สิทธิและหน้าที่ของการเป็นพี่น้องกันในหนทางของอัลลอฮฺ
  จำนวนคนเข้าชม  1507

สิทธิและหน้าที่ของการเป็นพี่น้องกันในหนทางของอัลลอฮฺ

 

นำเสนอโดย... อาจารย์ มาลิก โยธาสมุทร

 

          ผู้เป็นบ่าวของอัลลอฮฺทั้งหลาย จงเกรงกลัวอัลลอฮฺ ตะอาลา เถิด ที่จริงสิทธิและหน้าที่การเป็นพี่เป็นน้องกันในหนทางของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่พึงปฏิบัติต่อกันนั้นมีมากมาย อาทิเช่น

 

     1. การรักใคร่กัน การช่วยเหลือสนับสนุนกัน การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ให้กำลังใจค้ำจุนกัน ช่วยเหลือกัน และรักชอบที่จะให้พวกเขาได้รับความดีเช่นกัน ดังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

 

     “คนหนึ่งคนใดในพวกท่านจะยังไม่เป็นผู้ศรัทธา จนกว่าเขาจะรัก - ชอบที่จะให้พี่น้องของเขาได้รับคุณงามความดี เช่นเดียวที่ตัวเขารัก - ชอบที่จะได้รับ

(บันทึกโดย อิมามอัลบุคอรีย์ และมุสลิม)

 

 

     2. การแนะนำตักเตือนสั่งเสียกันด้วยความจริง และการตักเตือนกันด้วยความอดทน การกำชับใช้ให้ทำความดี และห้ามปรามกันมิให้ทำความชั่ว และการอธิบายแจกแจงแนวทางในการทำหน้าที่ดังกล่าว ช่วยเหลือกันในสิ่งที่เป็นความดี ขจัดและป้องกันให้พ้นจากสิ่งไม่ดีไม่งาม ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า :

 

     ขอสาบานด้วยเวลาอัศริ แท้จริง มนุษย์นั้นอยู่ในสภาพที่ขาดทุน นอกจากบรรดาผู้ที่ศรัทธาและกระทำความดี แนะนำตักเตือนกันด้วยความจริง และแนะนำตักเตือนกันด้วยความอดทน

 

     และอัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสอีกว่า :

 

     “บรรดาชายผู้ศรัทธา และบรรดาหญิงผู้ศรัทธานั้น พวกเขาบางคนต่างก็เป็นผู้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พวกเขากำชับใช้กันให้ทำความดี และห้ามปรามกันมิให้ทำความชั่ว พวกเขาดำรงละหมาด จ่ายซะกาต ชนเหล่านี้แหละที่อัลลอฮฺทรงเอ็นดูเมตตาพวกเขา แท้จริง อัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ

(อัตเตาว์บะฮ์ 9 : 71)

 

 

     3. ให้ยืนหยัดอยู่กับเรื่องต่าง ๆ ที่เรียกร้องไปสู่ความรักใคร่สนิทสนมกัน ให้เยี่ยมเยียนไปมาหาสู่ติดต่อกัน และให้ปฏิบัติต่อกันในสิทธิหน้าที่ที่พึงมีต่อกัน ดังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

 

สิทธิและหน้าที่ที่มุสลิมพึงมีต่อกันนั้น มีหกประการ คือ

1. เมื่อพบกันก็จงให้สลามต่อกัน

2. เมื่อเขาเชิญ ก็ให้ตอบรับคำเชิญ

3. เมื่อเขาขอคำแนะนำ ก็จงให้คำแนะนำตักเตือนเขา

4. เมื่อเขาจามและกล่าวสรรเสริญอัลลอฮฺว่าอัลฮัมดุลิลลาฮฺก็ให้ขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺให้ทรงเอ็นดูเมตตาเขาว่ายัรฮะมุกั้ลลอฮฺ

5. เมื่อเขาป่วย ก็ให้ไปเยี่ยมเขา

6. เมื่อเขาตาย ก็ให้ไปส่งศพเขาที่กุบุ๊ร ไปดุอาอฺให้แก่เขา

(บันทึกโดย อิมามมุสลิม)

 

 

     4. ส่วนหนึ่งจากสิทธิและหน้าที่ที่มุสลิมพึงมีต่อมุสลิมด้วยกันคือ ให้อยู่เคียงข้างเขาด้วยความอารีย์อารอบ อ่อนโยน มีเจตนาที่บริสุทธิ์ มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และพูดจาอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา ไม่ปิดบังใด ๆ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

 

ท่านทั้งหลาย อย่าได้ดูถูกดูแคลนความดีใด ๆ แม้เพียงแค่การที่ท่านจะพบกับพี่น้องของท่านด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสก็ตาม

(บันทึกโดย อิมามมุสลิม)

 

 

     5. ส่วนหนึ่งจากสิทธิและหน้าที่ของมุสลิมที่พึงมีต่อมุสลิมด้วยกัน คือ การชี้แนะกันไปสู่ความดี และให้ความช่วยเหลือกันในการเชื่อฟังปฏิบัติตาม (ฏออะฮฺ) ต่ออัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์ และตักเตือนกันมิให้ไปกระทำสิ่งที่เป็นการละเมิดฝ่าฝืน (อัลมะอาซีย์) และกระทำสิ่งที่เป็นความชั่วช้าเลวทราม (อัลมุงกะร็อต) และการก่อให้เกิดการเป็นศัตรูกัน (อัลอุดวาน) ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :

 

     “จงช่วยเหลือพี่น้องของท่านจากการก่ออธรรม หรือถูกอธรรม หากเขาเป็นผู้ก่อกรรม ก็ให้ระงับยับยั้งจากการอธรรมของเขา และหากเขาเป็นผู้ถูกอธรรม ก็จงช่วยเหลือเขา

(บันทึกโดย อัดดาริมีย์)

 

     มีการเล่าสืบต่อกันมาว่า มีพี่น้องชาวสลัฟสองคน คนหนึ่งได้เปลี่ยนแปลงไปจากการยืนหยัดอยู่กับหนทางอันถูกต้องเที่ยงตรง จึงมีผู้กล่าวกับพี่น้องของเขาว่า ท่านมิได้ตัดขาดจากเขาดอกหรือ? และท่านมิได้แยกตัวออกห่างจากเขาดอกหรือ? 

     เขาจึงกล่าวว่า เวลานี้สิ่งที่ฉันต้องรีบทำมากที่สุด เมื่อเขาพลาดพลั้งเกิดมีอุปสรรคขัดขวางเกิดขึ้นนั้นก็คือการค่อย ๆ ดึงเขาออกมาอย่างนิ่มนวล และเชิญชวนให้กลับมาเป็นอย่างที่เขาเคยเป็นมาก่อน

 

 

     6. ทำให้ความรักในระหว่างผู้ศรัทธา (มุอ์มินีน) สมบูรณ์ครบถ้วนที่ออกมาในรูปของสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ และเป็นความรักที่สัตย์จริง เมื่อทั้งสองคนอยู่ห่างไกลกัน แต่ละคนก็ต่างขอดุอาอฺให้แก่กันลับหลัง ทั้งในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และเมื่อตายจากกันไปแล้ว ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

 

     “การขอดุอาอฺของผู้ที่เป็นมุสลิมให้แก่พี่น้องของเขาลับหลัง (คือมิได้อยู่ต่อหน้า) นั้น เป็นดุอาอฺที่ได้รับการตอบรับ

     ณ ที่ศีรษะของเขา จะมีมลาอิกะฮ์ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ประจำอยู่ จะกล่าวว่าอามีน” (ขออัลลอฮฺทรงตอบรับดุอาอฺด้วยเถิด) และท่านเองก็จะได้รับสิ่งนั้นเองเช่นเดียวกัน

(บันทึกโดย อิมามมุสลิม)

 

 

     7. ให้รักษาความลับของกันและกัน ให้แนะนำตักเตือนเขา เมื่อเขาขอคำแนะนำ ไม่ทำให้เขาหวาดกลัว หรือ ทำร้ายเขา ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ๆ ก็ตาม ไม่ลบหลู่เกียรติของกันและกัน ไม่นินทาว่าร้ายกัน ไม่เย้ยหยันเหยียดหยามกัน ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

 

ไม่อนุญาตให้มุสลิมข่มขู่ หรือสร้างความหวาดกลัวให้แก่มุสลิม

(บันทึกโดย อิมามอะหมัด และอบูดาวู๊ด)

 

 

     8. ส่วนหนึ่งจากความจำเป็น (วาญิบ) ที่จะต้องช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมร่วมศาสนาของเขาก็คือช่วยเหลือเขา เป็นธุระให้กับเขา ขจัดความทุกข์ยาก ความเศร้าโศกเสียใจให้พ้นไปจากเขา และยังความปลื้มปิติยินดีให้เขา ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

 

     ผู้ที่เป็นที่รักที่สุด ณ อัลลอฮฺ ก็คือผู้ที่ยังประโยชน์แก่ผู้คนมากที่สุด และบรรดาการงานที่อัลลอฮฺทรงชื่นชอบ (รัก) มากที่สุดก็คือ

ผู้ที่ยังความดีอกดีใจมาให้แก่มุสลิม

หรือขจัดความทุกข์โศกให้หมดไปจากเขา

หรือใช้หนี้ให้กับเขา

หรือขจัดความหิวโหยให้หมดสิ้นไปจากเขา

     และแน่นอน การไปเป็นเพื่อนเพื่อทำธุระใด ๆ ให้แก่พี่น้องของเขานั้น เป็นที่ชื่นชอบ (รัก) ที่สุดแก่ฉัน ยิ่งกว่าการนั่งอยู่ในมัสยิดนี้ (หมายถึง มัสยิด อันนะบะวีย์) ถึงหนึ่งเดือนเสียอีก

 

 

     9. ไต่ถามถึงสารทุกข์สุกดิบของบรรดาพี่น้องของเขา และบรรดาผู้ที่เป็นที่รักของเขา และไปเยี่ยมเยียนของเขา ดังมีรายงานจากอบีฮุรอยเราะฮ์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แจ้งว่า :

 

     “มีชายคนหนึ่งได้ไปเยี่ยมพี่น้องคนหนึ่งของเขาที่เมืองหนึ่ง แล้วอัลลอฮฺก็ทรงส่งมลาอิกะฮ์ผู้ทำหน้าที่จดบันทึกเฝ้าดักรอเขาอยู่ เมื่อชายคนนั้นเดินทางมาถึง 

มลาอิกะฮ์จึงถามว่า : “ท่านต้องการจะไปไหน? 

ชายคนนั้นกล่าวว่า : “ฉันต้องการไปเยี่ยมพี่น้องคนหนึ่งของฉันที่อยู่ในเมืองนี้ 

มลาอิกะฮ์ถามว่า : “ท่านมีบุญคุณอะไรต่อเขาหรือเปล่า?” 

ชายคนนั้นตอบว่า : “เปล่า...ไม่มี...นอกจากฉันรักเขาในหนทางของอัลลอฮฺ 

     มลาอิกะฮฺจึงพูดว่า : “แท้จริง ฉันเป็นร่อซูล (ทูต) ของอัลลอฮฺ มายังท่าน เพื่อแจ้งให้ท่านได้ทราบว่า แท้จริง อัลลอฮฺทรงรักท่านเช่นเดียวกันกับที่ท่านรักเพื่อนของท่านในหนทางของพระองค์

(บันทึกโดย อิมามมุสลิม)

 

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :

     ผู้ใดที่ไปเยี่ยมคนป่วย หรือไปเยี่ยมพี่น้องของเขาในหนทางของอัลลอฮฺ จะมีผู้ร้องตะโกนขึ้นว่า ท่านทำดีแล้ว และก้าวย่างของท่านก็ประเสริฐแล้ว และท่านก็ได้เตรียมที่พำนักของท่านในสวรรค์เอาไว้แล้ว

(บันทึกโดย อิมามอัตติรมิซีย์)

 

 

     10. มอบของขวัญ และเลือกสิ่งดี ๆ มีประโยชน์ให้กับเขา เช่น หนังสือเกี่ยวกับอิสลาม เทปหรือซีดีที่เป็นประโยชน์ หรือไม้สีฟัน (มิสว๊าก) ฯลฯ เป็นต้น

 

ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เคยรับของขวัญ (ฮะดียะฮ์) และท่านก็ให้ฮะดียะฮ์กลับ (เป็นการตอบแทนบุญคุณ)”

(บันทึกโดย อิมามอัลบุคอรีย์ และอบูดาวู๊ด)

 

 

     โอ้ พระเจ้าของเรา ขอพระองค์อย่าได้ทรงให้ในหัวใจของเรามีความอาฆาต เคียดแค้นบรรดาผู้ที่ศรัทธาเลย

     และขอพระองค์ทรงอภัยให้แก่เรา และขอพระองค์ทรงเอ็นดุเมตตากรุณาเราด้วยเถิด

     แท้จริง พระองค์เท่านั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ และเป็นผู้ทรงเมตตากรุณาปราณีเสมอ

 

 

 

ที่มา : วารสารสายสัมพันธ์ มีนาคม - เมษายน 2560