อย่าพิสมัยสิ่งที่พวกเขา(ผู้ปฏิเสธ)ได้รับ
อับดุลสลาม เพชรทองคำ
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงมีคำสั่งใช้ให้เราป้องกันตัวของเราและครอบครัวของเราไม่ให้กลายเป็นเชื้อเพลิงให้กับไฟนรกในวันกิยามะฮฺ ดังนั้น การดำเนินชีวิตของเราในทุก ๆวัน เราจึงต้องมีความระมัดระวังตัวเรา และดูแลครอบครัวของเราไม่ให้ต้องกลายเป็นเชื้อเพลิงให้กับไฟนรก โดยการที่เราต้องพยายามศึกษาเรียนรู้ ทำความเข้าใจในบทบัญญัติศาสนาที่ถูกต้องของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เมื่อได้เรียนรู้แล้ว เข้าใจแล้วก็ให้ปฏิบัติในสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้ โดยพยายามทำให้มันสุดความสามารถของเรา และในขณะเดียวกัน เราต้องออกห่างและละทิ้งจากสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงห้ามโดยสิ้นเชิง พร้อมกันนั้นก็ต้องปฏิบัติอิบาดะฮฺทุกอย่างให้ตรงตามแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมด้วย
ตลอดเส้นทางการดำเนินชีวิตของคนเรา ก็มักจะมีความปรารถนา มีความต้องการชีวิตที่มีความสุข ความสบาย มีความมั่งคั่งร่ำรวย มีทรัพย์สินเงินทองใช้สอยไม่ขาดมือ มีเป้าหมายในชีวิตอยากให้ชีวิตประสบความสำเร็จ ได้รับความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน มีเกียรติยศชื่อเสียง เป็นที่นับหน้าถือตาในสังคม มนุษย์เราก็เลยสาละวนอยู่กับการทำมาหากิน หาวิธีการต่าง ๆเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งต่าง ๆที่ตัวเรามีความปรารถนา ..
เราอยู่ในสังคมที่เห็นคนที่เขาเป็นกาฟิรสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำ อยากเสพสุขในเรื่องใด ๆเขาก็สามารถทำได้ อยากกินดอกเบี้ยก็กินได้ตามสบาย ใช้ชีวิตแบบเต็มที่ ...จริงอยู่ ที่สิ่งต่าง ๆเหล่านี้ อาจจะมีความจำเป็นในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา แต่สำหรับมุสลิมแล้ว เราไม่สามารถใช้ชีวิตได้เต็มที่แบบที่กาฟิรเขาทำกัน เพราะกาฟิรเขาไม่ได้เชื่อมั่นศรัทธาในการมีอยู่จริงของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และไม่เชื่อมั่นศรัทธาต่อโลกหน้า ไม่เชื่อในการพิพากษาตัดสินในวันกิยามะฮฺ ...
ในขณะที่มุสลิมเราเชื่อมั่นศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาและโลกอาคิเราะฮฺ มุสลิมจึงต้องมีกรอบ มุสลิมจึงต้องไม่ลุ่มหลงในความสุขความสบายในโลกดุนยา ไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องราวของโลกดุนยา ไม่ยึดมั่นให้โลกดุนยามันเป็นเป้าหมายในการดำเนินชีวิตของเรา เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มันคอยแต่จะทำให้เราหลงออกไปจากทางนำที่ถูกต้องของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ ซึ่งในท้ายที่สุดมันก็จะไปส่งผลให้เราได้รับความทุกข์ทรมานในวันกิยามะฮฺ ..
ดังนั้น มุสลิมเราจึงต้องทำให้อยู่ในกรอบ อยู่ในขอบเขตบทบัญญัติศาสนาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาที่ทรงกำหนดไว้
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสเตือนมุสลิมเราไว้ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอาละอิมรอน อายะฮฺที่ 196 - 198 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
لَا يَغُرَّنَّكَ تَقَلُّبُ ٱلَّذِينَ كَفَرُواْ فِي ٱلۡبِلَٰدِ ١٩٦
"อย่าให้การเคลื่อนไหวของบรรดากาฟิร(หรือของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา)ในเมือง มาลวงเจ้าได้เป็นอันขาด”
นั่นก็หมายความว่า เราอย่าให้สิ่งที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวันของเรา เห็นคนกาฟิร คนที่เขาปฏิเสธศรัทธาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขความสบายอย่างเต็มที่ เห็นเขาเอาเปรียบผู้คนได้ ..เห็นเขาไม่สนใจระบบความยุติธรรม ทำสิ่งถูกให้กลายเป็นสิ่งผิด ฟอกของผิดให้กลายเป็นของถูก พูดจาโกหกหลอกลวง แต่พวกเขาก็กลับได้รับการยกย่องเชิดชู ไม่เห็นจะได้รับการลงโทษอะไร ...
เห็นบรรดาคนกาฟิรเขาทำมาค้าขาย ทำธุรกิจต่าง ๆโดยกินดอกเบี้ยได้อย่างสบายใจ ได้รับผลประโยชน์มากมาย ได้รับเงินทองมากมาย พอมีเงินทองมากมาย มีฐานะมั่งคั่งร่ำรวย ก็เป็นที่มาของการได้รับการยกย่องเชิดชูในสังคม เมื่อเราพบเจอแบบนี้มาก ๆเข้า เราก็อาจจะหลงคล้อยตามไปเห็นดีเห็นงามกับวิธีการของพวกเขา หรือสิ่งที่พวกเขาได้รับ อยากจะทำแบบพวกเขาบ้าง อยากจะได้รับแบบพวกเขาบ้าง ...
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจึงทรงเตือนเราว่า เราอย่าได้ไปหลงคล้อยตามกับสิ่งต่าง ๆเหล่านี้ ..เพราะอะไร ?
مَتَٰعٞ قَلِيلٞ ثُمَّ مَأۡوَىٰهُمۡ جَهَنَّمُۖ وَبِئۡسَ ٱلۡمِهَادُ ١٩٧
“มันเป็นสิ่งอำนวยประโยชน์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ที่อยู่ที่พำนักของพวกเขานั้นคือนรกญะฮันนัม
ซึ่งเป็นที่อยู่ที่พำนักอันเลวร้ายจริง ๆ เลวร้ายอย่างที่สุด”
นั่นก็หมายความว่า อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงเตือนเรา อย่าหลงไปเห็นดีเห็นงามกับสิ่งดี ๆที่บรรดากาฟิรเขาได้รับ เพราะว่า สิ่งดี ๆเหล่านั้นมันเป็นสิ่งอำนวยประโยชน์ หรือมันเป็นความสุขเพียงระยะเวลาชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น เป็นความสุขบนโลกดุนยาในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว บั้นปลายของพวกเขาต้องไปได้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัสในนรกญะฮันนัมอย่างยาวนานตลอดกาล ..และการที่พวกเขา บรรดากาฟิรได้รับความสุขความสำราญต่าง ๆบนโลกดุนยานี้นั้น ก็ไม่ได้เป็นเครื่องหมายบ่งบอกว่า อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงรักเขาแต่อย่างใด
ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 55 – 56 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
أَيَحۡسَبُونَ أَنَّمَا نُمِدُّهُم بِهِۦ مِن مَّالٖ وَبَنِينَ ٥٥ نُسَارِعُ لَهُمۡ فِي ٱلۡخَيۡرَٰتِۚ بَل لَّا يَشۡعُرُونَ ٥٦
"พวกเขา(บรรดากาฟิร)คิดหรือว่า สิ่งต่าง ๆที่เราได้ให้แก่พวกเขา เช่น ทรัพย์สมบัติ และลูกหลานนั้น เราได้รีบเร่งให้สิ่งดีต่าง ๆ แก่พวกเขา ...ไมใช่เช่นนั้นเลย แต่ทว่า(เป็นเพราะ)พวกเขาไม่ได้รู้สึกสำนึกต่างหาก"
นั่นก็หมายความว่า บรรดาคนที่เขาเป็นกาฟิร พวกเขาคิดเอาเองว่า การที่พวกเขาได้รับสิ่งดี ๆ มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย มีลูกหลานมากมาย ถึงแม้เขาจะปฏิเสธ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ดื้อดึงต่อพระองค์ ฝ่าฝืนต่อพระองค์ แต่พวกเขาก็ยังได้รับสิ่งดี ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่เห็นจะได้รับการลงโทษอะไร ...แต่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงบอกว่า การที่พวกเขาได้รับสิ่งดีต่าง ๆมากมายอย่างต่อเนื่องนั้น มันไม่ใช่เครื่องหมายบ่งบอกว่า พระองค์ทรงรักพวกเขาแต่อย่างใด แต่พวกเขาไม่ได้รู้สำนึกเลยว่า การที่พวกเขาได้รับสิ่งดีต่าง ๆ มากมายอย่างต่อเนื่องนั้น มันเป็นเพราะพระองค์ทรงประสงค์จะยืดเวลาออกไป เพื่อที่พระองค์จะทรงเพิ่มบาปให้แก่พวกเขา และทรงเพิ่มการลงโทษให้แก่พวกเขา อันเนื่องมาจากการที่พวกเขาฝ่าฝืนต่อพระองค์
ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอาละอิมรอน อายะฮฺที่ 178 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า
وَلَا يَحۡسَبَنَّ ٱلَّذِينَ كَفَرُوٓاْ أَنَّمَا نُمۡلِي لَهُمۡ خَيۡرٞ لِّأَنفُسِهِمۡۚ إِنَّمَا نُمۡلِي لَهُمۡ لِيَزۡدَادُوٓاْ إِثۡمٗاۖ وَلَهُمۡ عَذَابٞ مُّهِينٞ ١٧٨
"และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น พวกเขาจงอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่า การที่เราประวิงเวลาให้แก่พวกเขานั้น มันเป็นการดีแก่ตัวของพวกเขา
แต่ทว่า แท้ที่จริงแล้ว การที่เราประวิงเวลาให้แก่พวกเขานั้น ก็เพื่อพวกเขาจะได้เพิ่มพูนซึ่งบาปที่มากยิ่งขึ้น และสำหรับพวกเขานั้นคือมันการลงโทษอันอัปยศ"
ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเองก็ได้สำทับเราในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน อัลหะดีษ(เศาะหิหฺ) ในบันทึกมุสนัดอิมามอะหฺมัด รายงานจากท่านอุกบะฮฺ บินอามิร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า
إِذَا رَأَيْتَ اللَّهَ يُعْطِي الْعَبْدَ مِنَ الدُّنْيَا عَلَى مَعَاصِيهِ مَا يُحِبُّ، فَإِنَّمَا هُوَ اسْتِدْرَاجٌ »
"ถ้าท่านเห็นว่าอัลลอฮฺทรงประทานความสุขสบายในโลกดุนยาให้แก่คนใดคนหนึ่งอย่างมากมาย ทั้ง ๆที่เขาผู้นั้นจมปลักอยู่กับบาป หลงอยู่กับการทำความผิดและฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติอยู่เสมอ ๆ ...ดังนั้น ก็พึงทราบเถิดว่า สิ่งนั้นมันเป็นเพียงการประวิงเวลาเพื่อให้เขาชะล่าใจเท่านั้น"
แล้วท่านนบี ก็ได้อ่านอายะฮฺที่ 44 ในซูเราะฮฺอันอามที่ว่า
فَلَمَّا نَسُواْ مَا ذُكِّرُواْ بِهِۦ فَتَحۡنَا عَلَيۡهِمۡ أَبۡوَٰبَ كُلِّ شَيۡءٍ حَتَّىٰٓ إِذَا فَرِحُواْ بِمَآ أُوتُوٓاْ أَخَذۡنَٰهُم بَغۡتَةٗ فَإِذَا هُم مُّبۡلِسُونَ ٤٤
"ครั้นเมื่อพวกเขาลืมสิ่งที่พวกเขาถูกเตือนให้รำลึก เราก็เปิดซึ่งบรรดาประตูของทุกสิ่งแก่พวกเขาจนกระทั่งเมื่อพวกเขายังคงระเริงต่อสิ่งที่พวกเขาได้รับ เราก็ลงโทษพวกเขาโดยกะทันหัน แล้วทันใดนั้นพวกเขาก็หมดหวัง"
นั่นก็หมายความว่า การที่บรรดากาฟิรหันเหหรือหันหลังให้กับบทบัญญัติศาสนาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา โดยไม่สนใจไยดี ไม่นำพาต่ออะไรทั้งสิ้น...เมื่อเป็นอย่างนี้ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็จะทรงเปิดทางสะดวกให้แก่พวกเขา ในการที่พวกเขาจะทำสิ่งที่พวกเขาเลือก และให้เขาได้ทำอย่างเต็มที่ แล้วพวกเขาก็หลงระเริงอยู่ในสิ่งที่พวกเขาได้รับ แล้วในฉับพลันทันทีที่เมื่อถึงเวลาที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงกำหนด พระองค์ก็จะทรงลงโทษพวกเขาในทันทีทันใด ในขณะที่พวกเขากำลังเพลิดเพลินอยู่กับความสุขความสบาย หลงระเริงอยู่กับสิ่งต่าง ๆ ที่พวกเขาได้รับ เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาก็ مُّبۡلِسُونَ ก็คือหมดหวัง สิ้นหวังในทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะความสุขต่าง ๆทั้งหมดที่พวกเขาเคยได้รับ มันก็จบสิ้น สูญสลายหายไปทั้งหมด อีกทั้งยังไม่ได้รับรางวัลตอบแทนความดีใด ๆทั้งสิ้น แต่กลับจะต้องได้รับการลงโทษอีกด้วย
ดังนั้น ใครก็ตามที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้เขาได้รับริสกีอย่างกว้างขวาง ได้รับความสุขความสบาย ได้รับสิ่งดีงามตามที่พวกเขาปรารถนา แล้วพวกเขากลับไม่ได้สำนึกในบุญคุณของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเลย ยังคงฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติศาสนาของพระองค์ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างนี้แล้ว ثُمَّ مَأۡوَىٰهُمۡ جَهَنَّمُۖ وَبِئۡسَ ٱلۡمِهَادُ ในวันกิยามะฮฺ ที่อยู่ที่พำนักของพวกเขานั้นคือนรกญะฮันนัม ..ซึ่งเป็นที่อยู่ที่พำนักอันเลวร้ายจริง ๆ เลวร้ายอย่างที่สุด ซึ่งพวกเขาก็จะได้รับการลงโทษในไฟนรก และต้องไปพำนักในนรกนั้นตลอดกาล
สำหรับในส่วนของบรรดาผู้ศรัทธานั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ตรัสต่อไปในอายะฮฺที่ 198 ของซูเราะฮฺอาละอิมรอนว่า
لَٰكِنِ ٱلَّذِينَ ٱتَّقَوۡاْ رَبَّهُمۡ لَهُمۡ جَنَّٰتٞ تَجۡرِي مِن تَحۡتِهَا ٱلۡأَنۡهَٰرُ خَٰلِدِينَ فِيهَا نُزُلٗا مِّنۡ عِندِ ٱللَّهِۗ وَمَا عِندَ ٱللَّهِ خَيۡرٞ لِّلۡأَبۡرَارِ ١٩٨
“ส่วนสำหรับบรรดาผู้ยำเกรงพระเจ้าของพวกเขานั้น พวกเขา(จะได้รับซึ่ง)บรรดาสวนสวรรค์ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่เบื้องล่างของสวนสวรรค์เหล่านั้น
โดยที่พวกเขาจะได้พำนักอยู่ในสวนสวรรค์เหล่านั้นตลอดกาล ทั้งนี้เป็นสถานที่รับรองที่มาจากอัลลอฮฺ และสิ่งที่มีอยู่ ณ อัลลอฮฺนั้น คือสิ่งที่ดียิ่งสำหรับผู้ที่เป็นคนดีทั้งหลาย"
ลำหรับผู้ที่เป็นคนดีทั้งหลาย ก็หมายถึง ผู้ศรัทธาที่ทั้งคำพูดและการกระทำของเขาล้วนแสดงออกถึงความดีงาม เพราะเหตุนี้ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาผู้ทรงเมตตาจึงทรงตอบแทนรางวัลให้แก่พวกเขา ด้วยรางวัลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่มหาศาล และประทานความสุขสบายให้แก่ผู้ศรัทธาตลอดชั่วนิรันดร
นั่นก็คือ ความแตกต่างที่บรรดาผู้ศรัทธากับบรรดากาฟิรจะได้รับในโลกอาคิเราะฮฺ จะเห็นว่ามันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อัลหะดีษ ในบันทึกของอิมามมุสลิม รายงานจากท่านอนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า
« إِنَّ اللهَ لَا يَظْلِمُ مُؤْمِنًا حَسَنَةً، يُعْطَى بِهَا فِي الدُّنْيَا وَيُجْزَى بِهَا فِي الْآخِرَةِ، وَأَمَّا الْكَافِرُ فَيُطْعَمُ بِحَسَنَاتِ مَا عَمِلَ بِهَا لِلَّهِ فِي الدُّنْيَا، حَتَّى إِذَا أَفْضَى إِلَى الْآخِرَةِ، لَمْ تَكُنْ»لَهُ حَسَنَةٌ يُجْزَى بِهَا
“อัลลอฮฺจะไม่ทรงอธรรมต่อผู้ศรัทธากับความดีใด ๆ ที่เขาได้กระทำไป โดยเขาจะได้รับรางวัลตอบแทนจากการทำความดีนั้นในโลกดุนยา และยังจะได้รับรางวัลตอบแทนในโลกอาคิเราะฮฺอีกด้วย ...
ส่วนสำหรับผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น คุณงามความดีใด ๆ ที่เขากระทำไปในโลกดุยา เขาก็จะได้รับรางวัลตอบแทนเฉพาะในโลกดุนยานั้นทันที แต่ครั้นเมื่อเขาไปยังโลกอาคิเราะฮฺแล้ว เขาก็จะไม่ได้รับรางวัลตอบแทนใด ๆ อีกแล้ว”
นั่นก็คือ เมื่อบรรดาผู้ศรัทธาทำอะมัลศอลิหฺ เขาจะได้รับรางวัลตอบแทนทั้งในโลกดุนยานี้และโลกอาคิเราะฮฺเขาก็ยังได้รับอีกด้วย และได้รับอย่างตลอดกาล ..ในขณะที่บรรดากาฟิร หรือบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาที่ได้ทำความดีบนโลกดุนยา เขาก็จะได้รับรางวัลตอบแทนบนโลกดุนยาในทันที พอไปถึงโลกอาคิเราะฮฺ เขาก็จะไม่ได้รับรางวัลตอบแทนความดีใด ๆอีกแล้ว แต่กลับต้องถูกลงโทษในนรกตลอดกาล
ดังนั้น ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา เมื่อเราเห็นบรรดากาฟิร เขาใช้ชีวิตอย่างสุดหรู ใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญ อย่างไม่มีขอบเขต เข้าคลับเข้าบาร์ ร้องรำทำเพลง ทำธุรกิจการค้าใหญ่โตโดยการกินดอกเบี้ย มีอำนาจบารมีครอบครองสิ่งต่าง ๆ ซึ่งอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็ทรงบอกว่า พวกเขาจะได้รับเวลาในช่วงสั้น ๆเท่านั้น ได้รับเฉพาะในโลกดุนยาเท่านั้น แต่ในโลกอาคิเราะฮฺ พวกเขาจะถูกลงโทษอย่างสาหัสสากรรจ์ ถูกลงโทษอย่างยาวนานตลอดกาล ...
ด้วยเหตุนี้ เราจึงอย่าไปหลงใหลได้ปลื้ม อย่าไปพิสมัยกับสิ่งที่บรรดากาฟิรได้รับ อย่าไปชมชอบชมชื่นกับสิ่งบรรดากาฟิรได้รับ จนทำให้เรายอมละทิ้งบทบัญญัติศาสนาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จึงขอให้เราได้อดทน ดำเนินชีวิต ดำรงตนให้อยู่ในขอบเขตบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพื่อผลตอบแทนที่ยั่งยืนในโลกอาคิเราะฮฺ เพราะแท้ที่จริงแล้ว มันเทียบกันไม่ได้ระหว่างโลกดุนยาและโลกอาคิเราะฮฺ
อัลหะดีษ ในบันทึกของอิมามมุสลิม รายงานจากท่านมุสเตาริด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า
« وَاللهِ مَا الدُّنْيَا فِي الْآخِرَةِ إِلَّا مِثْلُ مَا يَجْعَلُ أَحَدُكُمْ إِصْبَعَهُ هَذِهِ - وَأَشَارَ يَحْيَى بِالسَّبَّابَةِ - فِي الْيَمِّ، فَلْيَنْظُرْ بِمَ تَرْجِعُ؟ »
“ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ..เมื่อเทียบโลกดุนยากับโลกอาคิเราะฮฺแล้ว
ก็เปรียบดั่งคน ๆหนึ่งในหมู่พวกท่านที่ จุ่มนิ้ว(ชี้)ของเขาลงไปในน้ำทะเล
แล้วท่านก็ลองคิดดูว่า เมื่อคน ๆนี้ยกนิ้วขึ้นมาแล้ว จะมีอะไรติดมากับนิ้วนี้บ้าง ?”
ก็คือ แทบจะไม่มีอะไรติดนิ้วนี้ขึ้นมาด้วยเลย นอกจากน้ำเพียงไม่กี่หยดเท่านั้น นั่นก็หมายความว่า โลกดุนยาแทบจะไม่มีค่าอะไรเลย เมื่อเทียบกับโลกอาคิเราะฮฺ ..ดังนั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจึงทรงมีคำสั่ง และท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจึงมีคำตักเตือนให้เราใช้ชีวิตบนโลกดุนยา เพื่อแสวงหาที่อยู่ในโลกอาคิเราะฮฺ โดยให้การดำเนินชีวิตในแต่ละวันของเรานำเราไปสู่การเข้าพำนักในสวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตลอดกาล โดยเราก็ต้องยืนหยัดมั่นคงอยู่กับการรักษาขอบเขตบทบัญญัติศาสนาไว้ให้มั่นคง ไม่เฉไฉ ไม่เบี่ยงเบนออกนอกแนวทางที่ถูกต้อง ไม่ว่าเราจะได้รับผลกระทบใด ๆ ก็ตาม
สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโปรดให้เราเป็นผู้ที่ห่างไกลจากการมีความหลงใหล หรือมีความหมกมุ่นในทรัพย์สมบัติแก้วแหวนเงินทอง ขอพระองค์โปรดอย่าให้เรามีความหลงใหลไปกับอำนาจบารมี เกียรติยศชื่อเสียงต่าง ๆ...
ขอพระองค์โปรดให้เราห่างไกลจากการยึดสิ่งต่าง ๆเหล่านี้เป็นเป้าหมายในดำเนินชีวิตของเรา ...
ขอพระองค์โปรดให้เราเป็นผู้ที่ยึดมั่นต่อขอบเขตบทบัญญัติศาสนาของพระองค์อย่างเหนียวแน่นมั่นคง และเสียชีวิตในสภาพที่นอบน้อมยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโดยสิ้นเชิง
( นะศิหะหฺ มัสญิดดารุลอิหฺซาน บางอ้อ )