การอธรรม คือความมืดมิดในวันกิยามะฮฺ
  จำนวนคนเข้าชม  9011

การอธรรม คือความมืดมิดในวันกิยามะฮฺ

 

คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีอัตตักวา ก็คือให้เรามีความยำเกรงต่อพระองค์ เพราะการยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลานั้น หากมีอยู่ในหัวใจของเราแล้ว มันก็จะเป็นเสมือนกำแพงที่ขวางกั้นเรา ไม่ให้ทำสิ่งที่เป็นมะอ์ศิยะฮฺ สิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และมันก็จะเป็นแรงผลักดันเราให้ปฏิบัติในสิ่งที่เป็นอะมัลศอลิหฺต่างๆ 

          ซึ่งผลสุดท้ายของการที่เรามีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลานั่นก็คือ การที่เราได้ปกป้องตัวของเราเองให้รอดพ้นจากการถูกลงโทษในไฟนรกของพระองค์ในวันกิยามะฮฺ และเรายังได้รับชีวิตที่ดีงามในโลกดุนยานี้ และในโลกอาคิเราะฮฺเราก็จะได้รับรางวัลตอบแทนด้วยสวนสวรรค์ของพระองค์ และสิ่งพิเศษมากมายที่อยู่ภายในสวนสวรรค์นั้น

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลหะดีษ (فِيمَا يَرْوِي عَنْ رَبِّهِ عَزَّ وَجَلَّ ก็คือเป็นอัลหะดีษกุดซีย์ ) อยู่ในบันทึกของอิมามมุสลิม รายงานจากท่านอะบีซัรร์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ عَنْ أَبِي ذَرٍّ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า อัลลอฮฺ อัซวะญัลได้ตรัสว่า

 

مْتُ الظُّلْمَ عَلَى نَفْسِي وَجَعَلْتُهُ بَيْنَكُمْ مُحَرَّمًا فَلَا تَظَالَمُوا ،: يَا عِبَادِي إِنِّي حَرَّ

 

โอ้ บ่าวของข้า แท้จริง ข้าได้ห้ามการอรรมต่อข้า และข้ากำหนดให้มันเป็นที่ต้องห้ามระหว่างพวกเจ้า ดังนั้น พวกเจ้าจงอย่าอธรรมต่อกัน

 

          คำว่า الظُّلْمَ ในภาษาไทยใช้คำว่า การอธรรม ซึ่งความหมายสรุปของคำว่า การอธรรม ตามที่นักวิชาการได้กล่าวไว้ก็คือ การที่เราทำให้ตัวของเราเองต้องเจ็บตัวจากการได้รับการลงโทษของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

          จากอัลหะดีษข้างต้นที่ยกมานี้ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงมีคำสั่งห้ามมนุษย์เราอธรรมต่อพระองค์ รวมถึงห้ามเราอธรรมต่อกัน นั่นก็คือ ห้ามเราอธรรมต่อตัวเอง และห้ามเราอธรรมต่อผู้อื่นด้วย

 

           ห้ามอธรรมต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา หมายความว่า ห้ามมนุษย์ปฏิเสธศรัทธาต่อพระองค์ แต่จะต้องเชื่อมั่นศรัทธาในการมีอยู่จริงของพระองค์ เมื่อเชื่อมั่นศรัทธาว่า พระองค์ทรงมีอยู่จริงแล้ว ก็ต้องมอบเตาฮีด มอบความเป็นพระเจ้าองค์เดียวแด่พระองค์ด้วย ก็คือต้องไม่ทำชิริก ไม่ตั้งภาคีต่อพระองค์อย่างเด็ดขาด ซึ่งการอธรรมต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา โดยการปฏิเสธศรัทธาและทำชิริกหรือตั้งภาคีต่อพระองค์ถือเป็นการอธรรมที่ยิ่งใหญ่และร้ายแรงที่สุด

 

     ในอัลกุรอานซูเราะฮฺลุกมาน อายะฮฺที่ 13 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสถึงผู้ที่ทำชิริกว่า

 

١٣ عَظِيمٞ لۡمٌلَظُ ٱلشِّرۡكَ إِنَّ ۖ

 

“...แท้จริง การตั้งภาคีต่อพระองค์(อัลลอฮฺ) เป็นการอธรรมที่ร้ายแรงที่สุด

 

     ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 254 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ตรัสถึงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาว่า

 

وَٱلۡكَٰفِرُونَ هُمُ ٱلظَّٰلِمُونَ

 

“...และสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น พวกเขาก็คือพวกที่อธรรม

 

          ด้วยเหตุนี้ ใครก็ตามที่ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา หรือศรัทธาต่อพระองค์แล้ว แต่กลับทำชิริก หรือตั้งภาคีต่อพระองค์ ก็เท่ากับเขานั้นได้อธรรมต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ซึ่งมีผลให้เขานั้นต้องเจ็บตัว เพราะเขาก็ต้องได้รับการลงโทษจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาด้วยการลงโทษที่ร้ายแรงที่สุด นั่นก็คือ หากเขาได้เสียชีวิตลงในขณะที่ปฏิเสธศรัทธาหรือทำชิริกต่อพระองค์ โดยที่เขายังไม่ได้ทำการเตาบะฮฺตัว ..ในวันกิยามะฮฺ เขาจะไม่ได้รับการอภัยโทษจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเลย ซึ่งมีผลให้เขานั้นต้องตกนรกและโดนลงโทษในไฟนรกนั้นตลอดกาล

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย เมื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงมีคำสั่งห้ามเราอธรรมต่อพระองค์แล้ว พระองค์ยังทรงห้ามเราอธรรมต่อตัวเองด้วย ..

 

          ห้ามอธรรมต่อตัวเอง ก็คือการที่เราไม่ปฏิบัติตามคำสั่งห้ามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติศาสนาของพระองค์ ตั้งใจฝ่าฝืน ทำมะอ์ศิยะฮฺ ทำความผิดอยู่เสมอ ละเลยต่อหน้าที่และความรับผิดชอบตามบทบัญญัติศาสนา ใช้ชีวิตในแต่ละวันไปตามอารมณ์ใคร่ใฝ่ต่ำ โดยไม่สนใจคำสั่งห้ามคำสั่งใช้ของพระองค์ ไม่สนใจในคำตักเตือนของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ..

          ดังกล่าวในทำนองนี้แหละ ก็คือการที่เราได้อธรรมต่อตัวของเราเอง ซึ่งมันก็จะไปมีผลให้เราต้องเจ็บตัวในวันกิยามะฮฺ ..ถ้าหากเราได้เสียชีวิตลงโดยที่เรายังคงมีความผิดต่าง ๆเหล่านี้ติดตัวอยู่ เรายังไม่ได้ขออภัยโทษต่อพระองค์ ซึ่งในกรณีนี้ เราจะอยู่ภายใต้พระประสงค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ...ก็คือ หากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงประสงค์จะอภัยโทษให้แก่เรา พระองค์ก็จะทรงอภัยโทษให้ แต่หากพระองค์ไม่ทรงประสงค์จะอภัยโทษให้แก่เรา พระองค์ก็จะทรงลงโทษเรา เราก็ต้องเจ็บตัว เพราะเราก็ต้องไปถูกลงโทษในความผิดต่าง ๆที่เราได้ทำไว้ ..

          แต่หากในโลกดุนยานี้ เรารู้สำนึกตัวว่าได้ทำความผิด แล้วเราได้อิสติฆฟาร ได้เตาบะฮฺตัวอย่างอิคลาศ อย่างจริงใจ และพยายามแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็จะทรงให้อภัยโทษแก่เรา

 

     ในอัลกุรอาน ซูเราะฮฺอันนะหฺล ส่วนท้ายของอายะฮฺที่ 33 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

وَمَا ظَلَمَهُمُ ٱللَّهُ وَلَٰكِن كَانُوٓاْ أَنفُسَهُمۡ يَظۡلِمُونَ

 

     และอัลลอฮฺไม่ได้ทรงอธรรมต่อพวกเขา (เพราะพระองค์ทรงแจ้งให้พวกเขาได้ทราบแล้วถึงคำสั่งห้ามคำสั่งใช้ของพระองค์พร้อมทั้งแจ้งถึงบทลงโทษไว้ด้วย หากพวกเขาไม่ปฏิบัติตาม )

     แต่ทว่า (เป็นเพราะ)พวกเขาได้อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง(อันเนื่องมาจากการที่พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามในสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงแจ้ง ได้ทรงบอกแก่พวกเขา ได้ทรงมีคำสั่งมายังพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงต้องถูกลงโทษ )

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย เมื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงห้ามเราอธรรมต่อพระองค์แล้ว แล้วก็ห้ามเราอธรรมต่อตัวเองแล้ว อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลายังทรงห้ามเราจากการอธรรมต่อผู้อื่นอีกด้วย

 

          ห้ามอธรรมต่อผู้อื่น ก็คือการที่เราไปล่วงละเมิด ล่วงเกินสิทธิของผู้อื่น ล่วงเกินทรัพย์สินของผู้อื่น ไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นทั้งด้วยคำพูดของเราและการกระทำของเรา ซึ่งเป็นเรื่องที่เราพบเห็นบ่อย ๆในสังคม ยกตัวอย่างเช่น การคอร์รัปชั่น การทุจริตโกงกินทรัพย์สินของผู้อื่นในทุกรูปแบบ การเอาทรัพย์สินของเด็กกำพร้ามาเป็นของตัวเอง การเบี้ยวค่าแรง การเบี้ยวหนี้ การปล้นสะดม การลักขโมย การกินดอกเบี้ย การเสียดอกเบี้ย การกล่าวหาใส่ร้าย การนินทาว่าร้าย ด่าทอ สาปแช่งผู้อื่น การทำร้ายร่างกายผู้อื่น การฆ่าชีวิตผู้อื่นโดยไม่ถูกต้องชอบธรรม ซึ่งนั่นก็หมายถึง การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างทั้งคำพูดและการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ทำให้ผู้อื่นไม่ได้รับความเป็นธรรมตามที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงกำหนดบทบัญญัติเอาไว้

          ด้วยเหตุนี้ หากเราได้อธรรมต่อผู้อื่น ในวันกิยามะฮฺ มันก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องเจ็บตัวจากการถูกลงโทษในความผิดที่เราได้ไปอธรรมต่อผู้อื่น ...

 

          ดังนั้น ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจึงได้กำชับเราในเรื่องนี้ และให้เราระมัดระวังตัวเราอย่าได้ไปล่วงละเมิด ล่วงเกินขอบเขตของผู้อื่น ..แต่ถ้าหากเราได้พลาดพลั้งไป หลงไปอธรรมต่อผู้อื่น ก็ให้เราได้เตาบะฮฺตัวต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา พร้อมทั้งไปขอมะอัฟ และคืนสิทธิ คืนทรัพย์สินต่าง ๆที่เราได้ไปล่วงละเมิดผู้อื่นไว้ให้หมดสิ้นก่อนที่เราจะเสียชีวิต เพราะถ้าเราไม่ทำอย่างนี้ ในวันกิยามะฮฺ เราก็จะต้องเจ็บตัวจากการถูกลงโทษและกลายเป็นผู้ที่ขาดทุนป่นปี้

 

     อัลหะดีษในบันทึกของอิมามอัลบุคอรีย์ รายงานจากท่านอบีหุรอยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า.

 

: مَنْ كَانتْ عِنْدَه مَظْلمَةٌ لأَخِيهِ مِنْ عِرْضِهِ أَوْ مِنْ شَيْءٍ فَلْيتَحَلَّلْه ِمِنْه الْيَوْمَ قَبْلَ أَلَّا يكُونَ دِينَارٌ وَلَا دِرْهَمٌ، إنْ كَانَ لَهُ عَمَلٌ صَالِحٌ أُخِذَ مِنْهُ بِقَدْرِ مَظْلَمتِهِ، وإنْ لَمْ يَكُنْ لَهُ حسَنَاتٌ أُخِذَ مِنْ سيِّئَاتِ صاحِبِهِ، فَحُمِلَ عَلَيْهِ

 

     “ใครก็ตามที่ได้อธรรมต่อพี่น้องของเขา ไม่ว่าจะเป็นเกียรติยศศักดิ์ศรี หรือสิ่งใดก็ตามที่เขาได้มันมาโดยอธรรมหรือโดยทุจริต 

     ก็จงสะสางเสียให้เรียบร้อยก่อนที่จะถึงวันที่ทรัพย์สินใดๆ แม้เงินเพียงหนึ่งดีนารหรือหนึ่งดิรฮัมก็ไม่ยังประโยชน์ 

     โดยที่หากเขามีการงานที่ดี มันก็จะถูกยึดเอาไปจากเขาตามสิ่งที่เขาได้อธรรมไว้ 

     แล้วหากเขาไม่เหลือความดีงามอันใด เขาก็ต้องเอาความชั่วต่างๆของผู้ที่ถูกเขาอธรรมนั้นมาแบกไว้กับตัว

 

          นั่นก็หมายความว่า ในโลกดุนยานี้ ใครได้อธรรมต่อใครไว้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ทั้งเกียรติยศศักดิ์ศรี นินทาคนโน้นคนนี้ พูดจาใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นให้ได้รับความเสียหาย ตั้งใจทำร้ายร่างกายผู้อื่น ตั้งใจฆ่าผู้อื่นให้ตายโดยไม่มีสาเหตุของบทบัญญัติศาสนา ฉ้อโกงในเรื่องต่างๆ ขโมยปล้นสะดม ซึ่งมันเป็นเรื่องของบุคคลสองฝ่าย ที่ฝ่ายหนึ่งไปล่วงละเมิดสิทธิ หรือล่วงละเมิดขอบเขตของอีกฝ่ายหนึ่ง ทำให้เขาได้รับความอธรรม ไม่ได้รับความยุติธรรม ท่านนบีจึงเตือนเราก็ให้รีบชดใช้ ให้รีบจัดการเสียตั้งแต่ในโลกดุนยานี้ เพราะในวันกิยามะฮฺ เงินทอง ทรัพย์สินอะไรก็ช่วยไม่ได้ แต่เรากลับจะถูกเอาความดีของเราไปมอบให้เขา ไปชดใช้คืนเขา 

          แล้วถ้าหากเราไปอธรรมต่อคนอื่นไว้มาก จนความดีที่เราทำ มันไม่พอชดใช้ เราก็ต้องไปแบกรับเอาความชั่วของคนที่เราไปอธรรมต่อเขามาแบกรับแทน ...อย่างนี้ ขาดทุนป่นปี้ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัมลัมบอกว่า คนอย่างนี้เป็นคนล้มละลายในวันกิยามะฮฺ

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย แท้จริงแล้ว อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะไม่ทรงลงโทษผู้ใดก็ตามที่เขาไม่ได้ทำความผิด ไม่ได้ฝ่าฝืนบทบัญญัติของพระองค์ ..แต่หากใครพลาดพลั้งหลงไปทำความผิด ก็ให้เขาได้รู้สำนึกตัว และขออิสติฆฟาร ทำการเตาบะฮฺต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และพยายามขัดเกลาตัวของเขาให้ห่างไกลจากการอธรรม แน่นอนพระองค์ก็จะทรงอภัยโทษให้แก่เขา และจะทรงทำให้เขาได้รับความปลอดภัย

 

     ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลอันอาม อายะฮฺที่ 82 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

(ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ وَلَمۡ يَلۡبِسُوٓاْ إِيمَٰنَهُم بِظُلۡمٍ أُوْلَٰٓئِكَ لَهُمُ ٱلۡأَمۡنُ وَهُم مُّهۡتَدُونَ٨٢)

 

     “บรรดาผู้ศรัทธาที่ทำให้การศรัทธาของพวกเขาไม่ได้ปะปนกับการอธรรม ...ชนดังกล่าวนี้แหละที่พวกเขาจะได้รับความปลอดภัย (จากการถูกลงโทษในวันกิยามะฮฺ ) และพวกเขาคือผู้ที่รับทางนำอันถูกต้อง( ทั้งในโลกดุนยานี้และโลกอาคิเราะฮฺ )

 

     ดังนั้น ขอให้เราพึงระมัดระวังเรื่องของการอธรรมไว้ให้ดี เพราะท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเตือนเราว่า การอธรรมนั้นนำมาซึ่งความมืดมิดในวันกิยามะฮฺ

 

     อัลหะดีษ ในบันทึกของอิมามมุสลิม รายงานจากท่านญาบิร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

 

« اتَّقُوْا الظُلْمَ ، فَإِنَّ الظُلْمَ ظُلُمَاتٌ يَوْمَ القِيَامَةِ

 

พวกท่านจง(ยำเกรงอัลลอฮฺ โดยการ)ออกห่างจากการอธรรมเถิด ..แท้จริงการอธรรมนั้นจะนำไปสู่ความมืดมิดในวันกิยามะฮฺ

 

     และขอให้เราได้ตระหนักไว้ว่า การอธรรมนั้นมันเป็นหนึ่งในบาปที่นำมาซึ่งการลงโทษทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺ

     อัลหะดีษ (เศาะหิหฺ) ในบันทึกของอิมามอะหฺมัด รายงานจากท่านอบูบักเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุเล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

 

« مَا مِنْ ذَنْبٍ أَحْرَى أَنْ يُعَجِّلَ اللهُ تَبَارَكَ وَتَعالى العُقُوْبَةَ لِصَاحِبِهِ في الدُنْيَا مَعَ مَا يدَّخرُ لَهُ فِي الآخِرَةِ مِن البَغْيِ وَقَطِيْعَةِ الرَحمِ»

 

     “ไม่มีบาปอันใดที่สมควรกับการที่อัลลอฮ จะทรงเร่งการลงโทษผู้กระทำบาปนั้นในดุนยานี้ นอกเหนือไปจากสิ่งที่พระองค์ทรงเตรียมไว้เพื่อลงโทษเขาในอาคิเราะฮฺ มากไปกว่าบาปจากการอธรรม และการตัดญาติขาดมิตร

 

        สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโปรดให้เราเป็นผู้ที่ห่างไกลจากการอธรรม ห่างไกลจากความมืดมิดมืดมนในวันกิยามะฮฺด้วยเถิด

 

 

 

( คุฏบะฮฺวันศุกร์ มัสญิดดารุลอิหฺซาน บางอ้อ )