ความรอบรู้แม่ของบรรดาผู้ศรัทธา
ตุวัยลิบุลอิลม์
ท่านอุรวะห์(ซึ่งเป็นหลานของท่านหญิงอาอิชะฮ์)ได้กล่าวแก่คุณแม่อาอิชะห์รอดิยั้ลลอฮุอันฮาว่า :
โอ้แม่ครับ ผมไม่แปลกใจเกี่ยวกับความความรู้ของแม่เลย ผมขอกล่าวว่า : (ท่านคือ) ภรรยาของนบีของอัลลอฮและบุตรสาวของท่านอบูบักรฺ และผมก็ไม่เแปลกใจกับความรู้ของแม่ที่เกี่ยวกับบทกลอนและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของผู้คนเลย
และผมขอกล่าวอีกว่า : (ท่านคือ) บุตรสาวของท่านอบูบักรฺ โดยที่เขา(ท่านอบูบักรฺ) คือ คนที่มีความรู้มากที่สุด แต่ทว่า ผมแปลกใจเกี่ยวกับความรู้ของแม่เรื่องการแพทย์ มันคืออย่างไรหรือครับ และมันมาจากที่ไหน ?
และคุณแม่ของเราก็แตะไปที่บ่าของท่านอุรวะห์ และก็กล่าวว่า : โอ้ อุรวะห์ตัวน้อย จ้ะ แท้จริงท่านร่อซู้ลศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัมได้เคยล้มป่วยลงในขณะช่วงปลายชีวิตของท่าน และได้มีคณะตัวแทนของชาวอาหรับได้มาหาท่านจากทุกสารทิศ แล้วคณะตัวแทนนั้น ก็ได้บอกคุนลักษณะ(ในการรักษา) ไว้หลายคุณลักษนะ ดั้งนั้น ฉันจึงรักษาด้วยกับมัน(คุณลักษนะเหล่านั้น)แก่เขา(ท่านนบี ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) (1)
มีรายงานจากท่านอบูมูซาอัลอัชอารี รอดิยั้ลลอฮุอันฮุ ว่า :
“ ไม่เคยมีหะดิษบทหนึ่งบทใดที่เป็นปัญหาแก่พวกเราบรรดาสาวกของท่านร่อซูลุ้ลลอฮศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม แล้วเราก็ถามท่านหญิงอาอีชะห์ นอกเสียจากว่าเราจะพบความรู้เกี่ยวกับหะดิษบทนั้น ณ ที่นาง” (2)
สิ่งนี้เองได้บ่งชี้ถึงสถานะของนาง(แม่ของพวกเรา)ระหว่างบรรดาสาวกของท่านร่อซู้ลศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม เพราะนางคือแหล่งอ้างอิงทางศาสนาที่บรรดาศอฮาบะห์ได้นำกลับไปยัง(ความเข้าใจของ)นาง เพื่อที่นางจะได้อธิบายให้แก่พวกเขาถึงแนวทางที่ถูกต้อง
บรรดาศอฮาบะห์ได้นำปัญหากลับไปยังนาง(คุณแม่ของพวกเรา)ในความรู้เกี่ยวกับเรื่องมรดก
รายงานจากท่านมัสรูก(อิหม่ามแห่งยุคตาบีอีน เสียชีวิตปี ฮ.ศ.63) กล่าวว่า : พวกเรา(หมายถึงพวกพ้องของท่านมัสรูก)ได้กล่าวแก่เขาว่า(ท่านมัสรูก)ว่า : ท่าหญิงอาอีชะห์รู้เรื่องราวเกี่ยวกับการแบ่งมรดกเป็นอย่างดีเลยใช่มั้ย?
เขากล่าวว่า : “ขอสาบานต่ออัลลอฮ แท้จริงฉันได้เห็นบรรดาสาวกระดับอาวุโสของมูฮำหมัดศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ได้ถามปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการแบ่งมรดกจากนาง” (3)
ท่านซุหฺรี่ (ตาบีอีน มีชิวิตอยู่ในช่วงปี ฮ.ศ.ที่ 58-127) กล่าวว่า :
“หากความรู้ของท่านหญิงอาอีชะห์ถูกรวบรวม ไปยังความรู้ทั้งหมดของบรรดาภรรยาของท่านร่อซู้ล และความรู้ทั้งหมดของบรรดาสตรีทั้งหลายแล้วละก็ ความรู้ของท่านหญิง อาอีชะห์ ย่อมประเสริฐกว่าอย่างแน่นอน” (4)
ท่าน อะฏอ บิน อบีเราะบาฮฺ(อิหม่ามแห่งยุคตาบีอีน มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ฮ.ศ.ที่ 27-114 เป็นลูกศิษย์ของท่าน อิบนุอับบาส รอดิยั้ลลอฮุอันฮุมา) กล่าวว่า :
“ท่านหญิงอาอีชะห์นั้นเป็นคนที่มีความเข้าใจศาสนามากที่สุด มีความรู้ศาสนามากที่สุด และเป็นคนที่มีทัศนะ(เกี่ยวกับประเด็นต่างๆในเรื่องศาสนา)ที่ดีที่สุดในหมู่สาธารณชน” (5)
ท่านอิหม่ามฮาฟิศ อัซซะฮะบี่ ได้กล่าวว่า : “นาง(คุณแม่ของพวกเรา)ได้รายงานความรู้อย่างมากมายที่ดีมีความจำเริญจากท่านนบีศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม”
และท่าน(อิหม่ามซะฮะบี่)ได้กล่าวเช่นเดียวกันว่า : “นางคือสตรีที่มีความเข้าใจศาสนามากที่สุดของประชาชาตินี้อย่างเป็นเอกฉันท์”
และท่านกล่าวยังกล่าวอีกว่า : “ฉันไม่รู้เลยว่าในประชาชาติของมูฮำหมัดศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัมนี้อีกทั้งยังในหมู่สตรีทั้งหลายทั้งปวง จะมีสตรีคนใดที่มีความรู้มากไปกว่านาง(คุณแม่ของพวกเรา)อีกแล้ว” (6)
ท่าน อิหม่ามฮาฟิศ อิบนุฮะญัร อัลอัศกอลานี่ ได้กล่าวว่า :
“และเมื่อท่านนบีศ็อลลั้ลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัมได้เสียชีวิตลงในขณะที่นางอายุประมาน 18 ปี โดยที่นาง(คุณแม่ของพวกเรา)ได้จดจำสิ่งต่างๆมากมายจากท่านนบี และนางก็มีชีวิตอยู่หลังจากท่านนบีประมาน 50 ปี แล้วผู้คนส่วนมากได้รับเอาความรู้จากนาง และพวกเขาได้ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับฮู่ก่มข้อตัดสิน และมารยาทต่างๆ มากมายจากนาง จนกระทั่งได้ถูกกล่าวกัน :
“แท้จริง หนึ่งในสี่ของฮูก่มข้อตัดสินทางบทบัญญัติต่างๆได้ถูกถ่ายทอดมาจากนาง รอดิยั้ลลอฮุอันฮา” (7)
ได้มีรายงานจาก ท่านมูซา บิน ฏ็อลฮะห์ (ตาบีอีน เสียชีวิต ปี ฮ.ศ. 103)กล่าวว่า : “ฉันไม่เคยเห็นคนหนึ่งคนใดที่จะมีชัดเจนมีความฉะฉานมากไปกว่าท่านหญิงอาอีชะห์อีกแล้ว” (8)
ท่านอบูสะละมะห์ บิน อับดุรเราะห์มาน(ตาบีอีนเป็นลูกชายของท่านอับดุรเราะมาน บิน เอาฟ์รอดิยั้ลลอฮุอันฮุ) ได้กล่าวว่า :
“ฉันไม่เคยเห็นคนหนึ่งคนใดจะมีความรู้เกี่ยวกับซุนนะห์ต่างๆของท่านร่อซู้ลลุ้ลลอฮ
และไม่เคยเห็นคนหนึ่งคนใดจะมีความเข้าใจในทัศนะหนึ่งทัศนะใด ที่หากว่าเมื่อถูกอ้างหลักฐานไปยังทัศนะนั้น(แล้วมันมีน้ำหนัก)
และไม่เคยเห็นคนใดที่จะรู้เกี่ยวกับอายะห์ๆหนึ่งที่ถูกประทานลงมา และที่เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นฟัรดูมากไปกว่าท่านหญิงอาอีชะห์อีกแล้ว” (9)
...ฉะนั้นใครก็ตามที่ด่าทอใส่ร้ายคุณแม่ของพวกเรา ท่านหญิงอาอิชะฮ์ รอดิยั้ลลอฮุอันฮา เขาคือ กาเฟร อย่างไม่ต้องสงสัย...
แปลมาจากส่วนหนึ่งของหนังสือ “อุมมุ้ลมุอฺมินีน อาอิชะห์ วัรรอดุอะลา ชุบฮาติ้ลมุคอลิฟีน มินัรรอฟิเฎาะ วัลมุละฮฺฮิดีน” หน้าที่ 59-60เขียนโดย อบูอับดุรเราะห์มาน อาดิ้ล บิน ยูซุฟ อัลอัซซาซี่
(1) รายงานโดยอิหม่ามอะฮฺหมัด ในหนังสือ อัลมุสนัด 6/67 (24425)
(2) ศอเฮี๊ยะ รายงานโดย อิหม่ามติรมีซีย์ (3818) และท่านกล่าวว่าเป็นหะดิษ ฮะซันฆอรีบ และเชคอัลบานีให้สถานะว่าหะดิษนี้ถูกต้องในหนังสือ ศอเฮี๊ยะ อัลมิชกาตฺ
(3) รายงานโดย ท่านฮากิม 4/13 และอิหม่ามมาลิก ในหนังสือ อัลมุวัฏเฏาะ 1/92 อัดดารีมี (2859) และอิบนิ อบี ชัยบะห์ 11/334
(4) รายงานโดย อิหม่ามมาลิกในหนังสือ อัลมุวัฏเฏาะ 1/45 และสายรายงานของอิบนิรอฮาวัย 2/26
(5) รายงานโดย ท่านฮากิม 4/15 อิหม่ามมาลิก ในหนังสือ อัลวุวัฏเฏาะ 1/92 อิหม่ามซะฮะบี่ ในหนังสือ ตารีคุ้ลอิสลาม 4/347
(6) ซิญัร อะอฺลามินนุบะลาอฺ ของอิหม่าม อัซฮาบี่ 2/135
(7) ฟัตฮุ้ลบารี 7/107
(8) รายงานโดย อิหม่ามติรมีซีร์ (3819) และท่านกล่าวว่า หะดิษฮะซันศอเฮี๊ยะ ฆอรีบ ท่านฮากิม 4/92 และท่าน ฏอบรอณี ในหนังสือ อัลกะบีร 23/187 และอิหม่ามอะฮฺหมัด ในหนังสือ ฟะดอเอ้ล อัศศอฮาบะห์ 2/871
(9) รายงานโดยท่าน อิบนิ อบีชัยบะห์ใน กิตาบุ้ลอะดับ 1/485 , และในหนังสือ อัตตอบากอต อัลกุบรอ โดยอิบนิ ซะอฺด 2/375