กำลังใจแด่ผู้ที่ยืนหยัดต่อบทบัญญัติที่ถูกต้อง
  จำนวนคนเข้าชม  3132

กำลังใจแด่ผู้ที่ยืนหยัดต่อบทบัญญัติที่ถูกต้อง

 

 อับดุลสลาม เพชรทองคำ 

 

          อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงยืนยันไว้แล้วว่า มุสลิมทุกคนต้องได้รับบททดสอบอย่างแน่นอน ซึ่งบททดสอบนั้น ก็จะมาในรูปแบบต่าง ๆ แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ...การได้รับความสุข ความสบาย ความมั่งคั่งร่ำรวย ได้รับสิ่งที่ถูกอกถูกใจ ..แท้ที่จริงแล้ว ก็เป็นบททดสอบ ...การได้รับความยากลำบาก ความยากจนข้นแค้น ได้รับการเจ็บไข้ได้ป่วย ได้รับการทารุณข่มเหง เจอกับปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ก็เป็นบททดสอบ ..

 

          เป็นบททดสอบ หรือที่เราเรียกว่าเป็นบะลาอ์เพื่อพิสูจน์ว่า เมื่อเขาได้รับบททดสอบแล้ว เขานั้นยังดำรงตนอยู่ในการฏออัต เชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาหรือเปล่า ยังดำรงตนอยู่ในบทบัญญัติศาสนาหรือไม่ เพราะการได้รับการทดสอบนั้น บางที มันก็อาจทำให้เขานั้น เกิดอาการคล้อยออกห่างจากสิ่งที่ถูกต้อง หรือทำให้เขาละทิ้งบทบัญญัติศาสนาได้

 

          ดังนั้น เมื่อผู้ศรัทธาคนหนึ่งได้รับบททดสอบต่าง ๆ จากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เขานั้นสามารถที่จะยืนหยัดอยู่บนบทบัญญัติที่ถูกต้องได้อย่างมั่นคงนั้น ก็คือ การที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ประทานคนดี คนศอลิหฺ คนที่มีคุณธรรม มาคอยให้คำแนะนำ ให้คำตักเตือน หรือมาคอยให้กำลังใจ มาคอยประคับประคองให้เขานั้นได้มั่นคงอยู่ในบทบัญญัติที่ถูกต้องต่อไป

 

           ในเรื่องนี้ อุละมาอ์ได้ยกตัวอย่างเรื่องราวของ ท่านอิมามอะหมัด อิบนุ ฮัมบัล เราะหิมะฮุลลอฮฺ ที่ท่านอิมามอะหฺมัดได้รับบททดสอบอย่างหนักหน่วง แต่ท่านก็สามารถผ่านบททดสอบนั้นมาได้อย่างดี เพราะนอกจากท่านจะมีอีมาน มีความศรัทธาที่เข้มแข็งแล้ว ท่านยังได้รับฟังคำพูดจากคนศอลิหฺ คนดี ๆที่มีคุณธรรมที่ได้ให้กำลังใจ ให้คำแนะนำคำตักเตือน ทำให้ท่านสามารถยืนหยัดอยู่ในบทบัญญัติที่ถูกต้องได้อย่างมั่นคง ได้อย่างเหนียวแน่น และได้เสียชีวิตไปในสภาพที่เป็นผู้ที่นอบน้อมยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ซึ่งเราสามารถนำเรื่องราวของท่าน มาเป็นตัวอย่างให้แก่เราในการยืนหยัดในความถูกต้อง

 

          ท่านอิมามอะหฺมัด อิบนุ ฮัมบัล มีชื่อจริงว่า อะหมัด อิบนุ มุฮัมมัด อิบนุ ฮัมบัล ท่านเป็นเจ้าของมัซฮับฮัมบาลี เกิดในปี ฮ..164 ท่านจึงเป็นคนในยุคสะละฟุศศอลิหฺ เป็นคนศอลิหฺ คนดี ๆมีคุณธรรมที่อยู่ในยุค 300 แรกของอัลอิสลาม

 

          ท่านใช้ชีวิตอยู่ในยุคของเคาะลีฟะฮฺอัลมะมูน ซึ่งอยู่ในราชวงศ์อับบาซียะฮฺ ... เคาะลีฟะฮฺอัลมะมูน จะมีคนใกล้ชิดอยู่คนหนึ่งชื่อว่า อิบนุ อะบีดาวูด ซึ่งได้นำความรู้ ความเชื่อที่ผิดมาสอนเคาะลีฟะฮฺอัลมะมูน นั่นก็คือ เรื่องที่เขากล่าวเท็จว่า อัลกุรอานเป็นมัคลู๊ก อัลกุรอานเป็นสิ่งถูกสร้าง เป็นสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสร้างขึ้นมา เช่นเดียวกับสิ่งที่ถูกสร้างอื่น ๆ ซึ่งการเชื่อว่า อัลกุรอานเป็นมัคลู๊กนี้ เป็นความเชื่อที่หลงผิดอย่างหนึ่งของกลุ่มที่เรียกว่า กลุ่มมุอ์ตะซิละฮฺ ..แต่อิบนุ อะบีดาวูดก็กลับได้รับการสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวจากบรรดาฟุกอฮะอฺ (บรรดาผู้รู้ด้านฟิกฮฺ) ทำให้อุลามาอ์และบรรดาผู้ที่มีความรู้คนอื่นๆ จำต้องยอมรับแนวคิดหรือความเชื่อนี้ด้วยความเกรงกลัวต่ออำนาจ และเกรงกลัวต่อการถูกทรมานหากคัดค้านหรือต่อต้านพวกเขา

 

          แต่ท่านอิมามอะหฺมัด อิบนุ ฮัมบัล ได้ยืนยันความเชื่อที่ถูกต้องว่า อัลกุรอานเป็นกะลามุลลอฮฺ เป็นดำรัสของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ..อัลกุรอานไม่ใช่มัคลู๊ก ไม่ใช่สิ่งถูกสร้าง เพราะสิ่งถูกสร้างต้องมีวันดับสูญ ต้องสูญสลายไป แต่กะลามุลลอฮฺจะไม่ดับสูญ เมื่ออิมามอะหฺมัด ยืนยันในความเชื่อนี้ และยังทำการสั่งสอนเผยแผ่ในเรื่องนี้อยู่ต่อไปที่เมืองแบกแดด โดยไม่หวาดเกรงต่ออำนาจใด ๆทั้งสิ้น ..อิบนุ อะบีดาวูด คนใกล้ชิดของเคาะลีฟะฮฺอัลมะมูน จึงบอกให้เคาะลีฟะฮฺอัลมะมูนโกรธท่านอิมามอะหฺมัดในเรื่องนี้

 

          เคาะลีฟะฮฺอัลมะมูนจึงมีคำสั่งให้ อิสหาก อิบนุ อิบรอฮีม ซึ่งเป็นกอฎี เป็นผู้ตัดสินอยู่ที่เมืองแบกแดด ไปจับตัวท่านอิมามอะหฺมัดมาส่งให้เคาะลีฟะฮฺอัลมะมูน ...กอฎี อิสหาก อิบนุ อิบรอฮีมจึงไปจับตัวท่านอิมามอะหฺมัดในขณะที่กำลังสอน ..ท่านอิมามอะหฺมัดถูกใส่โซ่ตรวน ถูกลากตัว เดินทางด้วยเท้าพร้อมโซ่ตรวนเพื่อให้มาพบเคาะลีฟะฮฺอัลมะมูน ตลอดระยะทางที่เดินทางมา ท่านอิมามอะหฺมัด ไม่ได้บ่น ไม่ได้คร่ำครวญสิ่งใดเลย ถึงแม้จะเจ็บปวด ท่านก็ไม่โอดครวญอะไรเลย นอกจากกล่าวซิกรุลลอฮฺอยู่ตลอดเวลา

 

          บรรดาลูกศิษย์ของท่านอิมามอะหฺมัดก็เดินทางตามมาด้วย ในระหว่างนั้น ท่านอิมามอะหฺมัดก็ได้รับฟังคำพูดจากหลาย ๆท่านที่เป็นกำลังใจให้แก่ท่านในการยืนหยัดอยู่บนสัจธรรมความถูกต้อง

 

          ท่านอิมามอะหฺมัดได้เล่าว่า ในระหว่างที่เดินทางไปยังเขตอัรเราะฮบะฮฺ ในช่วงกลางดึก มีชายคนหนึ่งชื่อว่า ญาบิร บิน อามิร ซึ่งเป็นคนศอลิหฺคนหนึ่งจากเผ่าเราะบีอะฮฺ ได้กล่าวกับท่านอิมามอะหฺมัดว่า ท่านคงไม่พ้นที่จะถูกสังหาร แต่ท่านก็จะได้เข้าสวรรค์ ดังนั้น ฉันจึงขอมอบหมายท่านต่ออัลลอฮฺ...นั่นก็คือการให้กำลังใจท่านอิมามอะหฺมัดให้ยืนหยัดอยู่กับบทบัญญัติที่ถูกต้อง ให้ยืนยันต่อไปว่า อัลกุรอานไม่ใช่มัคลู๊ก แต่อัลกุรอานคือกะลามุลลอฮฺ

 

          สายรายงานหนึ่งได้เล่าว่า ..ชายอาหรับชนบทคนหนึ่งได้กล่าวแก่ท่านอิมามอะหฺมัดว่าแท้จริง ท่านคือตัวแทนของผู้คนทั้งหลาย ดังนั้น ท่านอย่าทำให้พวกเขาผิดหวัง และแท้จริง ณ วันนี้ ท่านคือผู้นำของผู้คนทั้งหลาย ดังนั้น อย่ายอมรับในสิ่งที่พวกเขาเรียกร้อง ที่พวกเขาเรียกร้องให้ท่านอิมามอะหฺมัดกล่าวว่า อัลกุรอานเป็นมัคลู๊ก เพราะคนที่ตามท่านก็จะยอมรับเช่นนั้นด้วยเช่นเดียวกัน แล้วในวันกิยามะฮฺ ท่านก็ต้องไปแบกรับบาปของผู้คนที่ตามท่าน..และหากท่านรักอัลลอฮฺ ท่านก็จงอดทนในสิ่งที่ท่านกำลังประสบอยู่ เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นอุปสรรคระหว่างท่านกับสวรรค์ของอัลลอฮฺได้ นอกจากท่านจะถูกพวกเขาฆ่าเท่านั้น

 

          เมื่อท่านอิมามอะหฺมัดได้ฟังเช่นนั้น ท่านได้กล่าวว่าคำพูดของเขานั้นได้เพิ่มความหนักแน่นมั่นคงให้แก่ความตั้งใจของฉันในการปฏิเสธสิ่งที่พวกเขาได้เรียกร้องฉัน ที่จะให้ฉันกล่าวว่าอัลกุรอานคือมัคลู๊กได้มากขึ้นทีเดียว

 

          เมื่อท่านอิมามอะหฺมัดเดินทางมาถึงยังที่ของเคาะลีฟะฮฺอัลมะมูน ..เคาะลีฟะฮฺอัลมะมูนก็ให้ท่านอิมามอะหฺมัดเปลี่ยนความเชื่อที่ท่านอิมามอะหฺมัดเชื่อว่า อัลกุรอานเป็นกะลามุลลอฮฺ เป็นความเชื่อที่ว่าอัลกุรอานเป็นมัคลู๊ก แต่ท่านอิมามอะหฺมัดก็ไม่ยอมเปลี่ยน ยังคงยืนยันว่า อัลกุรอานเป็นกะลามุลลอฮฺ เป็นดำรัส เป็นคำพูดของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อันเป็นความเชื่อความศรัทธาที่ถูกต้องของชาวอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ ทำให้เคาะลีฟะฮฺอัลมะมูนโกรธมาก สั่งให้เฆี่ยนตีท่านอิมามอะหฺมัดอย่างหนัก ...ท่านอิมามอะหฺมัดจึงได้รับบาดเจ็บไปทั่วร่างกาย 

 

          แต่ถึงแม้จะเจ็บปวดอย่างมากมาย ท่านอิมามอะหฺมัดก็ยังคงยืนยันว่า อัลกุรอานเป็นกะลามุลลอฮฺ อยู่นั่นเอง ..ท้ายที่สุด เคาะลีฟะฮฺอัลมะมูนก็มีคำสั่งให้นำตัวท่านอิมามอะหฺมัดไปคุมขัง ..ท่านอิมามอะหฺมัดถูกเฆี่ยนตี แล้วก็ถูกคุมขัง สลับกันอยู่อย่างนี้ จนกระทั่งร่างกายของท่านบอบช้ำไปหมด บางครั้งก็สลบไป

 

          ครั้งหนึ่ง ท่านอิมามอะหฺมัดได้เล่าถึงชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถึงแม้ว่าจะมีอายุน้อย และมีความรู้ไม่มาก แต่กลับเป็นผู้ที่ยืนหยัดในการปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่างมาก ชายหนุ่มคนนี้ชื่อว่า มุฮัมมัด บินนูหฺ เขาเป็นผู้ที่อยู่ร่วมกับท่านอิมามอะหฺมัดในบททดสอบดังกล่าว เขาได้กล่าวกับท่านอิมามอะหฺมัดว่า

          โอ้ท่านอบู อับดุลลอฮฺ (ก็คืออิมามอะหฺมัด ) ท่านพึงระวังต่ออัลลอฮฺเถิด แท้จริงท่านไม่เหมือนกับฉัน เพราะแท้จริงท่านเป็นแบบอย่างให้แก่คนทั้งหลาย ซึ่งพวกเขาได้ยื่นคอของพวกเขาเพื่อฟังท่าน เพราะพวกเขาเชื่อฟังและปฏิบัติตามในสิ่งที่ท่านสั่งสอน และพวกเขากำลังรอคอยว่า ท่านจะกล่าวอะไรออกมา "..นั่นคือจะกล่าวว่า อัลกุรอานเป็นกะลามุลลอฮฺ หรือจะกล่าวว่าอัลกุรอานเป็นมัคลู๊ก หากท่านอิมามอะหฺมัดกล่าวคำพูดเช่นไร พวกเขาก็จะเชื่อตามท่านอิมามอะหฺมัดอย่างแน่นอน

 

          ดังนั้น ท่านพึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด และจงยืนหยัดต่อกำหนดของอัลลอฮฺเถิด ..และนี่ก็คือ การให้กำลังใจท่านอิมามอะหฺมัดให้ยืนหยัดมั่นคงอยู่ในสิ่งที่ถูกต้อง

 

          ครั้งหนึ่งท่านอิมามอะหฺมัด ได้กล่าวในขณะที่ท่านอยู่ในคุกว่าฉันไม่ได้ให้ความสนใจสำหรับคุกนี้ เพราะสำหรับฉันแล้ว คุกกับบ้านคือสถานที่เดียวกัน ไม่ได้ต่างกัน และฉันก็ไม่ได้กลัวว่าฉันจะต้องถูกฆ่าด้วยดาบ แต่สิ่งที่ฉันหวั่นเกรงนั้นคือ การที่ต้องถูกทดสอบด้วยการถูกหวดด้วยแส้

 

          เมื่อนักโทษบางคนได้ยินท่านอิมามอะหฺมัดกล่าวเช่นนั้น ก็ได้กล่าวให้กำลังใจท่านอิมามอะหฺมัด เพื่อหวังให้ท่านสบายใจว่าโอ้ อบู อับดุลลอฮฺ (ก็คือท่านอิมามอะหฺมัด ) ท่านอย่าได้กังวลใจใด ๆ เลย มันเจ็บปวดก็แค่สองครั้งแรกที่โดนหวดเท่านั้นแหละที่มันจะเจ็บปวดอย่างมาก แต่หลังจากนั้นท่านก็จะไม่มีความรู้สึกอีกแล้ว ..ไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้วว่า แส้ได้หวดลงตรงส่วนไหนของร่างกายของท่านบ้าง

          นั่นก็คือ บางส่วนของคำพูดของคนศอลิหฺบางคนที่กล่าวให้กำลังใจท่านอิมามอะหฺมัดในการยืนหยัดในความเชื่อความศรัทธาที่ถูกต้อง

 

          วันหนึ่งเมื่อท่านอิมามอะหฺมัดถูกปล่อยตัวออกมา เคาะลีฟะฮฺอัลมะมูนก็คิดว่า ท่านอิมามอะหฺมัดจะยอมรับแล้ว เพราะดูเหมือนว่า ท่านอิมามอะหฺมัดถูกเฆี่ยนตีจนไม่เหลือที่ที่จะให้เฆี่ยนแล้ว แต่ท่านอิมามอะหฺมัดก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนคำพูด แต่กลับพูดกับเคาะลีฟะฮฺอัลมะมูนว่า ..เมื่อวานนี้ ฉันละหมาดให้แก่อัลกุรอาน เพราะอัลกุรอานตายแล้ว

          แต่ปรากฏว่า เคาะลีฟะฮฺอัลมะมูนและพรรคพวกของเขาที่เป็นกลุ่มมุอ์ตะซิละฮฺ ต่างบอกว่า อัลกุรอานจะตายได้อย่างไร ? เป็นไปไม่ได้หรอก อัลกุรอานไม่มีวันตาย

          ท่านอิมามอะหฺมัด จึงบอกว่า ..นั่นสิ อัลกุรอานจะตายได้อย่างไร ? เพราะอัลกุรอานเป็นกะลามุลลอฮฺ ไม่ได้เป็นมัคลู๊ก อัลกุรอานจึงไม่มีวันสูญสลายหายไปอย่างเด็ดขาด

          เมื่อเคาะลีฟะฮฺอัลมะมูนกับพรรคพวกของเขาประจักษ์ต่อข้อเท็จจริงนี้ แทนที่พวกเขาจะยอมรับ ยอมเชื่อฟัง แต่พวกเขาก็ยังคงดื้อดึงต่อไป แล้วท่านอิมามอะหฺมัดก็ถูกจับขังต่อไป เพราะยังคงยืนหยัดต่อความเชื่อความศรัทธาที่ถูกต้องต่อไป ถึงแม้จะโดนลงโทษต่าง ๆนานา ..ท่านอิมามอะหฺมัดถูกเฆี่ยนตี ถูกคุมขัง อยู่อย่างนี้จนกระทั่งเคาะลีฟะฮฺอัลมะมูนเสียชีวิต

 

          เมื่อเคาะลีฟะฮฺอัลมะมูนเสียชีวิต มุอ์ตาศิมน้องชายของเคาะลีฟะฮฺอัลมะมูนก็ดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺต่อมา ซึ่งน้องชายของเขาก็ยังมีความเชื่ออยู่ในกลุ่มมุอ์ตะซิละฮฺ เขาจึงจับท่านอิมามมาเฆี่ยนตีอีก จนผู้คนต่างพากันหลั่งไหลไปเยี่ยม ไปให้กำลังใจท่านอิมามอะหฺมัด ท่านอิมามอะหฺมัดถูกเฆี่ยนตีจนกระทั่งปัสสาวะเป็นเลือด

 

          เมื่อท่านอิมามอะหฺมัดถูกทดสอบอย่างหนักหน่วง แต่ท่านอิมามก็ยังคงยืนหยัดอยู่ในความเชื่อที่ถูกต้อง ท่านถูกเฆี่ยนตีสลับกับถูกคุมขังอยู่อย่างนี้จนกะทั่งถึงยุคของมุตะวักกิล ซึ่งเป็นเคาะลีฟะฮฺต่อมา เคาะลีฟะฮฺมุตะวักกิลยอมรับในคำพูดของท่านอิมามอะหฺมัด เขาจึงเชิญท่านอิมามอะหฺมัดออกจากที่คุมขัง ...นี่คือชัยชนะของท่านอิมามอะหฺมัดที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงมอบให้กับความอดทนของท่านอิมามอะหฺมัด ....

 

          ท่านอิมามอะหฺมัดใช้ชีวิตอยู่นอกคุกไม่นาน ก็เสียชีวิต โดยมีรายงานว่า หลังจากท่านอิมามอะหฺมัดเสียชีวิต มีชนชาวยะฮูดี นัศรอนีย์ มะญูซีย์เข้ารับอัลอิสลามเป็นจำนวนนับหมื่น ๆ คน

 

          นั่นก็คือ เรื่องราวบางส่วนของท่านอิมามอะหฺมัด อิบนุ ฮัมบัล ที่ยืนหยัดในบทบัญญัติศรัทธาที่ถูกต้องว่า ..อัลกุรอานเป็นกะลามุลลอฮฺ.. ซึ่งทำให้ท่านต้องได้รับการทดสอบอย่างหนักหน่วง และท่านสามารถที่จะยืนหยัดบทบัญญัติที่ถูกต้องได้อย่างตลอดรอดฝั่ง โดยที่ท่านได้รับฟังคำพูดที่เป็นคำแนะนำ คำพูดที่เป็นคำตักเตือน เป็นกำลังใจ ไม่ให้ท้อถอย ที่อุละมาอ์บอกว่า เมื่อผู้ศรัทธาคนหนึ่งได้รับบททดสอบต่าง ๆ จากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เขานั้นสามารถที่จะยืนหยัดอยู่บนบทบัญญัติที่ถูกต้องได้อย่างมั่นคงนั้น ก็คือ การที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ประทานคนดี คนศอลิหฺ คนที่มีคุณธรรม มาคอยให้คำแนะนำ ให้คำตักเตือน ให้กำลังใจ มาคอยประคับประคองให้เขานั้นได้มั่นคงอยู่ในบทบัญญัติที่ถูกต้องต่อไป

 

          ดังนั้น จากเรื่องราวนี้ นอกจากจะทำให้เราได้เห็นถึงแบบอย่างของการยืนหยัดในบทบัญญัติศาสนาที่ถูกต้องของท่านอิมามอะหฺมัด อิบนุ ฮัมบัลแล้ว ก็ทำให้เราได้รับบทเรียนว่า เมื่อเราได้ยินได้ฟังคำแนะนำ คำตักเตือนในเรื่องใด ๆก็ตามจากคนศอลิหฺ ได้รับฟังคุฏบะฮฺ ได้รับฟังนะศิหะหฺก็ให้เราพิจารณาในเรื่องนั้นให้ดี และให้พยายามหาความรู้ ทำความเข้าใจในเรื่องนั้น ...เราอย่าปล่อยให้มันผ่านไป โดยไม่สนใจ หรือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพราะมันอาจจะเป็นคำแนะนำ คำตักเตือนที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงส่งมายังเรา โดยผ่านคนศอลิหฺดังกล่าวนั้น เป็นคำแนะนำ เป็นคำตักเตือนเพื่อให้เราได้ปฏิบัติและยืนหยัดในบทบัญญัติศาสนาที่ถูกต้อง

 

 

 

( นะศิหะฮฺ มัสญิดดารุลอิหฺซาน บางอ้อ )