ส่วนหนึ่งของการมีความรู้
วันละหนึ่งความคิด....แปลเรียบเรียง
- เชค สุลัยมาน อัรรุฮัยลีย์ หะฟิศ่อฮุ้ลลอฮฺ -
อย่าได้คิดว่า..เป็นเพราะความฉลาดของตัวเอง ถึงได้รับความรู้..แต่มันเป็นเพียงสาเหตุหนึ่ง
อย่าคิดว่า..เพราะเข้าเรียนถี่จึงทำให้ได้รับความรู้ แต่มันเป็นเพียงสาเหตุหนึ่ง
หากแต่รากฐานสำคัญของการได้รับความรู้ คือ ริสกีที่มาจากอัลลอฮฺ สำหรับคนที่ทุ่มเทพากเพียรในสิ่งที่เป็นเหตุปัจจัยของมัน ไม่ใช่สำหรับคนที่นั่งอยู่ในบ้านแล้วบอกว่า"ความรู้ คือ การรู้แจ้งด้วยตนเอง" หรือ การที่มีผู้คนไปบอกกับคนๆ หนึ่งให้เปิดปากพูด อัลลอฮฺจะเปิดหนทางให้แก่ท่าน ทั้งๆ ที่เขาไม่มีความรู้อะไรเลย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เรียกว่าความรู้
ความรู้จึงเป็นริสกีที่อัลลอฮฺประทานให้ แก่ผู้ที่ทุ่มเทในเหตุปัจจัยของมัน ดังนั้น จงหาความรู้ตามช่องทางของมัน และจงบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮฺ และวอนขอในดุอาอฺ ขอให้พระองค์โปรดทรงเพิ่มพูนความรู้ให้แก่ท่าน ดังที่พระองค์ตรัสแก่นบีของพระองค์ว่า :
"และ (มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิดว่า ขอพระองค์โปรดทรงเพิ่มพูนความรู้ให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด"
(ฏอฮา :114)
ไม่ว่าท่านจะมีความรู้มากมายเพียงใด ขอจงอย่าได้หลงตัวเอง เพราะริสกีนั้นมีได้มา ก็มีถูกริบกลับคืนไปได้เช่นเดียวกัน
บางครั้งสิ่งที่รู้อาจไม่ได้ถูกเก็บกลับไป แต่บะรอกัตแห่งวิชาความรู้ต่างหากที่ถูกริบคืนหาย
ดังนั้น เมื่อบะรอกัตแห่งความรู้หายไป จึงกลายเป็นความรู้ที่ไม่มีคุณค่าแก่เจ้าของความรู้แต่ประการใด
(ชัรฮฺ กิตาบ อัลอิคลาศ บทที่ 6)
-เชค มุฮัมมัด สอี๊ด ร็อซลาน หะฟิศ่อฮุ้ลลอฮฺ-
นักเรียนนักศึกษารุ่นเยาว์ทั้งหลาย จงอยู่กับระดับของตัวเอง...
พวกเธอกำลังเล่าเรียนจากเหล่าผู้รู้ เพื่อที่พวกเธอจะได้เป็นบุคคลทั่วไป แห่งชาวอะฮฺลิซซุนนะฮฺ ไม่ใช่เพื่อเป็นปราชญ์ผู้คงแก่เรียนแต่อย่างใด !
-เชค ศ่อลาฮ ฆอนิม ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ-
การมีศาสนาของเด็ก... จะปรากฏให้เห็นในระยะเวลาอันสั้น
แต่วิชาความรู้ของเขา ...เขาอาจได้ใช้มัน ...หรือ อาจไม่ได้ใช้มันเลยก็เป็นได้
- ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนิ มัสอู๊ด ร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺ -
แท้จริงอัลกุรอานนั้น เป็นการยากยิ่งสำหรับเราที่จะท่องจำ แต่เป็นสิ่งง่ายดายสำหรับเรา ที่จะปฏิบัติตามอัลกุรอาน
และแท้จริงแล้ว จะมีผู้คนภายหลังจากยุคของเรา ที่การท่องจำอัลกุรอาน เป็นเรื่องงายดายสำหรับพวกเขา
แต่การปฏิบัติตามอัลกุรอาน กลับเป็นเรื่องลำบากยากเย็นสำหรับพวกเขา
- ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนิ อัมรฺ อิบนิ้ล อ๊าศ ร่อฎิยัลลอฮอันฮุมา-
จวนเจียนเหลือเกินแล้ว ที่บรรดาชัยฏอนจะปรากฏตัว
พวกมันจะนั่งร่วมกับพวกท่านในที่ชุมนุมของพวกท่าน
จะทำให้พวกท่านเข้าใจในศาสนาของพวกท่าน
และจะสนทนากับพวกท่าน ทั้งๆ ที่พวกมันเป็นชัยฏอนอย่างแน่นอน
- อิมาม อิบนุ้ล เญาซีย์ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ -
เมื่อท่านเห็นเพื่อนกำลังโมโหและพูดอะไรที่ไม่เข้าท่า ก็อย่าได้เอาสิ่งที่เขาพูดมาเป็นประเด็น อย่าได้ถือโทษเอาผิดกับเขา
เพราะสภาพของเขาไม่ต่างอะไรกับสภาพของคนเมา ไม่รับรู้ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ให้อดทนกับความเดือดดาลของเขา อย่าติดใจอะไรกับเขา เพราะชัยฏอนกำลังเอาชนะเขาอยู่ นิสัยที่แท้จริงของเขากำลังถูกคุกคามให้แปรปรวน สติปัญญากำลังถูกบดบัง
และเมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านติดใจเอาความกับเขา พลอยเห็นตามกับการกระทำของเขา ท่านก็จะเป็นเช่นคนมีสติที่ประจันหน้าต่อคำกับคนสติวิปลาส หรือเหมือนคนที่รู้สึกตัวดีกำลังตำหนิติเตียนคนหมดสติ เมื่อนั้น ความผิดจึงอยู่กับท่าน
สิ่งที่ควรทำคือ ให้มองเขาด้วยสายตาที่มีเมตตา ให้รู้ว่า เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาย่อมรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และเขาจะสำนึกในความดีในการมีน้ำอดน้ำทนของท่าน
สภาพเช่นนี้เอง ที่ลูกสมควรจะเรียนรู้ (เพื่อทำความเข้าใจ) เวลาที่พ่อโมโหเพื่อน (ควรเข้าใจ) เพื่อน และภรรยา (ควรเข้าใจ) สามี เวลาที่เขาโกรธ ปล่อยให้เขาหายจากอาการที่เป็นอยู่ อย่าติดใจกับพฤติกรรมนั้น แล้วเขาจะหวนกลับมาในสภาพที่สลดเสียใจ และขออภัยในความผิด
ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอบัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า:
" พวกท่านจงอย่าได้ซักฟอกตัวของพวกท่านให้พ้นมลทินไปเลย เพราะอัลลอฮฺนั้น ย่อมทรงรู้ถึงพลพรรคแห่งคนดีในหมู่พวกท่าน"
(บันทึกโดย อิมามมุสลิม)
ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า:
"ใครที่เดินเคียงข้างผู้ถูกอธรรม กระทั่งเขาสิทธิของเขาได้รับการยืนยัน อัลลอฮฺจะทรงทำให้เท้าทั้งสองของเขายืนหยัดมั่นคงบนสะพานศิร้อฏ ในวันที่บรรดาเท้าทั้งหลายต่างขยับเขยื้อนไม่เป็นกระบวน"
(อิมามอัลอัลบานีย์ระบุว่าเป็น ฮะดีษระดับฮะซัน)
ท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :
"จงรักคนที่ท่านรักแต่พอดี เผื่อว่าสักวันเขาอาจกลายเป็นคนที่ท่านเกลียด
และจงเกลียดคนที่ท่านเกลียดแต่พอดี เผื่อว่าสักวันเขาอาจกลายเป็นคนที่ท่านรัก"
(บันทึกโดยอิมามอัตติรมีซีย์)
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%