ดุอาอ์ของท่านจะถูกตอบรับได้อย่างไร ?
  จำนวนคนเข้าชม  13110

ดุอาอ์ของท่านจะถูกตอบรับได้อย่างไร ?

 

อับดุลสลาม เพชรทองคำ

 

          อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงมีคำสั่งให้เราได้ปกป้องตัวของเราและครอบครัวของเราให้พ้นจากการถูกลงโทษในไฟนรก ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัตตะหฺรีม อายะฮฺที่ 6 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

يَٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ قُوٓاْ أَنفُسَكُمۡ وَأَهۡلِيكُمۡ نَارٗا وَقُودُهَا ٱلنَّاسُ وَٱلۡحِجَارَةُ

 

ผู้ศรัทธาทั้งหลาย... จงปกป้องคุ้มครองตัวของพวกเจ้าและครอบครัวของพวกเจ้าให้พ้นจากไฟนรก

เพราะเชื้อเพลิงของมันคือมนุษย์และก้อนหิน(ที่เป็นรูปปั้นรูปเจว็ดต่าง ๆ)

 

          ดังนั้น ใครก็ตามที่คิดว่า ตัวเองเป็นผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮฺว่าเป็นเรื่องจริงที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ศรัทธาต่อบทบัญญัติศาสนาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ..เขาผู้นั้นต้องป้องกันตัวของเขาจากการถูกลงโทษของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา โดยการกำชับใช้ให้ตัวเองทำความดี ปฏิบัติตามคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา โดยทำให้สุดกำลังความสามารถ ...ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องออกห่างจากความชั่ว ละเลิกไม่กระทำสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งห้ามโดยสิ้นเชิง

 

          เมื่อได้ปกป้องตัวเองดังกล่าวแล้ว เขายังต้องปกป้องครอบครัวของเขา อันได้แก่บุคคลในครอบครัว เช่น สามี ภรรยา บุตรหลาน บุคคลที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขาให้พ้นจากไฟนรกด้วย ไม่ใช่ให้ตัวเองรอดพ้นจากการถูกไฟนรกคนเดียว ไม่ใช่ให้ไปเข้าสวรรค์คนเดียว แต่ให้ชวนบุคคลในครอบครัวทำตัวให้พ้นจากการถูกลงโทษ ชักชวนบุคคลในครอบครัวให้ไปเข้าสวรรค์ด้วย โดยการดูแล อบรมสั่งสอน และตักเตือนให้พวกเขาได้ปฏิบัติเช่นเดียวกัน

 

          ครั้งนี้ เราจะพูดถึงเรื่องราวของการขอดุอาอ์ ซึ่งเราจะพบว่ามีมุสลิมจำนวนไม่น้อยที่พูดว่า ขอดุอาอ์มาอย่างมากมาย ขอดุอาอ์มาอย่างยาวนาน แต่ไม่เห็นได้รับการตอบรับดุอาอ์เลย ...ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ... ก็ขอให้เราได้มาพิจารณาอัลหะดีษบทนี้

 

          อัลหะดีษ ในบันทึกของอิมามมุสลิม รายงานจากท่านอะบีหุรอยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

طَيِّبٌ لَا يَقْبَلُ إِلَّا طَيِّبًا، تعالى نَّ اللهَإِ

 

แท้จริง อัลลอฮฺ ตะอาลาทรงดี (พระองค์)ไม่ทรงรับสิ่งใดๆนอกจากสิ่งดี ๆ

 

     คำว่าทรงดี طَيِّبٌ" หมายถึง อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสะอาดบริสุทธิ์ ทรงไม่มีขัอบกพร่องใด ๆทั้งสิ้น พระองค์ไม่ทรงมีสิ่งใดที่น่าละอาย ไม่ทรงปะปนกับสิ่งไม่ดี ไม่ทรงข้องเกี่ยวกับสิ่งไม่ดีทั้งหมด 

     พระองค์ทรงดีในซาต ذات หรือตัวของพระองค์เอง พระองค์ทรงดีทรงมีนามอันงดงาม ทรงมีคุณลักษณะอันสูงส่ง อีกทั้งหุกุ่มทั้งหมดของพระองค์ การกระทำทั้งหมดของพระองค์ และทุกสิ่งที่มาจากพระองค์นั้นล้วนเป็นสิ่งดี ๆ ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ดีเลยไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม... 

     ดังนั้น เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ล้วนเป็นสิ่งดีทั้งหมด แน่นอน พระองค์ก็จะทรงตอบรับแต่สิ่งดี ๆ และไม่ทรงตอบรับสิ่งไม่ดีทั้งหมดเช่นกัน ..

     พระองค์จะทรงตอบรับคำพูดดี ๆ ...คำพูดที่ดี ๆ ก็เช่น การกล่าวซิกรุลลอฮฺ การอ่านอัลกุรอาน การสั่งสอน ตักเตือนผู้คนในความดี ห้ามปรามผู้คนในความชั่ว การพูดให้กำลังใจผู้คน..พระองค์จะทรงตอบรับอะมัลการงานที่ดี ๆ ..

     อะมัลการงานที่ดี ๆก็คือ อะมัลการงานที่ทำเพื่อพระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น มีอิคลาศ มีความบริสุทธิ์ใจในการทำอะมัลการงานนั้น อีกทั้งยังต้องตรงตามบทบัญญัติศาสนาของพระองค์ ตรงตามรูปแบบหรือตรงตามแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมด้วย ..

    พระองค์ทรงตอบรับการทำเศาะกาะฮฺหรือการบริจาคที่มาจากทรัพย์ที่ดี ๆ..

     ทรัพย์ดี ๆ ก็คือ ทรัพย์ที่เป็นที่หะลาล เป็นที่อนุญาตตามหลักบทบัญญัติศาสนาของพระองค์ และต้องเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากวิธีที่หะลาล วิธีการที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงอนุญาตด้วย

 

      ท่านนบีได้กล่าวต่อไปอีกว่า

 

أَمَرَ الْمُؤْمِنِينَ بِمَا أَمَرَ بِهِ الْمُرْسَلِينَ،وَإِنَّ اللهَ

 

และแท้จริง อัลลอฮฺ ทรงสั่งใช้บรรดาผู้ศรัทธาในเรื่องเดียวกันกับที่(พระองค์)ทรงสั่งใช้บรรดาเราะซูล(ของพระองค์)

 

     นั่นก็คือ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงให้เราที่เป็นผู้ศรัทธาคนหนึ่งได้ไต่เต้าตัวเองให้มีสถานะที่สูงส่งขึ้นด้วยการได้รับคำแนะนำ ได้รับคำสั่งจากพระองค์เช่นเดียวกัน หรือเหมือนกันกับที่บรรดาเราะซูลของพระองค์ได้รับ ซึ่งบรรดาเราะซูลของพระองค์ได้รับคำสั่งว่าอะไร ? ท่านนบีได้กล่าวเน้นย้ำว่า

 

{51}  {المؤمنون: .......فَقَالَ: {يَا أَيُّهَا الرُّسُلُ كُلُوا مِنَ الطَّيِّبَاتِ وَاعْمَلُوا صَالِحًا،

 

(ท่านนบีได้กล่าวต่อไปว่า อัลลอฮฺได้ทรงมีคำสั่งมายังบรรดาเราะซูลของพระองค์ โดยพระองค์)ได้ตรัสไว้ความว่า ..

โอ้ เราะซูลทั้งหลาย พวกเจ้าจงบริโภคแต่สิ่งดี ๆ และจงประกอบอะมัลการงานที่ดี ๆเถิด...” 

(ในซูเราะฮฺอัลมุอ์มินูน อายะฮฺที่ 51)

 

          นั่นก็คือ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงมีคำสั่งให้บรรดาเราะซูลของพระองค์บริโภค กินอยู่ใช้สอยแต่สิ่งดี ๆ ซึ่งบรรดาเราะซูล บรรดานบีของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอานั้น จะบริโภคจากสิ่งที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง จะไม่มีการแบมือขอใคร ..ท่านเหล่านั้นจะบริโภคจากสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงอนุมัติ ทรงอนุญาตเท่านั้น ...หลังจากนั้น พระองค์ยังทรงสั่งให้บรรดาเราะซูลของพระองค์ประกอบอะมัลการงานที่ดี ๆ

 

          แล้วท่านนบีก็ได้กล่าวให้เราทราบว่า อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตอาลาได้ทรงมีคำสั่งให้บรรดาผู้ศรัทธา สั่งให้เราได้ทำเช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงมีคำสั่งแก่บรรดาเราะซูลของพระองค์ ท่านนบีกล่าวต่อไปว่า

 

]172طَيِّبَاتِ مَا رَزَقْنَاكُمْ} [البقرة: وَقَالَ: {يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا كُلُوا مِنْ

 

และ(อัลลอฮฺ)ตรัสว่า โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าจงบริโภคแต่สิ่งดี ๆ จากสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า

(ในซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 172)

 

          นั่นก็คือ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงมีคำสั่งให้เราบริโภคสิ่งดี ๆที่หะลาลเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงมีคำสั่งไปยังบรรดาเราะซูลของพระองค์ บริโภคสิ่งที่เป็นหะลาลัน ฏ็อยยิบัน สิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงอนุญาต และดีต่อสุขภาพของตนเอง บริโภคในสิ่งที่จะทำให้ร่างกายของตนเองแข็งแรง ..

 

          และสิ่งที่ดีๆ ที่หะลาลนั้นก็ต้องเป็นสิ่งที่เราขวนขวายหามาได้ด้วยวิธีการถูกต้องชอบธรรม ได้มาด้วยวิธีการที่ถูกต้องตามบทบัญญัติศาสนาด้วย ดังนั้น สิ่งใดที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาไม่ทรงอนุญาต เราก็ต้องไม่บริโภค แต่ครั้นสิ่งใดที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงอนุญาตให้บริโภคได้ แต่หากเราได้มาด้วยวิธีการที่หะรอม ก็ไม่เป็นที่อนุญาตให้เราบริโภคเช่นกัน 

 

ยกตัวอย่างเช่น

          แกะ เป็นสัตว์ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงอนุญาตให้เราบริโภค ถือเป็นสิ่งดี ๆที่หะลาล แต่หากเราไปพบแกะที่ตายเอง การรับประทานแกะที่ตายอย่างนี้ ไม่ได้ ถือเป็นการบริโภคสิ่งที่ไม่ดี เพราะอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงห้ามเรารับประทานสัตว์ที่ตายเอง อย่างนี้ เราก็ต้องไม่รับประทานสัตว์ที่ตายเอง ถึงแม้ว่า มันจะเป็นสัตว์ที่ได้รับอนุญาตให้บริโภคได้ก็ตาม...

          ในอีกทางหนึ่ง การที่คน ๆหนึ่งได้ไปขโมยแกะตัวหนึ่งมา แล้วนำมาเชือดด้วยวิธีการที่ถูกต้องตามหลักของบทบัญญัติศาสนา ..ในกรณีอย่างนี้ก็ไม่ได้ ไม่อนุญาตให้เรารับประทานแกะตัวนั้นเช่นกัน เพราะเราได้แกะตัวนั้นมาด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบธรรมตามหลักของบทบัญญัติศาสนา

 

          นั่นก็คือ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้บรรดาผู้ศรัทธาซึ่งก็รวมถึงตัวเราในสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งใช้บรรดาเราะซูลของพระองค์ โดยการให้เราบริโภคสิ่งที่ดี ๆ และที่มาของมันก็ต้องดีด้วย เมื่อเราบริโภคสิ่งดี ๆแล้ว ก็ให้เราประกอบอะมัลการงานที่ดี ๆ ด้วย 

 

          อะมัลการงานที่ดี ก็คือการงานที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงกำหนดว่าเป็นความดี ไม่ใช่ความดี ไม่ใช่ความงามตามที่มนุษย์บอกกันเอง เป็นอะมัลการงานที่ทำด้วยอิคลาศ มีความบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเพียงองค์เดียว และมุตาบะอะฮฺ คือปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านนบี ถูกต้องสอดคล้องกับชะรีอะฮฺของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

...แล้วท่านนบีได้เล่าถึงชายคนหนึ่งว่า

 

ثُمَّ ذَكَرَ الرَّجُلَ يُطِيلُ السَّفَرَ أَشْعَثَ أَغْبَرَ، يَمُدُّ يَدَيْهِ إِلَى السَّمَاءِ، يَا رَبِّ، يَا رَبِّ،

 

หลังจากนั้น ท่านนบีได้เล่าถึงชายคนหนึ่งที่ يُطِيلُ السَّفَرَ เดินทางเป็นระยะเวลายาวนาน

 

 أَشْعَثَ أَغْبَرَ การเดินทางที่ยาวนานนั้นทำให้ผมเผ้าของเขายุ่งเหยิง คละเคล้าไปด้วยฝุ่น ( แสดงว่า เขาอาจเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกล ซึ่งเขาก็ไม่ได้สนใจสภาพของตัวเขาเลย แต่สิ่งที่เขาสนใจก็คือ )

 

 يَمُدُّ يَدَيْهِ إِلَى السَّمَاءِ เขายกมือทั้งสองขึ้นสู่ฟากฟ้า (เพื่อขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาว่า)

 

 يَا رَبِّ، يَا رَبِّ โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์ ...โอ้ พระเจ้าของข้าพระองค์ (แล้วเขาก็ขอสิ่งนั้นสิ่งนี้มากมาย)

 

طْعَمُهُ حَرَامٌ،وَمَ “(ชายคนนี้ขอดุอาอ์อย่างมากมาย )ในขณะที่อาหารที่เขาบริโภคนั้นหะรอม

 

      หะรอมทั้งในตัวอาหาร คือเป็นอาหารที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงกำหนดว่ามันหะรอม และบางอย่างก็เป็นสิ่งที่หะลาล แต่หะรอมในการที่ได้รับมันมา ก็คือ เป็นอาหารที่หะลาลแต่ได้มาด้วยวิธีการที่หะรอม ไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติศาสนา

 

وَمَشْرَبُهُ حَرَامٌ،   เครื่องดื่มที่เขาดื่มนั้นก็หะรอม

 

      อาหารก็หะรอม เครื่องดื่มที่เขาดื่มก็ยังหะรอมอีก หะรอมทั้งในตัวเครื่องดื่ม และวิธีการที่ได้เครื่องดื่มนั้นมา

 

وَمَلْبَسُهُ حَرَامٌ،   เครื่องนุ่งห่มที่เขาสวมใส่นั้นหะรอม

 

      เครื่องนุ่งห่มยังหะรอมอีก

 

وَغُذِيَ بِالْحَرَامِ،   และยังชีพอยู่ด้วยกับสิ่งหะรอม

 

     ♦ ดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ๆด้วยสิ่งหะรอม

 

لِذَلِكَ؟ فَأَنَّى يُسْتَجَابُ   อย่างนี้แล้ว ดุอาอ์ของเขาจะถูกตอบรับได้อย่างไร ?”

 

     นั่นแสดงให้เห็นว่า ชายคนนี้ขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่างมากมายในขณะที่เขากำลังเดินทาง และเป็นการเดินทางไกล ซึ่งสภาพดังกล่าวถือเป็นเงื่อนไขหนึ่งของการได้รับการตอบรับดุอาอ์จากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อีกทั้งเขายังยกมือขึ้นสู่ฟากฟ้าอันแสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการขอดุอาอ์ของเขาว่า พระองค์จะทรงตอบรับการขอดุอาอ์ของเขา เพราะมีอัลหะดีษยืนยันไว้

 

     อัลหะดีษ (เศาะหิหฺ) ในบันทึกของอิมามอัตติรฺมีซีย์ รายงานจากท่านซัลมาน อัลฟาริซีย์ ว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

إنَّ اللَّهَ حيِىٌّ كريمٌ يستحي إذا رفعَ الرَّجلُ إليْهِ يديْهِ أن يردَّهما صفرًا خائبتينِ

 

     แท้จริง อัลลอฮฺทรงชีวิน ทรงใจบุญ พระองค์ทรงละอายกับการที่บ่าวของพระองค์คนหนึ่งได้ยกมือทั้งสองขึ้นเพื่อขอดุอาอ์ต่อพระองค์ แล้วเขาต้องผิดหวัง กลับไปแบบมือเปล่า

 

          นั่นแสดงให้เห็นถึงความเมตตาของพระองค์ที่ทรงมีต่อบ่าวของพระองค์ที่เขาได้ยกมือขอสิ่งต่าง ๆ จากพระองค์ แล้วพระองค์ทรงประสงค์จะให้เขาได้รับตามที่เขาขอ ซึ่งแสดงว่า การยกมือขึ้นขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดุอาอ์ของเราถูกตอบรับจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

          จากอัลหะดีษข้างต้น แสดงให้เห็นถึงชายคนหนึ่งที่เขาได้ยกมือขึ้นวิงวอนขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาและอยู่ในสภาพที่เขากำลังเดินทางไกล ซึ่งเป็นสภาพที่ถือว่า เป็นสภาพที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะทรงตอบรับการขอดุอาอ์ของเขา แต่กลับกลายเป็นว่า ในตอนสุดท้ายของอัลหะดีษบทนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมมีคำถาม ถามเราว่า อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงดี พระองค์ทรงรับแต่สิ่งดี ๆ อย่างนี้แล้ว พระองค์จะทรงตอบรับการขอดุอาอ์ของชายคนนี้ได้อย่างไร ?

 

           เพราะการดำเนินชีวิตของชายคนนี้นั้นมีแต่สิ่งไม่ดี เขาข้องเกี่ยวกับสิ่งหะรอมตลอดเวลา รับประทานของหะรอม ดื่มเครื่องดื่มที่หะรอม สวมใส่เสื้อผ้าที่หะรอม ดำเนินชีวิตด้วยกับของหะรอม ...นั่นจึงเป็นการเตือนสำทับเรา และชี้ให้เราเห็นว่า การที่เราบริโภคสิ่งหะรอม การดื่มเครื่องดื่มที่หะรอม สวมใส่เครื่องนุ่มห่มที่หะรอม ดำรงชีวิตด้วยปัจจัยยังชีพที่หะรอม หรือไม่หะรอมแต่ได้มาด้วยวิธีการที่หะรอม ...สิ่งต่าง ๆเหล่านี้ มันคือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดุอาอ์ของเราไม่ได้รับการตอบรับจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา 

 

          เพราะพระองค์ทรงยืนยันไว้แล้วว่า พระองค์ทรงดี ทรงรับแต่สิ่งดี ๆ สิ่งที่หะลาล สิ่งที่เป็นบทบัญญัติศาสนาของพระองค์ และพระองค์ไม่ทรงรับสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่หะรอม ไม่ทรงรับสิ่งที่มันฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของพระองค์

 

          ดังนั้น พิจารณาตัวเราว่า ขอดุอาอ์มาอย่างมากมาย ขอดุอาอ์มาอย่างยาวนาน ดุอาอ์ของเราได้รับการตอบหรือเปล่า ? หากยังไม่ได้รับการตอบรับ ก็ให้พิจารณาดูสาเหตุต่าง ๆ และหนึ่งในสาเหตุนั้นก็คือ การดำเนินชีวิตประจำวันของเรานั้นยืนหยัดมั่นคงอยู่กับสิ่งดี ๆที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงกำหนดหรือเปล่า ปฏิบัติตามคำสั่งใช้คำสั่งห้ามของพระองค์หรือไม่ ละเมิดคำสั่งอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาไหม เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก็คือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้การขอดุอาอ์ของเราไม่ได้รับการตอบรับจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

 

           สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโปรดช่วยเหลือให้เราเป็นผู้ที่มีอีมานที่เข้มแข็ง เป็นผู้ที่ยืนหยัด ยึดมั่นและปฏิบัติตามบทบัญญัติศาสนา ในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะออกห่างจากสิ่งหะรอมทั้งหมด ละเลิกออกจากการฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพื่อที่ดุอาอ์ของเราจะได้เป็นดุอาอ์ที่มุสตะญาบ ได้รับการตอบรับจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ..อามีน

 

 

( นะศีหะหฺ มัสญิดดารุลอิหฺซาน บางอ้อ )