อย่าคิดว่า !..... เรื่องศาสนาเอาไว้เรียนตอนโต
  จำนวนคนเข้าชม  1548

อย่าคิดว่า !..... เรื่องศาสนาเอาไว้เรียนตอนโต

 

อุมมุ อาดิ๊ล....เรียบเรียง

 

มวลการสรรเสริญทั้งหมดเป็นของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียวเท่านั้น

 

          คุณพ่อ คุณแม่ ท่านผู้ปกครองต่างมีความรัก ความห่วงใยลูกหลาน อยากจะมอบสิ่งที่ดี ๆให้แก่ลูกหลาน อยากให้พวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี อยากให้ได้รับการศึกษาที่ดี อยากให้เป็นคนดี อยากให้เป็นคนเก่ง อยากให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีเกียรติ มีฐานะ มียศถาบรรดาศักดิ์ มีตำแหน่งหน้าที่ มีการงานที่ดี ...คุณพ่อ คุณแม่ ท่านผู้ปกครองจึงส่งเสริม สนับสนุนให้พวกเขาได้เข้าโรงเรียนที่คิดว่าดี มีชื่อเสียง ในขณะเดียวกันก็อยากให้ลูกหลานเป็นคนที่อยู่ในศาสนา แต่กลับไม่ส่งเสริม ไม่สนับสนุนให้ลูกได้เรียนรู้ในเรื่องของศาสนา แต่บอกว่า ....เรื่องศาสนาเอาไว้เรียนตอนโต !

 

          อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสไว้ในอัลกุรอาน คัมภีร์ของพระองค์ ในซูเราะฮฺอัซซาริยาต อายะฮฺที่ 56 ว่า

 

وَمَا خَلَقْتُ الْجِنَّ وَالْإِنسَ إِلَّا لِيَعْبُدُونِ

 

และข้ามิได้สร้างญินและมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพอิบาดะฮฺต่อข้า

 

 

          นั่นก็หมายความว่า อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงต้องการให้ทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้เคารพอิบาดะฮฺต่อพระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น ไม่ให้มีหุ้นส่วน ไม่ให้มีภาคีใด ๆต่อพระองค์ พระองค์ทรงมอบอัลกุรอานมาให้เป็นธรรมนูญในการดำเนินชีวิต พร้อมกับทรงส่งท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมให้มาเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติทั้งทางพฤติกรรมและจริยธรรม 

 

          พระองค์ทรงบอกว่าหากเราดำเนินชีวิตไปตามครรลองของอัลกุรอาน ประพฤติ ปฏิบัติตามแบบอย่างจริยวัตรของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เราก็จะพบกับความสุข พบกับความสำเร็จอย่างแท้จริงทั้งในโลกดุนยานี้และโลกอาคิเราะฮฺ ได้พบกับวันแห่งความเร้นลับด้วยรางวัลการตอบแทนที่ดีตลอดไป 

 

          ด้วยเหตุนี้ ชีวิตของคนเราทุกคนตั้งแต่เล็กจนกระทั่งเติบโตไปจนถึงวันสิ้นลมหายใจ ตั้งแต่ตื่นนอนไปจนกระทั่งเวลานอนหลับพักผ่อน ในทุก ๆ ย่างก้าวของทุกวันจึงต้องดำเนินชีวิตไปตามครรลองแห่งอิสลาม ใช้ชีวิตอยู่ในขอบเขตที่อิสลามกำหนด แต่ถ้าหากเราไม่รู้เรื่องของศาสนาว่าศาสนาบอกอะไร สั่งใช้ให้เราทำอะไร สั่งห้ามเราจากการกระทำอะไร แล้วเราจะดำเนินชีวิตไปตามที่ศาสนากำหนดได้อย่างไร 

 

         ดังนั้น การที่เราบอกว่า....ศาสนาเอาไว้เรียนตอนโต มันจึงไม่ใช่ เพราะ ทันทีที่เราเกิดมา ชีวิตของเราก็เริ่มย่างก้าวเข้าสู่ความตายไปทุกขณะ เราไม่สามารถจะรู้ว่าเราจะตายเมื่อไร ? ถ้าหากตัวเรา ลูกหลานของเราเสียชีวิตไปก่อนที่จะได้เรียนรู้เรื่องของศาสนา เสียชีวิตก่อนที่จะได้ปฏิบัติ สะสมอามัล การงานที่ศอลิฮฺ เคยถามตัวเราเองบ้างไหมว่า ตัวเรา ลูกหลานของเราจะกลับไปพบกับอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาในสภาพเช่นไร !

 

 

          เรามักจะอบรม สั่งสอนลูกหลานของเราว่า เมื่อเวลาที่มีใครมาให้สิ่งของแก่เรา ให้ความช่วยเหลือเรา ให้รู้จักขอบคุณ สอนให้ไหว้ สอนให้กล่าว ญะซากัลลอฮุค็อยร็อน แต่ครั้นที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงมอบลูกหลานที่ดีให้แก่เรา ทรงโปรดให้เรามีลูกหลานที่มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง รูปร่างหน้าตาสวยงาม หล่อเหลา น่ารักน่าใคร่ อันนับเป็นมหากรุณา เป็นริสกีที่ดีที่พระองค์ทรงมอบแก่เรา แต่เรากลับลืมขอบคุณต่อพระองค์ ... !

 

          หรือเพราะเราไม่ได้ส่งเสริมให้ลูกหลานของเรารู้จักพระองค์  ไม่ได้สนับสนุนให้ลูกหลานของเราเรียนรู้ในเรื่องศาสนา ไม่ได้อบรม ไม่ได้สั่งใช้ให้ลูกหลานของเราปฏิบัติในเรื่องของศาสนา เป้าหมายของการเรียนรู้เรื่องศาสนา ก็เพื่อนำความรู้นั้นมาหล่อหลอมให้อยู่ในความรู้สึกนึกคิด แล้วนำมาสู่การประพฤติ ปฏิบัติในสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้ สั่งห้าม เพื่อนำชีวิตของเราไปสู่ความพึงพอพระทัยของพระองค์ ออกดอก ออกผลผลิตเป็นการงาน เป็นอามัลอิบาดะฮฺที่ศอลิฮฺ อันจะนำเราไปสู่ความสุขอันสถาพรทั้งในโลกดุนยานี้และโลกอาคิเราะฮฺ 

 

          ความรู้ในเรื่องของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เรื่องของศาสนาของพระองค์นั้น เป็นความรู้ที่นักวิชาการมุสลิม ผู้รู้ ผู้เรียนศาสนาใช้เวลาศึกษามาหลายปี เรียนมามากมายยังต่างพูดกันว่า เรื่องของศาสนาให้เรียนตั้งแต่เล็กจนกระทั่งโต จนแม้ตายไปก็ยังเรียนไม่หมด ดังนั้น การเรียนรู้ในเรื่องของศาสนานั้น จึงต้องดำรงอยู่ตลอดเวลา ตลอดทุกช่วงของอายุ ไม่สามารถขาดตอนได้เลย

 

          คุณพ่อ คุณแม่ ท่านผู้ปกครองผู้ชาญฉลาดจึงต้องคิดหาวิธีการที่จะบริหารจัดการกำจัดความเสี่ยงที่จะทำให้ตัวเรา ลูกหลานของเราต้องไปพบกับการได้รับการทรมานในหลุมฝังศพ ได้รับการลงโทษในไฟนรก อย่าให้ตัวเรา ลูกหลานของเราต้องได้รับความขาดทุนในวันกิยามะฮฺ 

 

          เพราะเป็นคนหนึ่งในบรรดาผู้ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ตรัสไว้ในอัลกุรอาน คัมภีร์ของพระองค์ เช่นในซูเราะฮฺอัซซุมัร อายะฮฺที่ 58 ว่า

 

تَقُولَ حِينَ تَرَى الْعَذَابَ لَوْ أَنَّ لِي كَرَّةً فَأَكُونَ مِنَ الْمُحْسِنِينَ

 

(ในวันกิยามะฮฺ) ชีวิตหนึ่งจะกล่าวขณะเห็นการลงโทษว่า 

หากฉันได้มีโอกาสกลับไปสู่โลกนี้อีกครั้งหนึ่ง แน่นอน ฉันก็จะอยู่ในหมู่ผู้กระทำดี 

(คือทำทุกอย่างเพื่อแสดงการเคารพอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ )

 

 

          ดังนั้น ดูแลตัวเรา ลูกหลานของเราให้ศึกษาเรียนรู้เรื่องราวของศาสนา และลงมือปฏิบัติเสียตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป...

 

 

วัลลอฮุวะลียุตเตาฟีก วัลฮิดายะฮฺ