จบ ชี วิต อย่าง ดี งาม
  จำนวนคนเข้าชม  2415

จบ ชี วิต อย่าง ดี งาม

 

คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีอัตตักวา ก็คือให้เรามีความยำเกรงต่อพระองค์ เพราะการยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลานั้น หากมีอยู่ในหัวใจของเราแล้ว มันก็จะเป็นเสมือนกำแพงที่ขวางกั้นเรา ไม่ให้ทำสิ่งที่เป็นมะอ์ศิยะฮฺ สิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และมันก็จะเป็นแรงผลักดันเราให้ปฏิบัติในสิ่งที่เป็นอะมัลศ่อลิหฺต่างๆ 

 

          ซึ่งผลสุดท้ายของการที่เรามีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั่นก็คือ การที่เราได้ปกป้องตัวของเราเองให้รอดพ้นจากการถูกลงโทษในไฟนรกของพระองค์ในวันกิยามะฮฺ และเรายังได้รับชีวิตที่ดีงามในโลกดุนยานี้ และในโลกอาคิเราะฮฺเราก็จะได้รับรางวัลตอบแทนด้วยสวนสวรรค์ของพระองค์ และสิ่งพิเศษ ๆ มากมายที่อยู่ภายในสวนสวรรค์นั้นอย่างตลอดกาล

 

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ขอให้เราได้ชุกูร ได้ขอบคุณในความเมตตาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ได้ทรงให้เราได้มีชีวิตอยู่จนเข้าสู่เดือนเราะมะฎอนในปีนี้ และได้มีโอกาสใช้ชีวิตในเดือนเราะมะฎอนในปีนี้ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...เดือนเราะมะฎอนเป็นเดือนที่ถือว่าประเสริฐที่สุดในบรรดาเดือนทั้งหมด เป็นเดือนแห่งความจำเริญ เป็นเดือนที่ถือเป็นแหล่งรวมการทำอิบาดะฮฺสำคัญ ๆ ซึ่งถ้าหากใครลงทุนลงมือ ลงแรงทำอิบาดะฮฺต่าง ๆนั้น เขาจะได้รับผลบุญ ได้รับรางวัลตอบแทนอย่างมากมาย รวมถึงได้รับการอภัยโทษในบาป ในความผิดต่าง ๆของเขาอีกด้วย ...

 

          และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราได้ทราบกันแล้วว่า การถือศีลอดนั้นมีเป้าหมายเพื่อให้เราได้บรรลุถึงอัตตักวา บรรลุถึงความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั่นแสดงว่า การถือศีลอดเป็นวิธีการสำคัญที่จะทำให้เราได้บรรลุถึงอัตตักวา ดังนั้น หากผู้ใดสามารถทำให้การถือศีลอดของเขาบรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าวตามที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงประสงค์ได้ เขาจะได้รับการตอบแทนในบั้นปลายชีวิตอย่างดีงาม

 

 

     ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอาละอิมรอน อายะฮฺที่ 102 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

يَٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ ٱتَّقُواْ ٱللَّهَ حَقَّ تُقَاتِهِۦ وَلَا تَمُوتُنَّ إِلَّا وَأَنتُم مُّسۡلِمُونَ

 

ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงอัลลอฮฺอย่างแท้จริงเถิด และพวกเจ้าจงอย่าได้ตายเป็นอันขาด 

เว้นแต่พวกเจ้าจะตายในสถานะที่เป็นมุสลิม (เป็นผู้ที่นอบน้อมยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาองค์เดียว)เท่านั้น

 

          อายะฮฺนี้ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงมีคำสั่งให้ผู้ศรัทธาต่อพระองค์ คือสั่งเราให้ยำเกรงต่อพระองค์อย่างแท้จริง ซึ่งการที่เรายำเกรงต่อพระองค์อย่างแท้จริง ก็คือการที่เราเกรงกลัวการลงโทษของพระองค์ ไม่อยากได้รับการลงโทษ เพราะรู้ว่าการลงโทษนั้นมันเจ็บปวดทรมานสาหัสสากรรจ์ ..เมื่อเรากลัวเกรงการลงโทษอย่างนี้ มันก็จะเป็นแรงผลักดันเราให้เราดำรงรักษาคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่างเคร่งครัด..

 

          สิ่งใดก็ตามที่เป็นคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เราจะต้องตั้งใจ ต้องมุ่งมั่นปฏิบัติตามให้สุดกำลังความสามารถของเรา ทำอย่างเต็มที่ ที่เราสามารถจะทำได้...ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องออกห่าง เราจะต้องไม่เข้าใกล้ และไม่ทำในสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งห้ามอย่างสิ้นเชิง ..ต้องทำควบคู่กันทั้งคำสั่งใช้และคำสั่งห้าม ..คำสั่งใช้ เราทำ ..คำสั่งห้าม เราต้องไม่ทำ ...เราจะเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ แต่เราต้องทำควบคู่กัน.. ไม่ใช่ว่าคำสั่งใช้เราทำ คำสั่งห้าม เราก็ทำ อย่างนี้ไม่ได้ ..หรือคำสั่งห้าม เราไม่ทำ อย่างนี้ถูกต้องแล้ว แต่พอเป็นคำสั่งใช้ เราก็ไม่ทำ อย่างนี้ก็ไม่ได้..

 

          เมื่อเราเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่างแท้จริงแล้ว หลังจากนั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็ทรงสั่งเราว่า อย่าตายนะ เว้นแต่ต้องตายในสถานะหรือในสภาพที่เราเป็นมุสลิม...ตรงนี้ไม่ใช่ว่า เราสามารถกำหนดความตายได้ แต่หมายความว่า 

 

          ...ตลอดการดำเนินชีวิตของเรานั้น ให้เราดำเนินชีวิตอยู่ในขอบเขตบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอยู่ตลอดเวลา มีความยำเกรงอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่างแท้จริงอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่เมื่อความตายมาถึงเรา เราจะได้ตายในสภาพที่เราเป็นมุสลิม ตายในสภาพของผู้ที่นอบน้อมยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียวเท่านั้น ...

 

          ดังนั้น บั้นปลายชีวิตของเรา หรือการจบชีวิตของเราบนโลกดุนยา ก็คือ การที่เราตายและกลับไปพบอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาในสภาพของผู้ที่นอบน้อมยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่างสิ้นเชิง อันถือเป็นการจบชีวิตอย่างดีงาม หรือที่เรียกว่า حُسن الخاتمة ฮุสนุลคอติมะฮฺ....ด้วยเหตุนี้ การจบชีวิตอย่างดีงามของเราบนโลกดุนยานี้ หรือการได้รับฮุสนุลคอติมะฮฺจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

 

 

     ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย เมื่อเรามองไปยังผู้คนในสังคม เราจะพบผู้คนที่มีลักษณะสี่แบบ

 

ผู้คนแบบที่หนึ่ง 

          คือผู้คนที่เขาดำเนินชีวิตด้วยกับการฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และจุดจบของเขาคือ การจบชีวิตอย่างเลวร้าย นั่นคือ เขาจบชีวิตในสภาพที่ปฏิเสธอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา หรือในสภาพที่ทำชิริกต่อพระองค์ หรือในสภาพที่ทำบิดอะฮฺต่อนบีของพระองค์ หรือมีสภาพของการนิฟากหรือการหน้าไหว้หลังหลอกต่อบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติศาสนาของพระองค์ ซึ่งจุดจบเหล่านี้นำไปสู่การถูกลงโทษในไฟนรก จึงถือเป็นการจบชีวิตอย่างเลวร้าย

 

ผู้คนแบบที่สอง 

          คือผู้คนที่เขาดำเนินชีวิตด้วยกับการฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แต่สุดท้ายแล้ว การจบชีวิตของเขากลับเป็นการจบชีวิตอย่างดีงาม ทั้งนี้เพราะเขารู้สำนึกตัวก่อนว่าเขาทำผิด เขากลับตัวทัน เขาจึงเตาบะฮฺตัว ขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อย่างจริงใจ พยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขตัวเอง ให้ดำรงตนอยู่ในบทบัญญัติศาสนาที่ถูกต้อง ..ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจึงทรงอภัยโทษให้แก่เขา และโปรดให้เขาได้จบชีวิตอย่างดีงาม

 

ผู้คนแบบที่สาม 

          ผู้คนที่เราเห็นว่า เขาดำเนินชีวิตอยู่ในบทบัญญัติศาสนา ทำอะมัลศ่อลิหฺอย่างมากมาย แต่จุดจบในชีวิตของเขา กลับเป็นการจบชีวิตอย่างเลวร้าย.....มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ที่ผู้คนแบบนี้จะจบชีวิตอย่างเลวร้าย ...

          ทั้งนี้ก็เพราะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำนั้นมันมีลักษณะของการนิฟาก หน้าไหว้หลังหลอก เขาทำมันโดยไม่มีอิคลาศ เขาไม่ได้ทำเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียว แต่ทำโดยมีริยาอ์แอบแฝง ทำเพื่อโอ้อวดให้ผู้อื่นเห็น เพื่อให้ผู้อื่นชื่นชม ชมเชยเขาหรือเขาทำความดีเพียงเพื่อหวังผลประโยชน์ทางโลกดุนยาเท่านั้น หรือเขาอาจจะมีความจริงใจในการทำความดี แต่ทำความดีด้วยรูปแบบที่ไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติศาสนา ..การจบชีวิตของเขาจึงเป็นการจบชีวิตอย่างเลวร้าย...ด้วยเหตุนี้ เขาจึงกลายเป็นผู้ขาดทุนป่นปี้ในโลกอาคิเราะฮฺ

 

ผู้คนแบบที่สี่ 

          ผู้คนที่เขาดำเนินชีวิตไปตามบทบัญญัติศาสนาที่ถูกต้อง และการจบชีวิตของเขาคือ การจบชีวิตอย่างดีงาม เพราะเขาจบชีวิตในสภาพที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงประสงค์อันเป็นสภาพของคนที่มอบเตาฮีด มอบการเป็นพระเจ้าองค์เดียวแด่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเท่านั้น นั่นคือไม่ได้ทำชิริกเลย ไม่ทำบิดอะฮฺเลย ไม่มีลักษณะของมุนาฟิก หรือคนหน้าไหว้หลังหลอก เป็นผู้ที่เชื่อฟังและปฏิบัติตนอยู่ในขอบเขตบทบัญญัติศาสนาที่ถูกต้องของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ในขณะเดียวกันก็ทำทุกสิ่งทุกอย่างอย่างอิคลาศ อย่างบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การจบชีวิตของเขาจึงเป็น حُسن الخاتمة ฮุสนุลคอติมะฮฺ....เป็นการจบชีวิตอย่างดีงามตามที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงประสงค์

 

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย หากเรามีเป้าหมายที่จะให้ชีวิตของเราดำเนินไปตามบทบัญญัติศาสนา และให้การจบชีวิตของเราเป็นการจบชีวิตอย่างดีงามนั้น..เราจะมีแนวทางอย่างไร ? สำหรับในเรื่องนี้ มีอุละมาอ์ท่านหนึ่งในยุคของเราคือท่าน الشيخ محمد المختار الشنقيطي ร่อฮิมะฮุลลอฮฺได้นำเสนอแนวทางไว้ 5 ประการสำหรับให้เรานำไปใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงการดำเนินชีวิตของเราให้นำไปสู่การจบชีวิตอย่างดีงาม นั่นก็คือ

 

 

ประการที่หนึ่ง 

 

          ให้เรามี الصّواب อัศศ่อวาบ ความถูกต้อง นั่นก็คือ ให้เรามีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตรงตามกิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺที่ถูกต้องของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ...ด้วยเหตุที่มุสลิมเราต้องยึดมั่นกิตาบุลลอฮฺและซุนนะฮฺของท่านนบี แต่การยึดมั่นตรงนี้ต้องเป็นการยึดมั่นตามที่บรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านนบี ตลอดจนบรรดาสะละฟุศศอลิหฺ หรือบรรดาคนดี ๆในยุคสามร้อยปีแห่งอัลอิสลามเขาได้ยึดมั่นกัน 

 

          ซึ่งมันก็จะมีหลักฐานสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันโดยไม่ขาดสายว่า ท่านเหล่านั้นยึดมั่นกันแบบใด นั่นก็หมายความว่า ความรู้ การปฏิบัติอะไรก็ตามที่เรายึดมั่นไว้ในขณะนี้นั้น มันมีหลักฐานที่สามารถสืบกลับไปจนถึงท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมและบรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านนบีโดยไม่มีขาดตอนเลยว่า มันเป็นความรู้ที่ท่านเหล่านั้นเขารู้กัน เขาเข้าใจกันและปฏิบัติกัน ...มันต้องไม่ใช่ความรู้ที่เกิดจากการคิดเอาเองหรือเข้าใจเอาเอง หรือการตามนักวิชาการยุคใหม่ที่ตีความตามความเข้าใจของตัวเอง ไม่ได้ยึดในหลักฐานใด ๆ หรือไม่มีหลักฐานที่สืบกลับไปยังท่านนบีเลย 

 

          ยกตัวอย่างเช่น เรื่องของการทำเมาลิดนบี หรือก็คือการเฉลิมฉลองวันเกิดท่านนบี..มันไม่มีหลักฐานใด ๆเลยที่ระบุว่า ในยุคสามร้อยปีแรกของอัลอิสลาม มีการทำเมาลิดนบี ...การทำเมาลิดนบีเพิ่งจะมาเกิดในยุคหลัง ๆ และคนที่เขาทำเมาลิดนบี เขาก็ไม่สามารถหาหลักฐานในเรื่องนี้มายืนยันได้ .. เขาได้ให้เหตุผลกับสิ่งที่เขาทำว่า มันเป็นอิบาดะฮฺ มันเป็นความดี เป็นการแสดงความรักต่อท่านนบี ซึ่งนี่ก็คือ สิ่งที่เขาคิดเอาเองว่า มันเป็นอิบาดะฮฺ แต่จริง ๆมันไม่ใช่อิบาดะฮฺ เพราะมันไม่ใช่แบบฉบับที่มาจากท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ...

 

          การทำอิบาดะฮฺนั้นต้องมีหลักฐานว่าท่านนบีทำ เมื่อไม่มีหลักฐาน ก็แสดงว่าสิ่งนั้นคือการทำบิดอะฮฺ...ดังนั้น เราต้องตระหนักให้ได้ว่า การทำอิบาดะฮฺนั้น ต้องเป็นสิ่งที่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นสิ่งที่ท่านนบีปฏิบัติเป็นแบบอย่างไว้ หรือเป็นสิ่งที่ท่านนบีแนะนำสั่งสอน หรือยอมรับเท่านั้น จะมาคิดเอง เออเองไม่ได้

 

 

ประการที่สอง 

 

          ที่จะทำให้เราได้รับฮุสนุลคอติมะฮฺ ก็คือ ให้เรามี الإخلاص อัลอิคลาศ ก็คือมีความบริสุทธิ์ใจ ว่าทุกสิ่งที่ทำนั้นทำเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาองค์เดียวเท่านั้น หัวจิตหัวใจของเราต้องไม่มีการเคลือบแคลงใด ๆ ทั้งสิ้น จะต้องไม่มีชิริกใด ๆแอบแฝงทั้งสิ้น ทั้งชิริกใหญ่ ก็คือการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และชิริกเล็ก ก็คือการโอ้อวด ..ซึ่งอัลอิคลาศจะทำให้เราออกห่างจากการทำชิริกหรือการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

 

ประการที่สาม 

 

          ให้เรามี القَبول อัลเกาะบูล ก็คือ การยอมรับอย่างเต็มใจ ในการที่จะปฏิบัติตามในสิ่งที่เราได้รับความรู้ความเข้าใจในบทบัญญัติศาสนาที่ถูกต้องนั้น ....การยอมรับนี้จะทำให้เราพร้อมทั้งหัวใจ ทั้งคำพูด และพร้อมที่จะปฏิบัติตามบทบัญญัติศาสนาที่ถูกต้องนั้นอย่างสุดความสามารถ โดยไม่โต้แย้ง ไม่ตัดทอน ไม่เพิ่มเติม ไม่บิดเบือนใด ๆทั้งสิ้น ...การยอมรับนี้จะทำให้เราเต็มใจและพร้อมที่จะอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียว และละทิ้งการตั้งภาคีทั้งหมดต่ออัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

 

ประการที่สี่ 

 

          ให้เรามี الثبات อัษษะบาต ก็คือ การยืนหยัดอย่างมั่นคงและอย่างอดทนในการที่จะปฏิบัติตามบทบัญญัติศาสนาที่ถูกต้องนั้น ... อดทนในการที่ปฏิบัติความดี อดทนที่จะยืนหยัดในการปฏิบัติตามบทบัญญัติศาสนาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ...อดทนที่จะไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ยืนหยัดที่จะไม่ทำในสิ่งที่ผิดต่อบทบัญญัติศาสนา อดทนต่อบะลาอ์ต่าง ๆ และยอมรับในกอฎอเกาะดัรของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาที่เราได้รับ

 

 

ประการที่ห้า 

 

          ให้เราขอดุอาอ์ให้ได้รับ ฮุสนุลคอติมะฮฺ حُسن الخاتمة ก็คือ ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตาอาลาให้เราได้รับการจบชีวิตอย่างดีงาม ....ซึ่งดุอาอ์บทหนึ่งที่สมควรที่เราจะนำมาขออยู่เสมอ ๆ โดยเฉพาะในเวลานี้ เวลาที่เราอยู่ในเดือนเราะมะฎอน ก็คือดุอาอ์ที่ว่า

 

نْيَا وَعَذَابِ الآخِرَةِاللهمّ أحْسِنْ عَاقِبَتَنَا فِي الأُمُورِ كُلِّهَا، وَأجِرْنَا مِنْ خِزْيِ الدُّ .

 

โอ้อัลลอฮฺ ขอพระองค์โปรดทำให้จุดจบในทุก ๆการงานของข้าพระองค์สิ้นสุดลงอย่างดีงามด้วยเถิด ...

และขอพระองค์โปรดปกป้องเราให้รอดพ้นจากความเสื่อมเสีย ความต่ำต้อย(ทุกสิ่งทุกอย่าง)ของโลกดุนยา 

และรอดพ้นจากการถูกลงโทษ(ทุกรูปแบบ)ในโลกอาคิเราะฮฺด้วยเถิด

 

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย นั่นก็คือ แนวทาง 5 ประการซึ่งท่าน الشيخ الشنقيطي ได้แนะนำแก่เรา เพื่อให้นำไปสู่การจบชีวิตอย่างดีงาม ซึ่งการจบชีวิตอย่างดีงามนั้นถือเป็นบั้นปลายสุดท้ายอันดีงามสำหรับผู้ที่มีอัตตักวา มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่างแท้จริง ก็ขอให้เราได้นำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา เพื่อประโยชน์สำหรับตัวเราเองทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺ

 

 

          สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโปรดเมตตาเรา ให้เราได้มีชีวิตและใช้ชีวิตในเดือนเราะมะฎอนจนครบเดือน ขอพระองค์โปรดให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรง ได้ถือศีลอด ได้ทำอะมัลอิบาดะฮฺต่าง ๆอย่างเข้มแข็ง 

     โปรดตอบรับการทำอิบาดะฮฺทั้งหมดของเรา โปรดอภัยโทษ ลบล้างความผิดต่าง ๆให้แก่เรา โปรดให้เราเป็นผู้ที่ดำรงไว้ซึ่งบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

     โปรดให้เราได้รับความดีงามจากเดือนเราะมะฎอนในปีนี้ โปรดให้เราได้พบกับค่ำคืนลัยละตุ้ลก็อดรฺ และโปรดให้เราได้รับฮุสนุลคอติมะฮฺ ได้รับการจบชีวิตอย่างดีงาม...อามีน

 

 

( คุฏบะฮฺวันศุกร์ มัสญิดดารุลอิหฺซาน บางอ้อ )