บรรดาอัมบิยาอ์หินก้อนนั้นกับการพิชิตอันยิ่งใหญ่
  จำนวนคนเข้าชม  1803

บรรดาอัมบิยาอ์หินก้อนนั้นกับการพิชิตอันยิ่งใหญ่

 

อับดุลมุนอิม อัลฮาซิมีย์

แปลโดย อาจารย์...ยะห์ยา หมัดละ

 

     เมื่อท่านซะอ์ด อิบนิ อบีวักก๊อซ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เห็นท่านอาซิม ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ขึ้นฝั่ง (โดยที่เขาเป็นผู้รักษาความปลอดภัยให้ และป้องกันให้รอดพ้นจากภัยร้ายของพวกเปอร์เซีย) ท่านจึงอนุญาตให้ผู้คนที่เหลืออยู่ทั้งหมดข้ามแม่น้ำ 

ท่านกล่าวว่า : ท่านทั้งหลายจงกล่าวดุอาอฺดังต่อไปนี้

 

     พวกเราขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ ขอมอบหมายต่ออัลลอฮฺ อัลลอฮฺเท่านั้นเป็นที่พอเพียงแล้วสำหรับพวกเรา และเป็นผู้ที่เรามอบหมายได้อย่างดียิ่ง

     ไม่มีพลัง อำนาจใด ๆ เว้นแต่ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ ผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่

 

     เหล่าทหารหาญมุสลิมต่างก็โต้คลื่นแหวกว่ายข้ามแม่น้ำท่ามกลางสายน้ำหลาก บ้างก็อยู่บนหลังม้าที่กำลังว่ายน้ำ อย่างชนิดที่ไม่ได้มีความกังวลใด ๆ พวกเขาพูดคุยกันเสมือนสถานการณ์ปกติขณะอยู่บนบก

 

     ท่านซะอ์ด อิบนิ อบีวักก๊อซ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่ายน้ำอยู่ข้างหลังท่านซัลมาน อัลฟาริซีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ซึ่งม้ากำลังพาพวกเขาข้ามฝั่ง ท่านซะอ์ด ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า :

 

     อัลลอฮฺเท่านั้น เป็นที่พอเพียงแล้วสำหรับพวกเรา อัลลอฮฺเป็นผู้ที่พวกเรามอบหมายกิจการทุกอย่างได้อย่างดียิ่ง

     อัลลอฮฺจะทรงช่วยเหลือผู้ที่อัลลอฮฺทรงรัก อัลลอฮฺจะทรงให้ศาสนาของอัลลอฮฺประจักษ์ชัด และอัลลอฮฺจะทรงให้ศัตรูของอัลลอฮฺพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

 

     คำพูดดังกล่าวนี้ ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เคยกล่าวไว้ ในขณะที่ท่านบอกข่าวดีว่า ท่านได้รับกุญแจเมืองเปอร์เซีย

 

     ท่านซะอ์ด ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่ายน้ำไป พลางปากก็กล่าวไปเรื่อย ๆ ว่า : อัลลอฮฺจะทรงให้ศัตรูของอัลลอฮฺพ่ายแพ้ ... ถ้าหากในกองทหารไม่มีใครดื้อดึง ฝ่าฝืน หรือกระทำผิดบาปจนเกินเลย ความดีงามและผลบุญที่มี

 

     ท่านซัลมาน อัลฟาริซีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวแก่ท่านซะอ์ด ว่า : ทะเลราบเรียบและเปิดทางให้พวกเขาเสมือนกับว่าพวกเขาอยู่บนบก ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺ ผู้ซึ่งซัลมานอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ว่า พวเขาจะถึงฝั่งเป็นหมู่ ๆ เหมือนกับที่พวกเขาลงมา (ในแม่น้ำ) เป็นหมู่ ๆ ...

 

     บัดนี้ทหารม้า และบรรดาอัศวินของกองกำลังมุสลิมกำลังกระจายกันอยู่เต็มแม่น้ำไทกริส ทั้งม้าทั้งคน ถ้าหากมีใครสักคนมองจากฝั่งลงไป เขาแทบจะไม่เห็นน้ำเลย ...แล้วพวกเขาก็ขึ้นฝั่ง ม้าก็ขึ้นฝั่งมาด้วย มันสลัดน้ำออกจากผมแผงคอมันพร้อมกับส่งเสียงร้องประกาศชัยชนะกึกก้อง

 

     เมื่อฝ่ายเปอร์เซียมองเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น พวกเขาก็รีบเผ่นหนีอย่างไม่เหลียงหลัง ฝ่ายมุสลิมก็ขับไล่พวกเขา จนกระทั่วไปถึงพระบรมมหาราชวังสีขาวแห่งมะดาอิน ซึ่งเป็นพระบรมมหาราชวังของกษัตริย์ของพวกเขา กองกำลังมุสลิมเผชิญกับหน่วยทหารองครักษ์ พวกเขาต้องการสู้รบทันที 

ฝ่ายมุสลิมยื่นข้อเสนอ 3 ประการให้เลือก คือ

1. ให้พวกท่านเข้ารับอิสลาม จะได้รับสิทธิทุกประการเหมือนกับที่เราได้รับ

2. ให้พวกท่านยอมจ่ายภาษีหัว (ญิซยะฮ์)

3. ถ้าหากพวกท่านไม่รับข้อเสนอก็ต้องรบกัน

 

     พวกเขากล่าวว่า : ประการแรกและประการสุดท้ายนั้น พวกเราไม่ต้องการ แต่พวกเราต้องการข้อเสนอกลาง คือ ยอมจ่ายภาษีหัว (ญิซยะฮ์)

     และแล้วท่านซะอ์ด อิบนิ อบีวักก๊อซ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ก็ได้เข้าเมืองมะดาอิน เมืองหลวงของจักรพรรดิ กิสรอ และที่มั่นสุดท้ายของเปอร์เซีย ท่านเข้าไปถึงท้องพระโรงของกษัตริย์กิสรอที่โอ่โถง เต็มไปด้วยพรมและเครื่องตกแต่ง ประดับเพชรพลอย งดงามตระการตายิ่งนัก ท่านมองไปรอบ ๆ พร้อมกับอ่านอายะฮ์ที่ 25 – 28 ในซูเราะฮ์อัดดุคอน ที่ว่า :

 

     กี่มากน้อยแล้วที่พวกเขา (ฟิรเอาน์และกลุ่มชนของเขา) ได้ทิ้งบรรดาสวนพฤกษา สวนพักผ่อนหย่อนใจ น้ำพุเอาไว้ (หลังจากที่อัลลอฮฺทรงให้พวกเขาพินาศ และจมน้ำตาย) แหล่งเพาะปลูก และอาคารสวยสดงดงาม ตลอดจนความโปรดปราน ชีวิตความเป็นอยู่ที่รื่นภิรมณ์

     เช่นนี้แหละ (เราได้ลงโทษกลุ่มชนผู้ที่เนรคุณต่อพระมหากรุณาธิคุณ และความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ด้วยการปฏิเสธศรัทธา) โดยเราได้ให้ความโปรดปราน (เนี๊ยะอ์มะฮฺ) นั่นแก่กลุ่มชนที่มาที่หลัง (คือพวกบนีอิสรออีล) รับเป็นมรดก

 

     ท่านซะอ์ด ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ละหมาดซุบฮิที่นั่นและเอาพระมหาราชวังเป็นมัสยิดสำหรับพี่น้องมุสลิม และได้ละหมาดวันศุกร์แรกที่นั่นในเดือนซอฟัร ปี ฮ..ที่ 16

 

     คำพูดของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นจริงแล้ว เป็นอภินิหารของท่าน ที่ท่านได้กล่าวไว้ว่า

     “อัลลอฮุอักบัร ...ฉันได้รับกุญแจเมืองเปอร์เซียแล้ว วัลลอฮิ ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า ฉันเห็นพระราชวังมะดาอนิสีขาวจากตรงนี้

     อภินิหารนี้เพิ่งเกิดขึ้นภายหลังจากที่ท่านนบีประกาศเป็นเวลา 11 ปี

 

 

ฉันได้รับกุญแจเมืองเยเมน

 

     ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวไว้ว่า :

     “อัลลอฮุอักบัร ...ฉันได้รับกุญแจเมืองเยเมน วัลลอฮิ ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า ฉันเห็นประตูเมืองซอนอ๊าอ์จากตรงนี้ ในนาทีนี้

     ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มองเห็นในขณะเอาพลั่วกระแทกลงไปที่ก้อนหินเป็นครั้งที่สาม ในสงครามคอนดั๊ก ท่านเห็นประตูเมืองซอนอ๊าอ์ และดังกล่าวก็ประจักษ์เป็นจริงขึ้นในปี ฮ.. ที่ 11 ห่างกัน 6 ปี นับตั้งแต่วันที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พูดไว้

 

     ซอนอ๊าอ์ เป็นเมือหลวงของเยเมน มีผู้ปกครองชื่อก็อยส์ อิบนิ อับติ ยะฆูษแต่ถูกครอบครองโดยเปอร์เซีย และบาซานได้รับแต่งตั้งมอบหมายให้เป็นเจ้าเมืองเยเมนที่อยู่ภายใต้การปกครองของเปอร์เซีย

 

     ต่อมาบาซานเข้ารับอิสลาม และชาวเยเมนก็เข้ารับอิสลาม ดังนั้น ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงอนุมัติให้บาซานทำหน้าที่ปกครองเยเมนต่อไป ภายหลังจากท่านร่อซูลได้เสียชีวิต บาซานจึงให้ลูกชาย มีชื่อว่าซะฮ์รเป็นข้าหลวงเมือซอนอ๊าอ์ และให้ท่านมุอ๊าซ อิบนิ ญะบัล ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เป็นผู้สอนศาสนา โดยท่านจะเดินทางไปเผยแพร่ตามหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วเยเมน

     มีเหตุการณ์เกิดขึ้น ก่อนที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะเสียชีวิตเพียงเล็กน้อย

 

     มีชายคนหนึ่งจากเผ่าอันส์จากลูกหลานของก็อฮ์ฏอนชายคนนี้มีชื่อว่าอัลอัสวัด อัลอันซีย์เขาเป็นหมอดู ต่อมาได้อ้างตัวเป็นนบี เขากล่าวว่า : “แท้จริง ฉันเป็นนบีคนหนึ่งและได้มีผู้ที่เชื่อถือติดตามเขากลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นอาหรับชนบทในเยเมน

 

     กลุ่มของเขาปีกกล้าขาแข็งขึ้นเป็นลำดับ พวกเขาบุกเข้าสู่เมืองนัจญ์รอนที่อยู่แถบคาบสมุทรอาหรับ ยึดเอานัจญ์รอนเป็นเมืองขึ้นที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขา และมีเผ่ากะฮ์ลาน มีผู้นำชื่อมัซฮัจญ์ได้เข้าร่วมด้วย ต่อมาเขาก็บุกไปซอนอ๊าอ์ แห่งเยเมน ทางเจ้าเมืองก็ได้สู้รบอย่างดุเดือดนานนับเดือน แต่เขาก็สังหารเจ้าเมืองได้สำเร็จ และกลุ่มต่าง ๆ ก็พ่ายแพ้แก่เขา

 

     ต่อมาเขาได้แต่งงานกับภรรยาของซะฮ์ร อิบนิ บาซาน เรื่องราวของเขาเป็นที่ร่ำลือกล่าวถึงกันทั่ว ทำให้มีกลุ่มต่าง ๆ เข้ามาสวามิภักดิ์ด้วยอย่างมากมาย เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ตัวเองและลูกหลาน

 

     ได้มีผู้บัญชาการของรัฐแห่งเยเมนคนหนึ่งได้ส่งสาส์นไปถึงท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เล่าเรื่องของ อัล อัสวัด อัลอันซีย์ และสิ่งที่เขาได้ทำกับคนที่นั่นให้ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทราบ

 

     ด้วยเหตุนี้ ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงส่งสาส์นไปถึงผู้ที่อยู่ที่เมืองซอนอ๊าอ์ ให้ทุกคนยืนหยัดในการนับถือศาสนาเอาไว้อย่างมั่นคง และให้ลุกขึ้นต่อสู้ และกล้าเผชิญหน้ากับอับอัสวัดทุกวิถีทาง เพื่อจะได้หลุดพ้นจากความเลวร้ายของเขา

     บรรดาผู้คนที่นั่น ต่างก็ปฏิบัติตามคำสั่งของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แต่พวกเขาก็ต้องพบกับความยากลำบากอย่างยิ่ง เพราะอัลอัสวัด อัลอันซีย์เข้มแข็งมาก และมีกองกำลังทหารที่เหี้ยมโหด จัดการกับทุกคนอย่างเด็ดขาด

 

     ในขณะที่สถานการณ์ดำเนินไปอย่างเลวร้าย มีข่าวมาว่าอัลอัสวัด อัลอันซีย์เปลี่ยนท่าทีโดยหันมาคิดร้ายต่อแม่ทัพของเขา (คือก็อยส์ อิบนิ อับดิ ยะฆูษ) แต่ก็อยส์ก็ปกป้องตัวเองด้วยการพูดต่อหน้าอัลอัสวัดว่า :

     “ท่านนั้นเป็นบุคคลสำคัญสำหรับฉันยิ่งกว่าตัวของฉัน และท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่สำหรับฉัน เกินกว่าที่ฉันจะเอ่ยถ้อยคำใด ๆ ที่เป็นปรปักษ์

     ดังนั้น อัลอัสวัด จึงอภัยให้เขาและกล่าวแก่เขาว่า : “ข้ารับการกลับตัวของเจ้า

 

     บรรดากลุ่มที่ดำเนินตามอิสลามจึงใช้โอกาสนี้ ชักชวนก็อยส์ให้วางแผนจัดการอัลอัสวัดเสีย ก็อยส์ก็ขานรับคำเรียกร้องนั้นทันที พวกเขาจึงไปหาภรรยาของอัลอัสวัด ผู้ที่อัลอัสวัดแต่งงานกับนางหลังจากที่ได้สังหารสามีของนาง (คือซะฮ์ร อิบน บาซาน) และนางก็ให้ความร่วมมือ นางกล่าวว่า :

     วัลลอฮิ ... ไม่มีผู้ใดที่อัลลอฮฺ สร้างเขามาและฉันเกลียดเขายิ่งไปกว่าผู้นี้อีกแล้ว เขาไม่ได้ทำอะไรเพื่อ อัลลอฮฺอย่างแท้จริง แต่เขาอธรรมต่อผู้คน ดังนั้น เมื่อใดที่พวกท่านพร้อม ก็จงแจ้งข่าวมาให้ฉันทราบ

 

     เมื่อสาส์นจากท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มาถึงพวกเขา และขณะเดียวกัน สาส์นของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็มาถึงชาวนัจญ์รอนด้วย พวกเขาจึงรวมตัวกันเพื่อจะไปสังหารอัลอัสวัด อัลอันซีย์ ทันทีที่พวกเขาบุกไปถึงพระราชวังก็ต้องตกตะลึงเมื่อทราบว่า อัลอัสวัดถูกสังหารแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของภรรยาของอัลอัสวัดเอง ยังไม่ทันถึงรุ่งสาง พวกเขาก็ประกาศว่าทุกอย่างประสบความสำเร็จ พวกพ้องของอัลอัสวัดต่างก็เตลิดหนีตาย

 

     ข่าวนี้ได้ไปถึงเมืองมะดีนะฮ์ ขณะนั้น ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สิ้นชีวิตแล้ว และทั้ง ๆ ที่ก็อยส์ อิบนิ อับดิ ยะฆูษ เป็นแม่ทัพของอัลอัสวัด แต่เขาก็มีส่วนร่วมในการสังหารอัลอัสวัด แต่หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาก็หันเหออกจากอิสลาม

 

     ก็อยส์รวบรวมพรรคพวกจากทหารของอัลอัสวัดที่หลบหนี เขาต้องการสังหารผู้นำของฝ่ายมุสลิม แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เขาจึงบุกเข้าไปยึดซอนอ๊าอ์ และขับไล่บรรดามุสลิมที่ไม่ใช่อาหรับออกไป และเผ่าชนบทหลายเผ่าจากแคว้นฮิมยัรก็เข้ามาสมทบกับพวกเขา และเข้ามาพำนักอยู่ในซอนอ๊าอ์อย่างวางใจปราศจากความกังวลใจใด ๆ เหมือนกับที่อัลอัสวัดได้เคยเข้ามาอยู่ที่ซอนอ๊าอ์มาก่อนแล้ว

 

     แต่ลูกหลานของมุสลิมที่ไม่ใช่อาหรับได้ลุกฮือและปลุกระดมตนเองพร้อมกับเผ่าต่าง ๆ ที่ยังอยู่ในอิสลามให้ลุกขึ้นสู้โดยมีไฟรู๊ซเป็นผู้นำ พวกเขาเปิดศึกกับก็อยส์ที่ซอนอ๊าอ์ จนทำให้ก็อยส์ กับทหารของเขาหนี้ไปยังที่แห่งหนึ่งซึ่งอัลอัสวัดเคยถูกสังหารมาก่อนแล้ว

 

     กองกำลังมุสลิมจากมะดีนะห์ภายใต้การนำของอัลมุฮาญิร อิบนิ อุมัยยะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ก็มาถึง และติดตามด้วยกองกำลังของอิกริมะฮ์ อิบนิ อบีญะฮ์ล ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ในที่สุดอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ก็ทรงให้พวกตกนอกศาสนา (มุรตัด) พ่ายแพ้ และก็อยส์กับอัมร์ อิบนิ มะอ์ดิ ยักหริบ ถูกจับเป็นเชลย เขาทั้งสองถูกนำตัวไปยังมะดีนะฮ์ ต่อมาทั้งสองได้กลับเนื้อกลับตัว ท่านอบูบักร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ อภัยโทษให้ และทั้งสองได้กลับไปยังหมู่คณะอย่างผู้ศรัทธา 

 

     อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงให้กุญแจเมืองเยเมนกับมุสลิมีน และอภินิหารก็เป็นจริงตามที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้บอกเอาไว้

 

 

 

ที่มา : วารสารสายสัมพันธ์ มีนาคม - เมษายน 2560