮุอันฮฺ) จึงได้เอ่ยออกมาว่า “เราย่อมไม่ ไม่ได้รับสิ่งดีๆ จากพระเจ้าที่ทรงหัวเราะแน่นอน”
ซึ่งถ้าหากคำๆนี้เป็นไปตามการผันความหมายที่คุณว่าเอาไว้จริง มันก็ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านอบูร่อซีนจะมาพูดกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ว่า “เราย่อมไม่ ไม่ได้รับสิ่งดีๆ จากพระเจ้าที่ทรงเมตตา ที่ทรงพอพระทัย และที่ทรงอภัย”
เพราะว่าท่านเองก็เชื่อและเคยอ่านข้อมูลนี้มาก่อนแล้วในคัมภีร์ของพระองค์ ที่ว่า “พระองค์คือ พระผู้ทรงอภัยอย่างยิ่งยวด และคือพระผู้ทรงเมตตาอย่างมากจริงๆ” นั่นเอง
ดังนั้น ขอโปรดใช้สติปัญญาไตร่ตรองให้เกิดปัญญาในเรื่องนี้ด้วยครับ ซึ่งผมเองก็กลับมองว่า ท่านไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะมีสติปัญญากับเรื่องๆนี้ได้แต่อย่างใด...”
(نقض عثمان بن سعيد على المريسي الجهمي العنيد فيما افترى على الله من التوحيد، ص576-577.)