ความบริสุทธิ์ใจ (อัลอิคล๊าศ) ในการทำงานศาสนา
โดย... อาจารย์ซาฟารี ไหมหมาด
มุสลิมทุกคนต้องมีความบริสุทธิ์ใจในการทำงาน การพูด การกระทำ การต่อสู้ในชีวิตทุกอย่าง ต้องเป็นไปเพื่อพระองค์อัลลอฮฺ แสวงหาความโปรดปรานจากพระองค์ และมุ่งหวังการตอบแทนที่ดีงามจากพระองค์ มิได้มุ่งหวังไปที่ผลประโยชน์ ความมีหน้ามีตา ฐานะทางสังคม หรือเพื่อชื่อเสียงเรียงนาม โดยเหตุนี้มุสลิมที่เป็นนักทำงาน นักต่อสู้ผู้เสียสละ ต้องมีหลักคิด มีหลักอะกีดะฮฺ ไม่ใช่นักต่อสู้เสียสละเพื่อผลประโยชน์และทรัพย์สิน
ความหมายของความบริสุทธิ์ใจ (อิคล๊าศ)
อิคล๊าศ หรือความบริสุทธิ์ใจ คือ การมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานเพื่อพระพักตร์ของพระองค์อัลลอฮฺ และพร้อมกันนั้นต้องขจัดทุกสิ่งที่ทำให้ความบริสุทธิ์ใจขุ่นมัว ที่เป็นเรื่องของดุนยา อย่าให้การทำงานของเรา ถูกคละเคล้าไปด้วยความอยากได้เพียงชั่วครู่ชั่วคราว ด้วยการมีเป้าหมายเพื่อทรัพย์สิน เงินทอง ฐานะ ตำแหน่ง ชื่อเสียง หรือเพื่อครองหัวใจของผู้คน เพื่ออยากได้คำชมเชย หรือเพราะกลัวคำติฉินนินทา หรือทำไปเพื่อความต้องการของอารมณ์ (นัฟซู) ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันจะมาทำให้การงานดี ๆ ของเรา ต้องบกพร่อง ซึ่งมันเกิดจากเจตนารมณ์และเป้าหมาย มิใช่เพื่อพระองค์
ดังนั้น ความบริสุทธิ์ใจดังกล่าวนี้ มันเป็นผลสะท้อนที่เกิดมาจากเตาฮีดที่สมบูรณ์แบบนั่น การให้เอกภาพต่ออัลลอฮฺในการอิบาดะฮฺต่อพระองค์ โดยเหตุนี้ถือว่าการโอ้อวดเป็นประเภทหนึ่งของการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ
ท่าน ซัดด๊าด บิน เอ๊าซ์ กล่าวว่า “ในยุคของท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พวกเราถือว่าการโอ้อวด (ริยาอฺ) นั้น เป็นชิริกเล็ก”
การงานที่อัลลอฮฺตอบรับนั้น ต้องประกอบด้วย 2 โครงสร้าง
การปฏิบัติการงานที่ดีทุกอย่าง อัลลอฮฺจะไม่ทรงตอบรับนอกจากต้องประกอบด้วยโครงสร้าง (รุก่น) ทั้งสอง คือ
หนึ่ง ความบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮฺ และมีเจตนารมณ์ (เหนียต) ที่ถูกต้อง
สอง ต้องตรงกับซุนนะฮฺของท่านนบี และบทบัญญัติของศาสนา
โครงสร้างข้อที่ 1 เป็นการสร้างความถูกต้องให้กับการทำงานของเราทางด้านภายในคือหัวใจ ส่วนโครงสร้างข้อที่ 2 เป็นการสร้างความถูกต้องด้านภายนอก
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า “แท้จริง การกระทำทั้งหลายนั้น (จะถูกต้องหรือไม่) ขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์" จึงเป็นตัวชี้วัดคามถูกต้องภายใน
โครงสร้างข้อที่ 2 ต้องตรงกับซุนนะฮฺและบทบัญญัติศาสนา
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “ผู้ใดปฏิบัติกิจการงานอย่างใดก็ตามหากมันไม่ได้มาจากคำสั่งของเรา ดังนั้น กิจการงานนั้น จะถูกตีกลับ”
คือ งานจะไม่ได้รับการตอบรับจากอัลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และกิจการงานนั้นถูกนำกลับสู่ผู้กระทำ ไม่ถึงอัลลอฮฺ โครงสร้างข้อนี้เป็นตัวชี้วัดความถูกต้องของกิจการงานด้านภายนอก คือ รูปแบบของงานว่าตรงกับซุนนะฮฺหรือไม่?
กิจการงานที่ถูกต้องได้นั้น ต้องประกอบทั้ง 2 ประการ ซึ่งอัลลอฮฺทรงรวมทั้ง 2 โครงสร้างนี้ไว้ด้วยกัน เรารู้ได้จากอายะฮฺต่าง ๆ มากมาย เช่น
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
“และผู้ใดถวายใบหน้าของเขา (มีความบริสุทธิ์ใจ) เพื่ออัลลอฮฺและเขาเป็นผู้กระทำคุณงามความดี
แน่นอน เขาได้ยึดห่วงอันมั่นคงแข็งแกร่งแล้ว”
(ลุกมาน 3 : 22)
การมอบใบหน้าเพื่ออัลลอฮฺ หมายถึง การมีเจตนาเป้าหมายในการทำงานเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทำงานด้วยความประณีตสวยงาม ปฏิบัติตามท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และซุนนะฮฺของท่าน
ท่าน อัลฟุฎัยล์ บิน อิย๊าฎ ได้อธิบายในคำตรัสของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ว่า
“เพื่อจะทดสอบพวกเจ้าว่า ผู้ใดบ้างในหมู่พวกเจ้า ที่มีการงานดียิ่งที่สุดกว่ากัน”
(อัลมุลก์ 67 : 2)
การงานที่ดียิ่งขึ้น หมายถึง มีความบริสุทธิ์ใจมากกว่า และมีความถูกต้องมากกว่า
มีคนมาถามท่านว่า โอ้ อะบู อลี มีความบริสุทธิ์ใจมากกว่าและถูกต้องมากกว่าเป็นอย่างไร?
ท่านตอบว่า แท้จริง การงานที่มีความบริสุทธิ์ใจแต่ไม่ถูกต้อง (ตามแบบอย่างซุนนะฮฺ) แต่ไม่มีความบริสุทธิ์ใจนั้น ต้องเพื่อ
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และความถูกต้อง ต้องวางอยู่บนแนวทางซุนนะฮฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
จากนั้น ท่านอัลฟุฎัยล์ได้อ่านอายะฮฺที่ว่า
“ดังนั้น ผู้ใดหวังที่จะพบพระผู้เป็นเจ้าของเขา ก็ให้เขาประกอบการงานที่ดี
และอย่าตั้งผู้ใดเป็นภาคีในการเคารพภักดี ต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขาเลย”
(อัลกะฮฺฟิ 18 : 110)
ดังนั้น ลำพังเพียงแค่ความบริสุทธิ์ใจอย่างเดียวในการทำงาน อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะไม่ทรงตอบรับ หากงานนั้น ไม่ตรงและไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติศาสนา และซุนนะฮฺที่มีสายรายงานที่ถูกต้องเชื่อถือได้
ตัวบ่งชี้ถึงความบริสุทธิ์ใจในการทำงานศาสนา
แน่นอน ความบริสุทธิ์ใจในการทำงานนั้น มิใช่เพียงแค่คำขวัญของการทำงาน หรือคำพูดที่สวยหรูในความบริสุทธิ์ใจของเขา แต่ความบริสุทธิ์ใจในการทำงานนั้น เราจะพบได้จากตัวบ่งชี้และสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏออกมาของผู้ทำงาน ข้อพิสูจน์เหล่านี้ เราสามารถนำมาพิสูจน์ตัวเราเองว่า เรามีความบริสุทธิ์ใจแค่ไหน ในการทำงานศาสนาของเรา?
1. ไม่ชอบการทำงานที่ต้องโอ้อวดผลงาน และทำให้มีชื่อเสียงต่อตัวเขาเอง และงานศาสนาของเขา เฉพาะอย่างยิ่ง คนที่มีพรสวรรค์ มีความสามารถที่โดดเด่น เพราะเขาเชื่อมั่นว่า แท้จริงการงานที่อัลลอฮฺทรง ตอบรับนั้น คือการงานที่ไม่โพนทะนา ปกปิดซ้อนเร้น มิใช่การงานที่เปิดเผยโอ้อวด
สิ่งนี้ อุละมาอฺสะลัฟ ต่างก็มีความตระหนัก เพราะพวกเขากลัวว่าหัวใจของพวกเขานั้นถูกทดสอบด้วยความโด่งดัง มีหน้ามีตา มีชื่อเสียง พวกเขาพยายามพร่ำสอนให้ลูกศิษย์ ลูกหาของพวกเขา ระมัดระวังสิ่งเหล่านี้
2. ผู้ที่มีความบริสุทธิ์ใจนั้น มักจะตำหนิตัวเองอยู่เสมอว่าตัวเองนั้น ยังมีความหย่อนยานในหน้าที่ของเขาต่ออัลลอฮฺ และยังมีความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ต่ออัลลอฮฺ เขาจะไม่ให้ความทะนง ความหลงตัวเอง เข้ามาหลอกลวงหัวใจของเขาเป็นอันขาด แต่เขาจะต้องหวั่นวิตกว่า บาปของเขา อัลลอฮฺจะอภัยให้เขาหรือไม่? เขาเกรงว่าความดีที่เขาทำไว้ อัลลอฮฺจะรับของเขาหรือไม่?
มีรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ว่า ฉันได้ถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จากอายะฮฺนี้ว่า
“และบรรดาผู้ที่บริจาคสิ่งที่พวกเขาได้มา โดยที่จิตใจของเขาเปี่ยมได้ด้วยความหวั่นเกรงว่า แท้จริง พวกเขาต้องกลับไปหาพระเจ้าของพวกเขา”
(อัลมุอฺมินูน 23 : 60)
ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า (ทำไมต้องหวั่นที่ต้องกลับไปหาพระเจ้าของพวกเขา) พวกเขาเป็นผู้ที่ดื่มสุรา ลักขโมยหรือ?
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า “เปล่าหรอก โอ้ ลูกสาว ของอบูบักรฺเอ๋ย ทว่า พวกเขาเป็นผู้ที่ถือศีลอด ละหมาด บริจาคแต่พวกเขากลัวว่าการงานของพวกเขา จะไม่ได้รับการตอบรับจากอัลลอฮฺต่างหาก”
นี่แหละคือ บรรดาผู้ที่แข่งขันกันกระทำความดี
3. การทำงานแบบเงียบ ๆ อัลลอฮฺทรงรักใคร่ยิ่งกว่าการทำงานแบบถูกห้อมล้อมท่ามกลางเสียงกล่าวขานชมเชยขานชมเชยของมหาชน เพราะการทำงานแบบเงียบ ๆ มันก็ส่งผลต่อสังคมและส่วนรวมได้เช่นเดียวกัน เหมือนกับรากของต้นไม้ ต้นไม่ที่ยืนต้นตระหง่านอยู่ได้ ก็เพราะรากทำหน้าที่คอยช่วยพยุงลำต้นไว้ให้มั่นคง แม้ตัวของมันเองถูกปกปิดอยู่ใต้ดิน ไม่มีคใครเคยเห็นมันก็ตาม
มีรายงานจากอุมัร อิบนุล ค็อฏฏ็อบ ว่า วันหนึ่ง เขาได้ออกจากมัสญิดท่านนบี แล้วมาพบท่านมุอ๊าซ บิน ญะบัล นั่งร้องห่มร้องไห้อยู่ที่กุบู๊รของท่านนบี อุมัรก็ได้ถามว่า เรื่องอะไรที่ต้องทำให้เจ้าร้องไห้ เพราะมีสิ่งหนึ่งที่ฉันได้ยินท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พูดว่า
“แท้จริง สิ่งเล็กน้อยจากการโอ้อวดนั้น เป็นชิริก (การตั้งภาคี) แท้จริง ใครที่เป็นศัตรูต่อวะลีย์ของอัลลอฮฺ อัลลอฮฺจะเปิดเผยการเป็นศัตรูสู้รบกับพระองค์ แท้จริง อัลลอฮฺทรงรักใคร่บรรดาคนดี คนมีความยำเกรง คนที่ไม่ชอบเปิดเผย คือบุคคลที่เมื่อเขาไม่ได้มาร่วม (ในที่ชุมนุม) ก็ไม่มีใครถามถึงพวกเขา และหากพวกเขามาร่วมชุมนุม ก็ไม่มีใครเรียกหาพวกเขา และไม่มีใครรู้จักเขา หัวใจของพวกเขาดุจดังตะเกียงส่องทางนำ พวกเขาจะถูกนำออกมาจากทุก ๆ ที่ แม้มีฝุ่นปกคลุมมืดมิดก็ตาม”
4. เขาจะทำงานอย่างต่อเนื่องเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้นำหรือผู้ตาม ในเมื่องานทั้งสองสถานะนั้น เป็นงานรับใช้ศาสนาของอัลลอฮฺ ดังนั้น ความอยากโดดเด่น ไม่อาจที่จะมาครอบครองหัวใจของเขาได้ ไม่อาจที่จะทำให้เขาต้องแตกแถวหรือปลีกตัวออกห่างจากสังคม บางที การเป็นผู้ตามอาจจะทำให้เขามีความระมัดระวังความบกพร่องในหน้าที่ของผู้นำ และติดตามการทำงานของผู้นำได้ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสภาพใด เขาจะแบบรับภาระหน้าที่มิใช่เพื่อตัวเอง แต่เขาทำเพราะเป็นสิทธิและหน้าที่ของเขา
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ดุอาอฺให้แก่กลุ่มคนที่มีลักษณะเช่นนี้ว่า “ขอความจำเริญจงมีแด่บ่าวคนหนึ่ง ที่เขาต้องตระเวนอยู่ในสมรภูมิในหนทางของอัลลอฮฺ ผมเผ้ารุงรัง เท้าทั้งสองต้องคลุกฝุ่น หากเขาให้อยู่ในส่วนหน้า เขาก็จะอยู่ในส่วนหน้า หากให้เขาติดตามกองทัพส่วนหลังเขาก็จะติดตามกองทัพส่วนหลัง...”
ขออัลลอฮฺทรงพอพระทัยแด่ท่านคอลิด บิน วาลีด ท่านถูกปลดจากการเป็นแม่ทัพ ทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นแม่ทัพนำพาชัยชนะมาทุกครั้ง แล้วท่านก็มาปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การนำของท่านอะบี อุบัยดะฮฺ โดยที่ท่านมิได้แสดงออกถึงความเบื่อหน่ายหรือผิดหวังแต่ประการใด
5. ต้องไม่แคร์ต่อความพึงพอใจของมนุษย์ เมื่อความพึงพอใจของมนุษย์นั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงกริ้วโกรธ เพราะมนุษย์นั้น มีความคิด ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างหลากหลาย หากเรามีเป้าหมายเพื่อให้มนุษย์พึงพอใจเรา เราไม่อาจได้รับความพึงพอใจจากพวกเขา
ดังนั้น คนที่มีความบริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮฺ จิตใจของพวกเขารู้สึกผ่อนคลายจากความทุกข์ยากลำบาก ทำให้เขามีความสุข เพราะเขามีคติประจำตัวคือ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั้น ทรงอยู่กับเขา เขาทำงานเสมือนเขาเห็นอัลลอฮฺอยู่ต่อหน้าเขา หากเขาไม่เห็นพระองค์ แน่นอนพระองค์ทรงเห็นเขาทุกขณะ
6. ต้องให้ความรัก ความโกรธ การให้ การขัดขวาง และความพอใจ ความเกลียดชัง เพื่ออัลลอฮฺและเพื่อศาสนาของพระองค์เท่านั้น มิใช่เพื่อตัวเอง และเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เขาต้องไม่เป็นดังบรรดามุนาฟิกีนที่หวังผลประโยชน์ ซึ่งอัลลอฮฺได้ทรงตำหนิพวกเขาไว้ในคัมภีร์ อัลกุรอานว่า
“และในหมู่พวกเขานั้น มีผู้ตำหนิเจ้าในเรื่องสิ่งบริจาค ถ้าหากพวกเขาได้รับสิ่งบริจาคนั้น พวกเขาก็ยินดี
และหากพวกเขามิได้รับจากสิ่งบริจาคนั้น ทันใดพวกเขาก็โกรธ”
(อัตเตาว์บะฮฺ 9 : 58)
บางที่ เราอาจจะพบคนทำงานในสังคมของเรา เมื่อเห็นว่าคนอื่นได้รับประโยชน์โดยที่เราไม่ได้รับ หรือพี่น้องพูดให้ร้ายหรือทำให้เสียความรู้สึก เรามักจะโกรธทันที และพูดให้ร้ายเขากลับไปทันที บางทีก็น้อยใจละทิ้งภาระหน้าที่การงาน สุดท้าย ก็อาจตีตัวออกห่าง หรือไม่ก็ไปตั้งกลุ่มองค์กรใหม่ขึ้นมา
การมีความบริสุทธิ์ใจนั้น จะทำให้เขาทำงานเพื่อเป้าหมายคืออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา แม้ว่า เขาต้องเผชิญกับคนที่มักทำงานผิดพลาด อาจต้องเจอกับคนที่บกพร่องในการทำงาน หรือต้องเจอกับคนที่ไม่ค่อยรับผิดชอบบ้างก็ตาม เพราะเราทำงานเพื่ออัลลอฮฺ มิใช่เพื่อตัวเราเองหรือเพื่อพวกพ้องของเรา หรือเพื่อคนนั้น คนนี้แต่ประการใด
งานศาสนานั้น มันไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของใคร หรือผู้ใดเป็นเจ้าของ มันคือการงานเผยแพร่แก่สังคม จึงเป็นสิ่งไม่ถูกต้องการที่ใครคนใด คิดที่จะละทิ้งหรือสลัดตัวเองออกจากการทำงานศาสนานี้ เพียงเพราะต้องพบเจอกับนิสัยหรือบุคลิกของคนนั้น คนนี้
7. ต้องไม่คิดว่า เขาต้องแบกรับภาระงานนี้ตลอดเส้นทางจนกระทั่งได้พบกับความสำเร็จในยุคของเขา จนต้องเคร่งเครียดกับความสำเร็จหรือชัยชนะ ดังนั้น เขามิได้ทำงานเพื่อความสำเร็จหรือเพื่อชัยชนะเพียงอย่างเดียว แต่ทว่า เขาทำงานเพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์
อัลลอฮฺมิได้สอบสวนเราว่า ทำไมคุณทำงานไม่สำเร็จ แต่สิ่งที่พระองค์ทรงสอบสวนเราคือ ทำไมเราถึงไม่ทำงานศาสนาของพระองค์?
8. ต้องยินดีต่อผู้ที่มีความสามารถ และเปิดโอกาสแก่พวกเขา แม้จะต้องมายืนอยู่ในตำแหน่งของเราก็ตาม โดยไม่สร้างความกดดัน หรือสร้างความลำบากแก่พวกเขา หากเขาขึ้นมาเป็นผู้นำ เราก็พร้อมที่จะมอบการเชื่อฟังปฏิบัติตาม และมีความสุขกับการที่ได้เดินตามหลังพวกเขา
จำเป็นต้องมีความบริสุทธิ์ใจ (อิคล๊าศ) ในการทำงานศาสนา
การทำงานเพื่อให้ศาสนาของเรามีความเจริญและมั่นคงพัฒนาเยาวชนและสังคม เพื่อให้ศาสนาได้นำพาชีวิตด้วยอะกีดะฮฺที่ถูกต้อง ด้วยบทบัญญัติศาสนา ด้วยอัคล๊ากจากซุนนะฮฺของท่านนบี และไปสู่ความรุ่งเรืองเหมือนยุคของบรรดาสะละฟุซศอและฮฺถือว่า เป็นอิบาดะฮฺ และเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้ใกล้ชิดอัลลอฮฺ ดังนั้น การทำงานนี้ จึงต้องอาศัยเหนียตที่บริสุทธิ์ไม่มีสิ่งเจือปกเข้ามาทำลายการงานของเรา ทำลายจิตใตของเรา และทำลายความรัก ความเป็นปึกแผ่นของพวกเรา จนที่สุด ผลบุญของเราต้องมลายหายไป
โดยเหตุผลนี้เอง ท่านอิมา อัลบุคอรีย์ จึงเริ่มต้นในการเขียนตำราของท่านที่ชื่อ “อัลญาเมี๊ยะ อัศเศาะฮี๊ฮฺ” ด้วยฮะดีษที่บรรดาอุละมาอฺบอกว่า เป็น 1 ส่วน 3 ของอิสลาม คือ
“แท้จริง การงานต่าง ๆ (จะได้รับผลบุญหรือไม่นั้น) ขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์ของเขา และแท้จริง ทุก ๆ คนนั้น เขาจะได้รับผลตอบแทนตามที่เขาได้ตั้งเจตนารมณ์ไว้
ดังนั้น ผู้ใดที่การอพยพของเขาเป็นไปเพื่ออัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ การฮิจญ์เราะฮฺของเขาก็จะเป็นไปเพื่ออัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์
และผู้ใดที่การอพยพของเขาเพื่อประโยชน์ทางดุนยาที่เขาจะได้รับ หรือเพื่อสตรีที่เขาจะแต่งงานด้วย ดังนั้น การอพยพของเขานั้น ก็จะได้รับตามที่เขามีเจตนารมณ์ไว้”
(บันทึกโดย อิมาม อัลบุคอรีย์ และอิมาม มุสลิม)
หากเราศึกษาถึงมูลเหตุของฮะดิษบทนี้ เราจะพบว่า ที่มาของฮะดิษนี้ เนื่องจากมีชายคนหนึ่งได้อพยพไปเมืองมะดีนะฮฺ เพราะตามสตรีท่านหนึ่งซึ่งเขารักเธอ มีฉายาว่า อุมมุ ก็อยซฺ ชายผู้นี้จึงถูกขนานนามว่า ผู้อพยพของอุมมุ ก็อยซฺ (มุฮาณิร อุมมุ ก็อยซฺ)
ดังนั้น มุสลิมทุกคน จำเป็นที่เขาจะต้องสำรวจตรวจค้นภายในหัวใจของเขาว่า อะไรคือข้อเท็จจริงในเจตนารมณ์ของและแรงขับเคลื่อนนั้น มันเกิดจากสิ่งใด หากมันเกิดจากผลประโยชน์ทางดุนยาหรือชัยฏอน เราก็ต้องปิดช่องทางการเข้ามาของสิ่งเหล่านั้น ที่นอกเหนือจากเจตนารมณ์เพื่ออัลลอฮฺ และจงทำให้เหนียตของเรานั้น บริสุทธิ์ปราศจากเจตนารมณ์อย่างอื่นเข้ามาปะปนเด็ดขาด
สัจธรรม ความยุติธรรม ความดี ไม่อาจที่จะแผ่ปกคลุมชีวิตและสังคมของพวกเราได้ ในเมื่อบรรดานักทำงาน นักเสียสละ นักปฏิรูป ทำงานศาสนาโดยได้ขายอุดมการณ์ในการทำงานนั้น เพียงเพื่อผลประโยชน์ และเพื่อแสวงหาปัจจัยทางดุนยา แต่สัจธรรม ความยุติธรรม ความดีงาม จะได้รับความมั่นคงในสังคมของเราได้ ต้องอาศัยความบริสุทธิ์ใจ ความเชื่อมั่นในการทำงานเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ต้องเป็นผู้ที่เสียสละ มิใช่เป็นผู้รับผลประโยชน์ เป็นผู้ให้ มิใช่เป็นผู้รับ
โรคร้ายที่เกาะกินหัวใจ ซึ่งทำให้เจตนารมณ์ที่บริสุทธิ์ ถูกคละเคล้าไปด้วยสิ่งต่าง ๆ สุดท้าย ทำให้การงานของเราที่ทำไปจะสูญเปล่า ไร้ผล ถูกทำลาย โดยที่เราจะไม่ได้รับผลบุญจากผลงานที่เราได้สร้างไว้เลย แม้แต่น้อย
วัลลอฮุ อะลัม
ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปีโรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร 2560