ถ้อยคำแห่งปวงปราชญ์ 57
วันละหนึ่งความคิด...แปลเรียบเรียง
- ชัยคุ้ล อิสลาม อิบนิ ตัยมียะฮฺ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ -
ไม่ว่าใครที่ยังประโยชน์ในเรื่องศาสนาแก่ผู้คน ก็ถือว่าเขาผู้นั้น เป็นครูผู้ให้วิชาแก่เขา
เช่นกันกับคำพูด ผลงาน และร่องรอยของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วทุกคน
ที่มาถึงผู้คน อันเป็นสิ่งที่ทำให้เขาได้รับประโยชน์ จากการมีศาสนาของ (ผู้ล่วงลับ) นั้น
ก็ถือได้ว่าผู้ล่วงลับผู้นั้นเป็นครูผู้ให้วิชาแก่เขาทางด้านนั้นๆ
ด้วยเหตุนี้ ชนชาวสลัฟในยุคแรก จึงถือเป็นปวงปราชญ์อาวุโสแก่ผู้ที่ติดตามมาในยุคหลัง(จากรุ่นสู่รู่น) ยุคแล้วยุคเล่า
- อิมาม อัซซะหะบีย์ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ -
คนที่สัจจริง จะพูดน้อย ทานน้อย นอนน้อย และคบค้าสมาคมกับผู้คนแต่น้อย
และมักจะอยู่กับบทรำลึกประจำวัน กับการนอบน้อมถ่อมตน การรำลึกถึงความตาย
และอยู่กับถ้อยคำ "ลาเฮาละ วะลากูวะตะ อิ้ลลาบิ้ลลาฮฺ" แต่มาก
(ไม่มีอำนาจและพลังใดๆ จะเกิดขึ้นได้ นอกจากด้วยเดชานุภาพของอัลลอฮฺ)
- ท่านฮาติม อัลอะซ็อม ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ -
มีผู้ถามท่านฮาติม อัลอะซ็อมว่า : ท่านทำอย่างไรให้มีคุชั๊วะ (ความนอบน้อม) ในการละหมาด?
ท่านตอบว่า : “ด้วยการที่ฉันลุกขึ้นยืนและตั๊กบี้รเพื่อทำละหมาด ฉันจะนึกเสมอว่า
กะอฺบะฮฺอยู่ตรงหน้าฉัน...สะพานซิร้อฏอยู่ด้านล่างของฉัน
สวรรค์อยู่ด้านขวาของฉัน...นรกอยู่ด้านซ้ายของฉัน
มะละกุ้ลเมาวตฺอยู่ด้านหลังของฉัน
และท่านร่อซูลลุ้ลลอฮฺได้คาดหวังกับการละหมาดของฉัน
และฉันจะคิดว่ามันคือการละหมาดครั้งสุดท้ายของฉัน
ฉันจึงตั๊กบี้รเทิดเกียรติพระองค์อย่างสมเกียรติ
ฉันจะตั้งใจอ่านอย่างใคร่ครวญ
รุกั๊วะอย่างจำนน สุญูดอย่างนอบน้อม
ฉันทำให้การเกรงกลัวอัลลอฮฺ และการหวังในพระเมตตาของพระองค์ อยู่ในละหมาดของฉัน
จากนั้นฉันก็ให้สลาม โดยที่ฉันไม่อาจรู้เลยว่า ละหมาดนั้นจะถูกตอบรับหรือไม่!!”
- ท่านมัยมูน อิบนิ มะฮฺรอน ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ -
การงานที่ดี ทั้งคนดีและคนชั่วต่างมีสิทธิ์ทำได้ด้วยกันทั้งนั้น
แต่การละทิ้งไม่ทำความผิด ทำในสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืน (มะอฺซียะฮฺ) นั้น
ไม่มีใครที่จะสามารถทำได้ นอกเสียจาก "คนที่สัจจริง" เท่านั้น
- ท่านมัยมูน อิบนิ มะฮฺรอน ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ -
คน 3 ประเภท ที่ท่านอย่าได้ทำให้ตัวเองต้องถูกทดสอบ ในเรื่องเหล่านี้เป็นอันขาด ได้แก่
- อย่าได้เข้าไปหาผู้มีอำนาจ แม้ท่านจะกล่าวว่า ฉันเพียงกำชับเขาให้เชื่อฟังอัลลอฮฺ
- อย่าได้เข้าไปหาสตรี แม้ท่านจะบอกว่า ฉันเพียงสอนอัลกุรอานแก่เธอ
- อย่าให้หูของท่านรับฟังผู้คล้อยตามอารมณ์ (ผู้อุตริ) เพราะท่านไม่รู้หรอกว่า มีสิ่งใดที่ติดสอยห้อยตามหัวใจของท่าน จากคนผู้นั้นกลับมาบ้าง
- ท่านยูนุส อิบนิ อุบัยดฺ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ -
มี 3 ประการ ที่ท่านทั้งหลายพึงจดจำไปจากฉัน
- อย่าได้เข้าไปหาผู้มีอำนาจ แม้เพียงอ่านอัลกุรอานให้ฟัง
- อย่าได้อยู่ตามลำพังกับหญิงสาว แม้เพื่อจะสอนอัลกุรอานแก่เธอ
- และอย่าได้ให้หูของคนใดในพวกท่าน สดับฟังผู้คล้อยตามอารมณ์เป็นอันขาด
-เชค อิบนิ อุซัยมีน ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ-
ใครที่มองไปยังผู้หญิงที่ไม่ฮาล้าลสำหรับเขา...
แท้จริง การมองนั้นจะทำให้หัวใจเหนื่อยล้า ทำให้ศรัทธาพร่องหาย
และทำให้เขาจมปลักอยู่กับเรื่อง ที่เขาจะไม่สามารถหลุดพ้นจากมันไปได้เลย
-เชค อิบนิ อุซัยมีน ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ-
หากศาสนาขึ้นอยู่กับอารมณ์แล้ว เหล่าผู้ทำอุตริกรรมทั้งหมด ย่อมอยู่บนความถูกต้อง
หากแต่ศาสนา คือ บทบัญญัติที่ถูกกำหนดไว้ จากอัลลอฮฺและร่อซู้ลของพระองค์
ดังนั้น ไม่ใช่ทุกเรื่องที่ผู้ทำหน้าที่วินิจฉัยได้พูดออกมา จะถือเป็นบทบัญญัติศาสนา เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง!
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$