มารยาทการเยี่ยมเยียนนครมะดีนะฮ์
  จำนวนคนเข้าชม  5298

มารยาทการเยี่ยมเยียนนครมะดีนะฮ์

 

เรียบเรียงโดย.... อับดุลวาเฮด สุคนธา

 

          หากว่าท่านได้โอกาสพำนักอยู่ในนครมะดีนะฮ์แห่งความจำเริญ จำเป็นที่จะต้องตระหนักว่า ท่านเป็นผู้ที่ได้รับความเมตตาที่ยิ่งใหญ่และโชคดีอย่างมากมาย สมควรที่เขาจะต้องขอบคุณต่ออัลลอฮ์ ในความเมตตาที่พระองค์ประทานมาให้ สรรเสริญพระองค์ในความประเสริฐและความดีงามดังกล่าว และจำเป็นที่จะต้องมีความรู้สึกว่า ยังมีผู้คนบนโลกอีกมากมายที่ปรารถนาจะรับโอกาสในการเดินไปยังนครมะดีนะฮ์

 

          ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องรู้คือ มารยาทต่างๆเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในครมาดีนะฮฺและสิ่งใดบ้างจะต้องปฏิบัติและสิ่งใดจะต้องระวัง

 

♥· มีแบบฉบับ(ซุนนะฮฺ)เข้ามัสยิดอัลหะรอม โดยก้าวเท้าขวาเข้าขณะมัสยิดและอ่านดุอาอ์ว่า:

 

أَعُوذُ بِالله العَظِيمِ، وَبِوَجْهِهِ الكَرِيمِ، وَسُلْطَانِـهِ القَدِيمِ، مِنَ الشَّيْطَانِ الرَّجِيمِ

 

     “ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยพระพักตร์ของพระองค์ ด้วยอำนาจความของพระองค์ที่มีแต่เดิมมาให้รอดพ้นจากชัยฏอนผู้ถูกสาปแช่ง

 

اَللهم صَلِّ علَىَ مُحَمَّد اللَّـهُـمَّ افْتَـحْ لِي أَبْوَابَ رَحْـمَتِكَ

 

     “โอ้อัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงโปรดประทานพรให้แก่ท่านนบีมุฮัมมัด โอ้อัลลอฮฺ ขอได้ทรงเปิดประตูแห่งความเมตตาของพระองค์แก่ฉันด้วยเถิด

 

     เช่นที่ให้กล่าวดุอาอ์นี้ขณะที่เข้ามัสยิดทั่วไป หรือจะอ่านแบบสั้นๆ ขณะเดินออกจากมัสยิดก็ให้ก้าวเท้าซ้าย

 

ดุอาอฺเข้ามัสยิด

 

اللّهُـمَّ افْتَـحْ لِي أَبْوَابَ رَحْمَتـِكَ

อัลลอฮุมมัฟตะฮฺลียฺ อับวาบ้า เราะฮฺม่าติก้า

ความว่า :โอ้อัลลอฮฺ โปรดเปิดประตูแห่งความเมตตาของพระองค์ให้แก่ฉัน

 

ดุอาอฺออกจากมัสยิด

اللّهُـمَّ إِنّـي أَسْأَلُكَ مِـنْ فَضْـلِكَ

อัลลอฮุมม่า อินนียฺ อัสอ้าลุก้า มินฟัดลิก

ความว่า :โอ้อัลลอฮฺ แท้จริงฉันขอต่อพระองค์ซึ่งส่วนหนึ่งของโปรดปรานของพระองค์

 

 

♥. การละหมาดที่มัสยิดนะบะวีย์

 

     ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้รายงานว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

 

«صَلَاةٌ فِيْ مَسْجِدِيْ هَذَا أَفْضَل مِنْ أَلْفِ صَلَاةٍ فِيْمَا سِوَاه إِلّا المَسْجِد الحَرام»

 

“1 ละหมาดในมัสยิดของฉัน(มัสยิดนบี)นี้ประเสริฐกว่า 1000 ละหมาดในที่อื่นๆ นอกจากมัสยิดอัล-หะรอม 

(บันทึกโดยมุสลิม)

 

          ตัวบทนี้ครอบคลุมถึงการละหมาดทุกประเภท(ดุฮา วิตร สุนนะฮฺของละหมาดฟัรฎูทั้งห้าเวลา ละหมาดญะนาซะฮฺ(คนตาย)) จะได้รับภาคผลเช่นเดียวกัน

 

♥. ละหมาดตรง (เราะเฎาะฮฺ) คืออุทยานของสวรรค์

 

     ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

 

«مَا بَيْنَ بِيْتِيْ وَمِنْبَرِيْ رَوْضَةٌ مِنْ رِيَاضِ الْجَنَّةِ، وَمِنْبَرِيْ عَلَى حَوْضِيْ»

 

ช่วงระหว่างบ้านของฉันกับมิมบัรของฉัน เป็นอุทยานแห่งหนึ่งจากหลายๆอุทยานของสวรรค์

และมิมบัรของฉันอยู่บนบ่อน้ำของฉัน 

(บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ และมุสลิม)

 

 

♥.วิธีการละหมาดตรงเราะเฎาะฮฺ

 

          เมื่อเข้าไปยังมัสยิดในเขตเราเฎาะฮ์ ภายในมัสยิดนาบาวีย์จะมีเขตพิเศษอยู่เขตนึง เรียกว่า เราเฎาะฮ์ คือ สถานที่อยู่ระหว่างมิมบัร (แท่นอ่านบทธรรมเทศนา)กับบ้านของท่านนบี ให้ตั้งเจตนาละหมาด เช่น หากว่าเข้าไปตอนเช้า ให้ละหมาดดุฮา หรือละหมาดหลังอาบน้ำละหมาด หรือว่า จะละหมาดเคารพมัสยิดก็สามารถเลือกปฏิบัติได้

 

          หากว่าเข้าไปช่วงกลางคืน ตั้งเจตนาละหมาด วิตร์ หรือละหมาด ละหมาดหลังอาบน้ำละหมาด หรือว่า จะละหมาดเคารพมัสยิด ละหมาดตะฮัดยุดสามารถทำได้สามารถอ่านซูเราะห์อะไรก็ได้ตามที่ท่องจำ

 

          การละหมาดสุนนะฮฺในเราเฎาะฮ์(คือละหมาดสุนนะฮฺทั่วๆไป)สามารถทำได้มากกว่า สองร็อกอะฮฺ และการละหมาดในเราเฎาะฮฺไม่มีสุนนะสำหรับละหมาดเราเฎาะฮฺสองร็อกอะฮฺ ตามที่คนส่วนมากเข้าใจกัน

  

บรรดานักวิชาการให้ความหมายตรงนี้ว่า

 

     - การงานที่ได้ปฏิบัติในสถานที่แห่งนี้นั้นจะนำไปสู่สวนสวรรค์

 

     - ท่านอิบนุ หะญัร กล่าวว่า อุทยานแห่งหนึ่งจากหลายๆอุทยานของสวรรค์ หมายถึงในสถานที่ตรงจุดนี้ จะได้รับความเมตตาและความสงบสุขเหมือนดังกลุ่มนั่งริกรุลลออฺ(รำลึกต่ออัลลอฮฺ)

 

     - ก็อสฎอลานีย์ กล่าวว่า อัรเราเฏาะอฮฺจะถูกยกขึ้นยังสวรรค์ในวันกิยามะฮฺ

 

 

♥· ส่งเสริมไปกล่าวสลามท่านนบีและสหายทั้งสอง ท่านอบุบักร์และท่านอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา และกุบูรสำคัญในนครมะดีนะฮ์

 

กุบูรหลุมศพที่มีบัญญัติให้ทำการเยือนมี 3 แห่ง คือ

♦· กุบูรหลุมศพของท่านนบี และสหายทั้งสองของท่าน คือ ท่านอบูบักร และท่านอุมัร

♦· กุบูรหลุมศพอัลบะเกียะอฺ

♦· กุบูรหลุมศพที่สงครามอุหุด ผู้ตายชะฮีด ณ ภูเขาอุฮุด

 

 

วิธีการกล่าวสลามหลุมศพท่านนบีและสหายทั้งสอง

 

     เมื่อเดินมาถึงตรงหน้าหลุมศพท่านนบีมีป้ายแสดงเครื่องหมายว่าตรงจุดนี้คือหลุมศพท่านนบี หลังจากนั้นให้ยืนหันหน้าไปยังหลุมศพนบีด้วยความสงบนิ่งและสำรวมตน พร้อมกับกล่าวว่า

 

السلام عليك يا نبي الله , ورحمة الله وبركاته

อัสสสลามมุอะลัยกา ยานะบียัลลอฮฺ วะเราะฮฺมะตุลลอฮฺ วะบะเราะกาตุฮฺ

 

ขอความสันติจงมีแด่ท่านโอ้ศาสนฑูตของอัลลอฮฺ และความเมตตาและความจำเริญจากพระองค์อัลลอฮฺจงประสบแด่ท่าน"

 

     หลังจากให้สลามท่านนบีเสร็จแล้วให้เดินมาเล็กน้อยพร้อมกันหันมาทางขวาพร้อมกล่าวว่า สลามท่านอบูบักร์ว่า

 

السلام عليك يا أبا بكر الصديق ورحمة الله وبركاته 

อัสสสลามมุอะลัยกา ยาอะบาบักร์ อัศศิดดิ้ก วะเราะฮฺมะตุลลอฮฺ วะบะเราะกาตุฮฺ

 

ขอความสันติจงมีแด่ท่านอบูบักร์ อัศศิกดิ้ก และความเมตตาและความจำเริญจากพระองค์อัลลอฮฺจงประสบแด่ท่าน"

 

     หลังจากให้สลามท่านอบูบักร์เสร็จแล้วให้เดินมาเล็กน้อยพร้อมกันหันมาทางขวาพร้อมกล่าวว่า กับท่านอุมัรว่า

 

السلام عليك يا عمر الفاروق ورحمة الله وبركاته

 อัสสสลามมุอะลัยกา ยาอุมัร อัลฟารุก วะเราะฮฺมะตุลลอฮฺ วะบะเราะกาตุฮฺ

 

ขอความสันติจงมีแด่ท่านโอ้ท่านอุมัร อัลฟารุก และความเมตตาและความจำเริญจากพระองค์อัลลอฮฺจงประสบแด่ท่าน"

 

 

ข้อห้ามในการเยี่ยมหลุมศพท่านนบี !

 

· ห้ามขอความช่วยเหลือจากท่านนบี

      เช่นการขอว่าโอ้ท่านนบีโปรดช่วยฉันหายจากการป่วยด้วย โอ้ท่านนบีจัดปลกหนี้ให้ฉันด้วยถือว่าเป็นการตั้งภาคีกับอัลลอฮฺ

     อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า

(وَأَنَّ ٱلْمَسَٰجِدَ لِلَّهِ فَلَا تَدْعُواْ مَعَ ٱللَّهِ أَحَدًا)

 

แท้จริงมัสยิดต่างๆ นั้นเป็นของอัลลอฮ์ ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้วิงวอนขอต่อคนหนึ่งคนใดพร้อมกับอัลลอฮ์

( ซูเราะห์ญิน 18)

 

(قُلْ إِنَّمَآ أَدْعُواْ رَبِّى وَلَآ أُشْرِكُ بِهِۦٓ أَحَدًا)

 

มุฮัมมัดจงกล่าวเถิด แท้จริงฉันวิงวอนขอต่อพระเจ้าของฉัน และฉันจะไม่เอาคนหนึ่งคนใดมาเป็นภาคีต่อพระองค์

(ซูเราะห์ญิน 20)

 

     อัลลอฮฺ ตรัสว่า

 

وَمَن يَدْعُ مَعَ اللَّهِ إِلَٰهًا آخَرَ لَا بُرْهَانَ لَهُ بِهِ فَإِنَّمَا حِسَابُهُ عِندَ رَبِّهِ ۚ إِنَّهُ لَا يُفْلِحُ الْكَافِرُونَ

 

     “หากผู้ใดวิงวอนขอ(ความช่วยเหลือเรื่องหนึ่งเรื่องใด)

     จากสิ่งเคารพอื่น ๆ (นำมันมาเป็นพระเจ้าคู่เคียงกับอัลลอฮฺ เช่น หากใครประสบปัญหาอะไร คิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ได้ ก็วิ่งไปหาโต๊ะครู หาพ่อมดหมอผี หาหมอดูให้มาช่วยเหลือ ไปมอบความไว้วางใจต่อสิ่งอื่น การทำในลักษณะเช่นนี้)

     ไม่มีหลักฐานหรือข้ออ้างอันใดยืนยันให้ทำอย่างนั้นได้

      แท้จริง (การคิดบัญชีการกระทำของเขา)อยู่ที่พระเจ้าของเขาเท่านั้น (หมายความว่า บัญชีการกระทำใดจะบันทึกอย่างไร สิ่งที่จะถูกชำระบัญชีนั้นจะเป็นไปตามบัญชาหรือคำสั่งของพระองค์)

     แน่นอนยิ่ง พระองค์จะไม่ทรงยินยอมให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาประสบความสำเร็จ (คือในโลกดุนยานี้ พวกเขาจะไม่ได้รับชีวิตที่ดีงามจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และพวกเขาก็จะไม่ได้เข้าสวนสวรรค์ในวันกิยามะฮฺนั่นเอง)

(ซูเราะฮฺอัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 117)

 

     พระองค์กล่าวอีกว่า

 

( فَلَا تَجۡعَلُواْ لِلَّهِ أَندَادا وَأَنتُمۡ تَعۡلَمُونَ )

 

ดังนั้น พวกเจ้าอย่าให้มีผู้เสมอเหมือน/คู่ภาคีใดๆ ขึ้นสำหรับอัลลอฮฺ ทั้งที่พวกเจ้ารู้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าเพียงผู้เดียว 

(อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 22)

 

          เวลาขอดุอาอ์ให้หันหน้าไปทางทิศกิบละฮฺและให้ขอต่ออัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น เนื่องจากการมุ่งเข้าหาสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ การวิงวอนขอจากพวกเขา หลุมศพท่านนบี หรือการสร้างโดม การจุดเทียนบนสุสานของพวกเขา และการกระทำอื่นๆ ที่ผู้โง่เขลา(ขาดความรู้)บางคนได้ปฏิบัติ ไม่ใช่คำสอนของท่านเราะสูล บรรดาเศาะหาบะฮฺ และตาบิอีน เพราะพวกเขายึดมั่นว่าต้องวิงวอนขอจากอัลลอฮฺเท่านั้น

 

( وَإِذَا سَأَلَكَ عِبَادِي عَنِّي فَإِنِّي قَرِيبٌۖ أُجِيبُ دَعۡوَةَ ٱلدَّاعِ إِذَا دَعَانِۖ فَلۡيَسۡتَجِيبُواْ لِي وَلۡيُؤۡمِنُواْ بِي لَعَلَّهُمۡ يَرۡشُدُونَ )

 

     “และเมื่อปวงบ่าวของฉันถามเจ้าเกี่ยวกับฉัน จงกล่าวแก่พวกเขาว่า ฉันอยู่ใกล้พวกเขา ฉันจะตอบรับการวิงวอนของผู้ที่ขอ เมื่อเขาขอต่อฉัน ดังนั้นพวกเขาจงเชื่อฟังฉัน จงศรัทธาต่อฉัน เพื่อพวกเขาจะได้รับทางนำ 

(อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 186 )

 

          หากการใช้บุคคลใดเป็นสื่อกลางได้ หลังจากที่เขาเสียชีวิตแล้ว แน่นอนท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ย่อมเหมาะสมยิ่งกว่าในการเป็นสื่อกลางให้แก่เรา แต่อิสลามไม่ได้อนุญาตเช่นนั้น 

           นี่คือรูปแบบหนึ่งของการใช้สื่อกลางเป็นตัวช่วย ดั่งการใช้สื่อกลางของบรรดาผู้ตั้งภาคีชาวมักกะฮฺ ตามโองการที่ว่า

 

( مَا نَعۡبُدُهُمۡ إِلَّا لِيُقَرِّبُونَآ إِلَى ٱللَّهِ زُلۡفَىٰٓ )

 

พวกเขากล่าวว่า เราไม่ได้เคารพภักดีเจว็ดพวกนั้น นอกจากเพื่อให้พวกเขาทำให้เราได้ใกล้ชิดต่อพระเจ้าแค่นั้นเอง 

(อัซซุมัร : 3)

 

         ขออัลลอฮฺเมตตาแก่ท่าน พึงทราบเถิด แท้จริงการใช้สรรพสิ่งหรือเกียรติของสรรพสิ่งเป็นสื่อกลาง ไม่ว่าจะมีสถานะสูงส่งเพียงใด พร้อมกับมีความเชื่อว่าเขามีส่วนในการให้ประโยชน์ หรือขจัดทุกข์ นั่นคือการตั้งภาคี ทำให้สิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิม ขออัลลอฮฺทรงคุ้มครองเถิด

 

 

· ห้ามฝากสลามถึงท่านนบี !

 

          มีผู้คนมากมายเวลาเห็นผู้คนเดินทางมายังมาดีนะฮฺมักจะฝากสลามถึงท่านนบีด้วย ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้ถือว่าไม่มีรูปแบบที่ถูกต้อง ถือว่าเป็นการกระทำอุตริในศาสนาที่มีต่อท่านนบีของเรา 

          จากฟัตวาสภาอุลาอ์ซาอุเดียอารเบีย และ เชคอับดุลเราะมาน บิน นาชีร อัลบัรรอกฺ(อาจารย์อาวุโส มหาลัยอิมามกรุงริยาด) กล่าวว่า การฝากสลามมายังท่านนบีนั้นไม่มีที่มาที่ไป

          ท่านเชค มุหัมหมัด บิน ซอแหละฮฺ อุษัยมีน กล่าวว่า หากว่าท่านได้กล่าวสลามกับท่านนบี แม้ว่าท่านจะอยู่ที่ห่างไกลบนโลกนี้ การกล่าวสลามของท่านนั้นจะถึงยังท่านนบี เพราะว่า อัลลอฮฺมอบหมายให้มลาอิกะฮฺคอยตอบรับสลาม

 

     ท่านอับดุลลอฮฺ บิน มัสฮูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ จากท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

 

إِنَّ للهِ في الأرضِ ملائكةً سيَّاحينَ يُبَلِّغوني مِنْ أمَّتِي السلَامَ

 

แท้จริงสำหรับพระองค์ให้มีมลาอิกะฮฺให้เดินบินวนเวียน อยู่ในโลกนี้ เพื่อที่จะตอบรับการกล่าวที่มาจากประชาชาติของฉัน

(บันทึกโดยอบูดาวูด)

 

     ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ จากท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

 

لا تجعلوا بيوتَكُم قبورًا، ولا تجعلوا قَبري عيدًا، وصلُّوا عليَّ فإنَّ صلاتَكُم تبلغُني حَيثُ كنتُمْ

 

     “พวกท่านจงอย่าทำให้บ้านของพวกท่านเป็น(เสมือน)สุสานและอย่าทำให้สุสานของฉันเป็นเสมือนที่รื่นเริงและพวกท่านจงสรรเสริญ(ศ่อละวาต) ต่อฉัน แท้จริงการศ่อละวาตของพวกท่านนั้นมาถึงฉัน ไม่ว่าพวกท่านจะอยู่ที่ใดก็ตาม

( บันทึกโดยอบูดาวูด)

 

- ห้ามโค้งคำนับ ก้มกราบ ในขณะเยี่ยมหลุมศพท่านนบี

- ห้ามทำลักษณะสงบนิ่งเหมือนกับการยืนละหมาดโดยเอามือทั้งสองวางบนหน้าอก

- ไม่มีการไปเยี่ยมหลุมศพท่านนบีทุกหลังเวลาละหมาดฟัรฎูครั้งเดียวถือว่าเป็นการเพียงพอ ท่านอิบนุ รุส กล่าวว่า เป็นที่น่ารังเกียจที่จะไปเยี่ยมหลุมศพท่านนบีทุกๆวัน

- ห้ามลูบคลำตามเสาประตู หน้าต่าง ในมัสยิดเพื่อขอความศิริมงคล

 

     ดังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัมได้กล่าวว่า

 

مَنْ عَمِلَ عَمَلاً لَيْسَ عَلَيْهِ أَمْرُنَا فَهُوَ رَدٌّ

 

ใครที่ทำงานหนึ่งงานใด โดยที่มิได้มีคำสั่งของเรา การงานนั้นจะไม่ถูกตอบรับ 

(บันทึกโดยบุคอรีย์และมุสลิม)

 

     เมื่อมีโอกาสเข้าไปเยี่ยมหลุมศพที่อัลบะเกียะอฺ(อยู่ข้างมัสยิดนบี) กุบูรหลุมศพที่สงครามอุหุด ก็ให้กล่าวดุอาอ์เหมือนกับดุอาอ์เยี่ยมสุสานทั่วไป

 

 

♥. ดุอาอ์เยี่ยมเยียนหลุมศพ

 

السَّلامُ عَلَيْكُمْ أَهْلَ الدِّيَارِ مِنَ الْـمُؤْمِنِينَ وَالْـمُسْلِـمِينَ، وَإنَّا إَنْ شَاءَ الله بِكُمْ لَاحِقُوْنَ، نَسْأَلُ اللهَ لَنَا وَلَكُمُ العَافِيَةَ

 

     อ่านว่า: อัซซ่าลามุ อะลัยกุม อะฮฺลัดดิยารี่ มินัลมุอฺมินีน่า วัลมุสลิมีน่า วะอินนาอินชาอัลลอฮฺ บิกุมลาฮิกูน นัสอะลุ้ลลอฮ่าละนา ว่าล่ากุมุลอาฟียะฮฺ

 

     ความว่า: ความสันติจงประสบแด่พวกท่าน โอ้ชาวสุสานเอ๋ย ทั้งมุอฺมิน และมุสลิมทั้งหลาย และแท้จริงเรา หากอัลลอฮฺทรงประสงค์เราก็จะตามพวกท่านไป เราขอต่ออัลลอฮฺให้ทั้งพวกเราและพวกท่านให้รอดพ้น(จากการลงโทษ)

( ดุอาอฺนี้มาจากฮะดีษบันทึกโดย: มุสลิม)

 

 

การเยี่ยมเยียนหลุมศพสำหรับสตรีมุสลิมะฮฺ

 

          การเยี่ยมเยียนกุบูรฺสำหรับมุสลิมะฮฺนั้นถือว่าเป็นต้องห้าม หากแต่กรณีที่มีการเดินผ่านมายังสุสานโดยไม่ได้มีเจตนาเยี่ยมเยียนแล้ว ก็ส่งเสริมให้มีการให้สลามต่อชาวกุบูรฺ และขอดุอาอ์ให้กับพวกเขาด้วยดุอาอ์ที่มีระบุในรายงานจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม โดยไม่เข้าไปข้างในบริเวณสุสานนั้น

 

 

ข้อควรรู้ ของผู้ที่ไปเยี่ยมเยียนกุบูรฺ

 

     · ผู้เข้าไปเยี่ยมกุบูรฺแล้วขอดุอาอ์ให้กับบรรดาผู้เสียชีวิตและขออภัยโทษให้กับพวกเขา และเพื่อนึกถึงชีวิตหลังความตายและรำลึกถึงอาคิเราะฮฺ

 

     · ผู้ที่เยี่ยมแล้วขอดุอาอ์ โดยมีความเชื่อว่าการขอดุอาอ์ ณ ที่ตรงนั้นดีกว่าขอดุอาอ์ที่มัสยิด ซึ่งการกระทำเช่นนี้ถือเป็นการอุตริ(บิดอะฮฺ)ที่มุงกัน(ชั่วร้ายและถูกปฏิเสธ)

 

     · ผู้ที่เยี่ยมแล้วขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺโดยวิงวอนผ่านเกียรติยศของศพในกุบูรฺ เช่น การกล่าวด้วยดุอาอ์ที่ว่าข้าขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺด้วยเกียรติของของชายผู้นี้เป็นต้น การกระทำเช่นนี้ถือว่าหะรอม เนื่องจากเป็นสื่อสู่การชิริก

 

     · ผู้ที่มาเยี่ยมแต่เขาไม่ได้ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ หากแต่เขาขอดุอาอ์ต่อเจ้าของกุบูรฺ เช่นกล่าวว่า (โอ้ นบีของอัลลอฮฺ) หรือ (โอ้ วะลีของอัลลอฮฺ) หรือ (โอ้ ท่านผู้นี้ ขอจงมอบสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้ฉัน หรือ ขอจงทำให้ฉันหายจากโรคนี้) ประเภทนี้ถือเป็นการกระทำเช่นนี้ถือเป็นชิริกอักบัร หรือการตั้งภาคีที่ทำให้หลุดออกจากศาสนา

 

 

♥. ละหมาดที่มัสยิดกุบาอ์

 

          มัสยิดกุบาอ์เป็นหนึ่งในสองมัสยิดที่มีความประเสริฐ มีรายงานจากท่านนบี เกี่ยวกับการกระทำและคำพูดของท่านที่บ่งชี้ถึงความประเสริฐของการละหมาดในมัสยิดกุบาอ์ ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

 

مَنْ تَطَهَّرَ فِي بَيْتِهِ ثمَّ أَتَى مَسْجِدَ قُبَاءَ فَصَلَّى فِيهِ صَلاَةً كَانَ لَهُ كَأَجْرِ عُمْرَةٍ

 

ผู้ใดทำความสะอาดร่างกายที่บ้านของตน แล้วไปมัสยิดกุบาอ์ และได้ละหมาดในมัสยิด เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับทำพิธีอุมเราะห์หนึ่งครั้ง 

(บันทึกโดยอะห์มัดและน่าซาอี)

 

ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

 

صلاةٌ في مسجِدِ قُباءَ كعُمرةٍ

การละหมาดในมัสยิดกุบาอ์เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับทำพิธีอุมเราะห์หนึ่งครั้ง 

(บันทึกหนังสือศ่อเฮี้ยะอัตตัรฆีบอฺวัตตัรฮีบ เชคอัลบานีย์)

 

     รายงานจากท่านอิบนุ อุมัร รอฎอยัลลอฮุอันฮุมา ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า :

 

أنَّ رَسُولَ الله صلى الله عليه وسلم كَانَ يَزُورُ قُبَاءً، رَاكِباً وَمَاشِياً.

 

แท้จริงท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไปเยี่ยมมัสยิดกุอาอ์ด้วยการขี่ภาหนะหรือเดินไป

( บันทึกโดยมุสลิม)

 

 

วิธีการละหมาด

 

          เมื่อเราไปถึงที่มัสยิดกุบาอ์ เข้าไปยังมัสยิด ตั้งใจละหมาด ดุฮา หรือละหมาดสุนนะฮฺเคารพมัสยิด หรือสุนนะฮฺหลังอาบน้ำละหมาด สามารถเลือกปฏิบัติได้ ตัวบทนี้ครอบคลุมถึงการละหมาดทุกประเภท(ดุฮา วิตร สุนนะฮฺของละหมาดฟัรฎูทั้งห้าเวลา ละหมาดญะนาซะฮฺ(คนตาย)) จะได้รับภาคผลเหมือนกัน

 

     ♣· พึงระวังการกระทำสิ่งอุตริหรือให้ที่พักพิงแก่ผู้ทำสิ่งอุตริ เพราะจะทำให้เขาต้องถูกสาปแช่ง ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้รายงานว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

 

الْمَدِينَةُ حَرَمٌ مَا بَيْنَ عَيْرٍ إِلَى ثَوْرٍ، فَمَنْ أَحْدَثَ فِيهَا حَدَثًا، أَوْ آوَى مُحْدِثًا، فَعَلَيْهِ لَعْنَةُ اللهِ وَالْمَلَائِكَةِ وَالنَّاسِ أَجْمَعِينَ، لَا يَقْبَلُ اللهُ مِنْهُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ صَرْفًا، وَلَا عَدْلًا

 

     "นครมะดีนะฮ์มีขอบเขตฮะรอมระหว่างภูเขาอัยร์ถึงภูเขาซูร ผู้ใดที่ก่อการอุตริหรือให้ที่พักพิงแก่ผู้อุตริ เขาจะถูกสาปแช่งจากอัลลอฮ์ และมะลาอิกะฮ์ และมวลมนุษย์ พระองค์อัลลอฮ์จะไม่ทรงรับการขออภัยโทษและการไถ่โทษใด ๆ จากเขา

(บันทึกโดย บุคอรีย์ และมุสลิม)

 

 

     ♣· ห้ามไม่ให้ตัดต้นไม้และล่าสัตว์ในนครมะดีนะฮ์

 

     ดังปรากฏการห้ามอยูในฮะดีษต่าง ๆ ของท่านร่อซูลุลลอฮ์ กล่าวว่า

 

     แท้จริง อิบรอฮีมได้กำหนดเขตฮะรอมนครมักกะฮ์ และแท้จริงฉันกำหนดเขตฮะรอมนครมะดีนะฮ์อยู่ระหว่าง 2 โขดหินสีดำของเมือง ไม่มีการตัดต้นไม้ของมัน และไม่มีการล่าสัตว์ของมัน

 

     ท่านมุสลิม ได้บันทึกฮะดีษเช่นเดียวกันจากซะอ์ดฺอิบนิอบีวักก็อส ว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

 

     แท้จริง ฉันกำหนดเขตฮะรอมระหว่างโขดหินสีดำทั้งสองของนครมะดีนะฮ์ โดยถูกห้ามตัดต้นไม้ของมันและถูกห้ามฆ่าสัตว์ที่ล่าของมัน

 

     ต้นไม้ที่ห้ามตัดในที่นี้ คือ ต้นไม้ที่อัลลอฮ์ ให้ขึ้นตามธรรมชาติ ส่วนต้นไม้ที่ผู้คนปลูกและดูแลอยู่ให้ตัดได้

 

 

     ♣· จะต้องอดทนต่อความลำบากยาก ความอดอยากหรือทุกข์ภัย

 

ในหนังสือศ่อเฮี๊ยะฮ์มุสลิม เช่นเดียวกัน

 

عَنْ أَبِي سَعِيدٍ مَوْلَى الْمَهْرِيِّ أَنَّهُ جَاءَ إلى أَبَي سَعِيدٍ الْخُدْرِيَّ رضي الله عنه يستشيره فِي الْجَلَاءِ مِنْ الْمَدِينَةِ وَشَكَا إِلَيْهِ أَسْعَارَهَا وَكَثْرَةَ عِيَالِهِ وَأَخْبَرَهُ أَنْ لَا صَبْرَ لَهُ عَلَى جَهْدِ الْمَدِينَةِ وَلَأْوَائِهَا ، فَقَالَ لَهُ : وَيْحَكَ ، لَا آمُرُكَ بِذَلِكَ ، إِنِّي سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ : (لَا يَصْبِرُ أَحَدٌ عَلَى لَأْوَائِهَا فَيَمُوتَ إِلَّا كُنْتُ لَهُ شَفِيعًا أَوْ شَهِيدًا يَوْمَ الْقِيَامَةِ إِذَا كَانَ مُسْلِمًا

 

     จากอบีสะอี๊ด คนใช้ของอัลมะฮ์รีย์ อบูสะอีด อัลคุดรีย์ ในค่ำคืนที่มีความร้อนอบอ้าว โดยขอคำปรึกษาที่จะอพยพออกจากนครมะดีนะฮ์ เขาได้ร้องทุกข์กับอบูสะอีด อัลคุดรีย์ ถึงสินค้าในเมืองมีราคาแพง เขามีลูกหลายคน พร้อมกับได้บอกกับอบูสะอีดอัลคุดรีย์ ว่า เขาไม่อาจทนต่อความลำบากยากและความหิวโหยในนครมะดีนะฮ์ได้

     อบู สะอีด อัลคุดรีย์ ได้กล่าวกับเขาว่า ความหายนะได้มีแด่ท่าน ฉันจะไม่ใช้ให้ท่านทำอย่างนั้น แท้จริงฉันได้ยินท่านร่อซูล กล่าวว่า

 

     ไม่มีคนใดที่อดทนต่อความหิวโหยของเมืองนี้แล้วเขาตายไป นอกจากฉันจะเป็นผู้ชะฟาอะฮ์ให้แก่เขาในวันกิยามะฮ์ ถ้าหากว่าเขาเป็นมุสลิม

 

 

     ♣· จะต้องระวังการสร้างความเดือดร้อน หรือคิดไม่ดีแก่ชาวเมืองนี้

 

     รายงานจากท่านซะอฺด บินอะบีวักกอส รอฎอยัลลอฮุอันฮุ ว่าแท้จริง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

 

مَنْ أَرَادَ أَهْلَ الْمَدِينَةَ بِسُوءٍ، أَذَابَهُ اللهُ كَمَا يَذُوبُ الْمِلْحُ فِي الْمَاءِ

 

ใครก็ตามที่ประสงค์ร้าย (คิดร้ายคิดไม่ดี) ต่อชาวเมืองมาดีนะฮฺ อัลลอฮฺจะทรงทำลายแผนการของเขา เหมืองดังเกลือที่ถูกละลายด้วยกับน้ำ 

(บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ และ มุสลิม)