ความประเสริฐนครมักกะฮฺ
อับดุลวาเฮด สุคนธา...เรียบเรียง
นครมักกะฮฺเป็นเมืองสำคัญที่สุดเมืองหนึ่งของศาสนาอิสลาม ในสมัยโบราณเรียกว่า บักกะฮ์ และบางครั้งคัมภีร์กุรอานเรียกเมืองนี้ว่า อุมมุลกุรอ หมายถึง ตำบลใหญ่ และอัลบะละดุลอะมีน หมายถึงเมืองที่สงบปลอดภัย เป็นสถานที่โองการต่างๆ(อัลกรุอานและหะดีษ)ถูกประทานลงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเมืองที่มุสลิมทั่วโลกจะต้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์สักครั้งหนึ่งหากเขามีความสามารถทั้งด้านทรัพย์สินและร่างกาย มีความสำคัญดังนี้
♥· อัลลอฮฺทรงสาบานด้วยเมืองมักกะฮฺ
พระองค์ทรงกล่าวว่า
وَهَذَا الْبَلَدِ الْأَمِينِ “และด้วยเมืองนี้ที่ปลอดภัย(นครมักกะฮฺ)”
(อัต-ตีน:3)
لَا أُقْسِمُ بِهَذَا الْبَلَدِ “ขอสาบานด้วยเมืองนี้(นครมักกะฮฺ)”
( อัลบะลัด 1)
♥· นครมักกะฮฺคือที่ตั้งบัยตุลลอฮฺ กิบละฮฺของมุสลิม
ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า :
وَمِنْ حَيْثُ خَرَجْتَ فَوَلِّ وَجْهَكَ شَطْرَ الْمَسْجِدِ الْحَرَامِ وَحَيْثُ مَا كُنْتُمْ فَوَلُّوا وُجُوهَكُمْ شَطْرَهُ )
“และจากที่ใดก็ตามที่เจ้าออกไป ก็จงผินหน้าของเจ้าไปทางอัล-มัสยิดิลฮะรอม
และที่ใดก็ตามที่พวกเจ้าปรากฏอยู่ ก็จงผินหน้าของพวกเจ้าไปทางนั้น”
(อัลบะกอเราะฮฺ : 150)
♥· "มัสยิดหะรอม" คือมัสยิดหลังเเรกที่ถูกตั้งขึ้นบนหน้าเเผ่นดิน
ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า :
إِنَّ أَوَّلَ بَيْتٍ وُضِعَ لِلنَّاسِ لَلَّذِى بِبَكَّةَ مُبَارَكًا وَهُدًى لِّلْعَٰلَمِينَ
“แท้จริงบ้านหลักแรกที่ถูกตั้งขึ้นสำหรับมนุษย์(เพื่อการอิบาดะฮฺ)นั้น คือบ้านที่มักกะฮฺ
โดยเป็นที่ที่ถูกให้มีความจำเริญ และเป็นที่แนะนำแก่ประชาชาติทั้งหลาย”
(อาลิอิมรอน : 96)
เเละปรากฏในหะดีษ :จากอบูซัร รอฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า : ฉันกล่าวว่า :
عن أبي ذَرٍّ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ : قُلْتُ : يَا رَسُولَ اللَّهِ، أَيُّ مَسْجِدٍ وُضِعَ فِي الْأَرْضِ أَوَّلَ ؟ قَالَ : " الْمَسْجِدُ الْحَرَامُ ". قَالَ : قُلْتُ : ثُمَّ أَيٌّ ؟ قَالَ : " الْمَسْجِدُ الْأَقْصَى ". قُلْتُ : كَمْ كَانَ بَيْنَهُمَا ؟ قَالَ : " أَرْبَعُونَ سَنَةً، وَأَيْنَمَا أَدْرَكَتْكَ الصَّلَاةُ فَصَلِّ، فَهُوَ مَسْجِدٌ ".
"โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ มัสยิดใดถูกตั้งขึ้นบนหน้าแผ่นดินเป็นที่เเรก ?"
ท่านนบีตอบว่า : "มัสยิดหะรอม"
เเละฉันก็กล่าวอีกว่า : "หลังจากนั้นล่ะ ?"
ท่านนบีตอบว่า : "มัสยิดอักซอ"
เเละฉันกล่าวต่ออีกว่า : "ระหว่างการสร้างมันทั้งสองมีระยะเวลาเท่าไหร่ ?"
ท่านนบีตอบว่า : "40 ปี และไม่ว่าเวลาละหมาดจะมาถึงท่านในสถานที่ใดก็ตาม ท่านก็จงละหมาดเถิด เพราะเเท้จริงมันคือมัสยิด"
(หมายความทุกสถานที่นั้นสามารถทำการละหมาดได้ ยกเว้นบางสถานที่ที่ถูกยกเว้น)
(บันทึกโดยบุคอรียฺเเละมุสลิม)
♥· การละหมาดในมัสยิดหะรอมมีความประเสริฐกว่าการละหมาดในที่อื่นๆมากกว่าหนึ่งเเสนเท่า
ดังหะดีษ :จากญาบิร รอฎิยัลลอฮุอันฮุ เเท้จริงท่านรอซูลุลลอฮฺﷺได้กล่าวว่า :
" صَلَاةٌ فِي مَسْجِدِي أَفْضَلُ مِنْ أَلْفِ صَلَاةٍ فِيمَا سِوَاهُ، إِلَّا الْمَسْجِدَ الْحَرَامَ، وَصَلَاةٌ فِي الْمَسْجِدِ الْحَرَامِ أَفْضَلُ مِنْ مِائَةِ أَلْفِ صَلَاةٍ فِيمَا سِوَاهُ ".
"หนึ่งการละหมาดในมัสยิดของฉันนี้(มัสยิดมะดีนะฮฺ)ประเสริฐกว่าหนึ่งพันการละหมาดในที่อื่นๆ นอกจากมัสยิดหะรอม
เเละหนึ่งการละหมาดในมัสยิดหะรอมนั้นประเสริฐกว่าหนึ่งเเสนการละหมาดในที่อื่นๆ"
(บันทึกโดยอิบนุมาญะฮฺ เเละอะหมัด , ชัยคฺอัลบานียฺให้สถานะศ่อฮีหฺ)
♥· มัสยิดหะรอมเป็นหนึ่งในสามมัสยิดที่ท่านนบีﷺส่งเสริมให้เดินทางไปยังสถานที่นี้
จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ จากท่านนบีﷺได้กล่าวว่า :
" لَا تُشَدُّ الرِّحَالُ إِلَّا إِلَى ثَلَاثَةِ مَسَاجِدَ : الْمَسْجِدِ الْحَرَامِ، وَمَسْجِدِ الرَّسُولِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَمَسْجِدِ الْأَقْصَى ".
"ห้ามจัดเตรียมสัมภาระเพื่อเดินทาง(ไปยังที่ใด)นอกจากสามมัสยิดเท่านั้น :
มัสยิดหะรอม เเละมัสยิดของท่านรอซูลﷺ เเละมัสยิดอักซอ"
(บันทึกโดยบุคอรียฺเเละมุสลิม)
♥· เป็นเมืองที่ได้รับความปลอดภัย
ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า :
( فِيهِ آيَاتٌ بَيِّـنَاتٌ مَّقَامُ إِبْرَاهِيمَ وَمَن دَخَلَهُ كَانَ آمِنًا )
“ในบ้านนั้น มีหลายสัญญาณที่ชัดแจ้ง (ส่วนหนึ่งนั้น) คือมะกอมอิบรอฮีม และผู้ใดได้เข้าไปในบ้านนั้น เขาก็เป็นผู้ปลอดภัย”
( อาลิ อิมรอน:97)
และพระองค์ทรงกล่าวอีกว่า
وَإِذْ قَالَ إِبْرَاهِيمُ رَبِّ اجْعَلْ هَـذَا الْبَلَدَ آمِنًا وَاجْنُبْنِي وَبَنِيَّ أَن نَّعْبُدَ الأَصْنَامَ
“และจงรำลึกเมื่ออิบรอฮีมกล่าวว่า “โอ้ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงให้เมืองนี้ (มักกะฮ) ปลอดภัยและทรงให้ข้าพระองค์และลูกหลานของข้าพระองค์พ้นจากการบูชาเจว็ด”
( อิบรอฮีม:35)
♥· เป็นสถานที่พระองค์ทรงเลือกในการประกอบพิธีฮัจญ์และอุมเราะฮฺ เพื่อที่จะให้ปวงบ่าวของพระองค์สร้างคุณงามความดีและลบล้างความชั่ว
อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า
( وَلِلَّهِ عَلَى ٱلنَّاسِ حِجُّ ٱلۡبَيۡتِ مَنِ ٱسۡتَطَاعَ إِلَيۡهِ سَبِيلاۚ وَمَن كَفَرَ فَإِنَّ ٱللَّهَ غَنِيٌّ عَنِ ٱلۡعَٰلَمِينَ )
“และสิทธิของอัลลอฮฺที่มีเหนือมนุษยชาติ คือการไปประกอบพิธีฮัจย์ที่บ้านนั้น(บัยตุลลอฮฺ) สำหรับผู้ที่มีความสามารถไปยังมันได้
และผู้ใดที่ปฏิเสธ แท้จริงอัลลอฮฺทรงเป็นผู้ที่ร่ำรวย (จากการต้องพึ่งพา) ต่อสากลโลก”
(อาลิอิมรอน : 97)
ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้ให้โอวาทพวกเรา ท่านกล่าวว่า
«أَيُّهَا النَّاسُ قَدْ فَرَضَ اللهُ عَلَيْكُمُ الْحَجَّ، فَحُجُّوا»،
“ผู้คนทั้งหลาย การทำฮัจญ์ได้ถูกบัญญัติแก่พวกท่านแล้ว ดังนั้นพวกท่านจงไปทำหัจญ์เถิด”
(บันทึกโดยมุสลิม)
ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
مَنْ حَجَّ لِلَّهِ فَلَمْ يَرْفُثْ، وَلَمْ يَفْسُقْ، رَجَعَ كَيَوْمِ وَلَدَتْهُ أُمُّهُ
“ผู้ใดทำฮัจญ์ เพื่ออัลลอฮฺ เขาไม่ได้เกี้ยวพาผู้หญิง และไม่ฝาฝืน(ข้อห้ามใด) เขาจะกลับไป(ในสภาพที่บริสุทธิ์)เหมือนกับวันที่แม่เขาคลอดเขาออกมา”
(บันทึกอัล-บุคอรียฺ และมุสลิม)
แท้จริงท่านนบี ศ็อลลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวแก่ อัมร์ บิน อ๊าศ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮู่ ขณะที่เขาเข้ารับอิสลามว่า
أَمَا عَلِمْتَ أَنَّ الْإِسْلَامَ يَهْدِمُ مَا كَانَ قَبْلَهُ ، وَأَنَّ الْهِجْرَةَ تَهْدِمُ مَا كَانَ قَبْلِهَا ، وَأَنَّ الْحَجَّ يَهْدِمُ مَا كَانَ قَبْلَهُ
“ท่านไม่รู้หรือว่า แท้จริงอิสลามนั้นจะมาลบล้างการกระทำผิดก่อนหน้า
และการอพยพจะลบล้างความผิดก่อนหน้า และการทำฮัจย์นั้นจะลบล้างความผิดก่อนหน้า”
(บันทึก มุสลิม)
ภาคผลของการทำอุมเราะฮฺ
ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้รายงานว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
»العُمْرَةُ إِلَى العُمْرَةِ كَفَّارَةٌ لِمَا بَيْنَهُمَا، وَالحَجُّ المَبْرُورُ لَيْسَ لَهُ جَزَاءٌ إِلَّا الجَنَّةُ»
“อุมเราะฮฺหนึ่งถึงอีกอุมเราะฮฺหนึ่ง เป็นการลบล้าง(บาป)ที่อยู่ระหว่างทั้งสอง
และการทำฮัจญ์ที่สมบูรณ์ ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้นอกจากสวรรค์เท่านั้น”
(บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ และมุสลิม)
♥· นครมักกะฮฺเป็นเมืองที่รักยิ่ง ณ ที่อัลลอฮฺและร่อซูลลอฮฺ
รายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ บิน อาดีย์ แท้จริงท่านนบีﷺกล่าวว่า
وَاللَّهِ إِنَّكِ لَخَيْرُ أَرْضِ اللهِ، وَأَحَبُّ أَرْضِ اللهِ إِلَى اللهِ، وَلَوْلَا أَنِّي أُخْرِجْتُ مِنْكِ مَا خَرَجْتُ
“และขอสาบานด้วยพระองค์ แท้จริงเจ้านั้นคือแผ่นดินที่ประเสริฐยิ่ง ณ ที่ อัลลอฮฺ
และฉันก็รักแผ่นดินของพระองค์เพื่อพระองค์
หากแม้ว่าฉันไม่ได้ให้ถูกทำให้ออกจากเมืองนี้ ฉันก็จะไม่ออก”
( บันทึก ติรมีซีย์)
♥· นครมักกะฮฺคือสถานที่เกิดเหตุการณ์ค่ำคืนอิสรออ์-เมี๊ยะรอจ์
อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า
سُبْحَانَ الَّذِىْ أَسْرَى بِعَبْدِهِ لَيْلاً مِنَ الْمَسْجِدِ الْحَرَامِ اِلَى الْمَسْجِدِ اْلأَقْصَى
الَّذِىْ بَارَكْنَا حَوْلَهُ لِنُرَيَهُ مِنْ آيَاتِنَا اِنَّهُ هُوَ السَّمِيْعُ الْبَصِيْرُ
“มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ ผู้ซึ่งให้บ่าวเดินทางในยามค่ำคืน
จากมัสยิดอัล-หะรอมสู่มัสยิด อัล-อักศอ ที่พระองค์ได้ให้ความจำเริญโดยรอบ
เพื่อเราจะได้ให้เขาเห็นสัญญาณต่าง ๆ ของเราแท้จริง พระองค์ทรงได้ยิน พระองค์ทรงเห็น”
♥· ห้ามอุจจาระหรือปัสสาวะโดยการหันหน้าไปทางทิศกิบละฮฺ (สถานที่ โล่ง ทะเลทราย)
รายงานจากท่านอัยยูบ อัลอันศอรีย์ กล่าวว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
إِذَا أَتَيْتُمُ الْغَائِطَ فَلَا تَسْتَقْبِلُوا الْقِبْلَةَ وَلَا تَسْتَدْبِرُوهَا بِبَولٍ وَلَا غَائِطٍ، وَلَكِنْ شَرِّقُوا أَوْ غَرِّبُوا"
"เมื่อคนใดคนหนึ่งจากพวกท่านได้มาถ่ายทุกข์ ไม่ให้เขาหันหน้าไปทางกิบละฮฺ และไม่ให้หันหลังไปทางนั้น (ปัสสาวะ และอุจจาระ) แต่ทว่าให้หันไปทางทิศตะวันออกหรือตะวันตก"
(บันทึกโดย บุคครีและมุสลิม)
♥· เมืองนี้เป็นที่หลั่งไหลของผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก
อัลลอฮฺ ทรงกล่าวว่า
( وَإِذْ جَعَلْنَا الْبَيْتَ مَثَابَةً لِّلنَّاسِ )
“และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้ให้บ้านหลังนั้นเป็นที่กลับมาสำหรับมนุษย์”
(อัลบะกอเราะห์ 125)
พระองค์กล่าวอีกว่า
( فَاجْعَلْ أَفْئِدَةً مِنَ النَّاسِ تَهْوِي إِلَيْهِمْ وَارْزُقْهُمْ مِنَ الثَّمَرَاتِ لَعَلَّهُمْ يَشْكُرُونَ )
“ขอพระองค์ทรงให้จิตใจจากปวงมนุษย์ มุ่งไปยังพวกเขา
และประทานปัจจัยยังชีพที่เป็นพืชผลแก่พวกเขา หวังว่าพวกเขาจะขอบคุณ“
(อิบรอฮีม 37)
♥· นครมักกะฮฺเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ ห้ามคิดไม่ดีในดินแดนแห่งนี้
อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า
وَمَن يُرِدْ فِيهِ بِإِلْحَادٍ بِظُلْمٍ نُذِقْهُ مِنْ عَذَابٍ أَلِيم ﴾ [الحج: 25].)
“และถ้าผู้ใดปรารถนาที่จะกระทำฝ่าฝืนด้วยทุจริตใดๆ ในนั้น เราก็จะให้เขาลิ้มรสการลงโทษอย่างเจ็บปวด”
จากโองการดังกล่าวทำให้เราได้รับทราบว่าผู้ใดที่ตั้งใจจะทำบาปในดินแดนตรงนี้ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ทำถือว่าสำหรับเขานั้นมีบาปแล้ว
♥· นครมักกะฮฺเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ มีเขตหวงห้าม
ความประเสริฐของนครมักกะฮฺอันจำเริญ คือ อัลลอฮ์ ทรงทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่ได้รับการพิทักษ์คุ้มครองได้รับความปลอดภัย ดังที่พระองค์ทรงทำให้เมืองมักกะฮ์ได้รับการพิทักษ์คุ้มครอง และมีความปลอดภัย
ดังฮะดีษรายกงานจากท่าน อับดุลลอฮฺ บิน เซด จากท่านนบีมุฮัมมัด ศอลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
إنَّ إبْراهِيمَ حَرَّمَ مَكَّةَ ودَعا لأَهْلِها، وإنِّي حَرَّمْتُ المَدِينَةَ كما حَرَّمَ إبْراهِيمُ مَكَّةَ
"แท้จริง อิบรอฮีมได้ประกาศพิทักษ์นครมักกะฮ์และขอพรให้กับชาวเมือง
ฉัน(มุฮัมหมัด)ประกาศพิทักษ์นครมะดีนะฮ์ เหมือนดังที่อิบรอฮีมได้ประกาศพิทักษ์นครมักกะฮฺ”
(บันทึกโดยมุสลิม)
เป้าหมายในการพิทักษ์ซึ่งออกมาจากนบีมุฮัมมัด และจากนบีอิบรอฮีม แสดงถึงการประกาศพิทักษ์คุ้มครองยิ่งไปกว่านั้นการพิทักษ์คุ้มครองนี้มาจากอัลลอฮ์ ก่อนหน้านี้พระองค์ทรงทำให้นครมักกะฮ์เป็นเมืองที่ได้รับการคุ้มครอง
♥· นครมักกะฮฺเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ ห้ามหลั่งเลือด(ฆ่า) ตัดต้นไม้
إِنَّ مَكَّةَ حَرَّمَهَا اللَّهُ وَلَمْ يُحَرِّمْهَا النَّاسُ، فَلَا يَحِلُّ لِامْرِئٍ يُؤْمِنُ بِاللهِ وَالْيَوْمِ الْآخِرِ أَنْ يَسْفِكَ بِهَا دَمًا، وَلَا يَعْضِدَ بِهَا شَجَرَةً
“แท้จริงนครมักกะห์เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์พระองค์ทรงประกาศพิทักษ์นครมักกะฮ์ ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดได้ประกาศเขตหวงห้ามมาก่อน
ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้ใครก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันสุดท้าย ที่จะหลั่งเลือดในนั้น หรือตัดเฉือนต้นไม้ “
(บันทึกโดยมุสลิม)