พูดแล้วไม่ทำ จึงต้องถูกลงโทษ
  จำนวนคนเข้าชม  2375

พูดแล้วไม่ทำ จึงต้องถูกลงโทษ

 

 อับดุลสลาม เพชรทองคำ 

 

          เหตุการณ์ที่แปดของการมิอ์รอจญ์ของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งจะขอเสนอเป็นเหตุการณ์สุดท้ายแล้วตามที่นักวิชาการได้นำเสนอเหตุการณ์ไว้ เป็นเหตุการณ์ที่มีรายงานอยู่ในอัลหะดีษ บันทึกโดยท่านอิบนิ มัรดะวัยฮ์ และท่านอื่น ๆ ซึ่งท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้เล่าความว่า

 

     ฉันได้เดินทางผ่านชนกลุ่มหนึ่งที่ลิ้นและริมฝีปากของพวกเขาถูกตัดให้ขาดด้วยคีมเหล็ก และทุกครั้งที่ลิ้นและริมฝีปากของพวกเขาถูกตัดขาดไปแล้ว หลังจากนั้นมันก็จะมีสภาพกลับมาเหมือนดังเดิม (ก็คือกลับมาอยู่ในสภาพเดิมเหมือนตอนที่ยังไม่ได้ถูกตัด แล้วมันก็จะถูกตัดให้ขาดอีก) เป็นเช่นนี้เรื่อย ๆไป

     ฉันจึงได้ถามท่านญิบรีลว่าโอ้ ท่านญิบรีล ชนกลุ่มนี้คือใครกันหรือ ?”

     ท่านญิบรีลตอบว่าชนกลุ่มนี้ ก็คือบรรดานักพูด นักบรรยายจากประชาชาติของท่านที่พูดแล้ว ไม่ทำตามสิ่งที่เขาพูด

สำหรับอีกรายงานระบุว่า

     ท่านญิบรีลตอบว่าชนกลุ่มนี้ ก็คือบรรดานักพูด นักบรรยายที่พูดสร้างฟิตนะฮฺให้เกิดขึ้นในสังคม

 

          นี่ก็คือบทลงโทษอย่างหนึ่งของคนที่พูดเชิญชวนผู้อื่นให้ทำความดี แต่ตัวเองกลับไม่ได้ทำ หรือบางคนก็ห้ามปรามผู้อื่นไม่ให้ทำความชั่ว แต่ตัวเองกลับทำความชั่วนั้นเสียเอง.. ซ้ำร้ายบางคนก็กลับพูดจาสร้างฟิตนะฮฺให้เกิดขึ้นในสังคม มีความสามารถในการพูดจาเชิญชวน แต่กลับพูดจาบิดเบือนความจริง นำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง พูดจาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางโลกดุนยา โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ก่อให้เกิดความแตกแยก ความร้าวฉานให้เกิดขึ้นหมู่ผู้คน

 

          แท้จริงแล้ว อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงมีคำสั่งให้เราเชิญชวนกันให้ทำความดี ทำในสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งใช้ให้เราทำ และในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงสั่งให้เราห้ามปรามกันในเรื่องที่เป็นความชั่ว ให้เราห้ามปรามกันไม่ให้ทำสิ่งที่ผิดต่อบทบัญญัติศาสนาของพระองค์

 

         ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอาละอิมรอน อายะฮฺที่ 110 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

 كُنتُمۡ خَيۡرَ أُمَّةٍ أُخۡرِجَتۡ لِلنَّاسِ تَأۡمُرُونَ بِٱلۡمَعۡرُوفِ وَتَنۡهَوۡنَ عَنِ ٱلۡمُنكَرِ

 

พวกเจ้าคือประชาชาติที่ดียิ่งซึ่งถูกให้มีขึ้นสำหรับมนุษยชาติ

โดยที่พวกเจ้าใช้กัน เชิญชวนกันให้ปฏิบัติสิ่งที่เป็นความดี และห้ามปรามกันในสิ่งที่ไม่ดี

 

          อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงยืนยันว่า ประชาชาติของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเป็นประชาชาติที่ดียิ่ง เป็นประชาชาติที่ได้รับเกียรติจากพระองค์เหนือประชาชาติอื่น ๆ ทั้งนี้เพราะ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมถือเป็นมนุษย์ที่ดีที่สุด เป็นนบีและเราะซูลที่ได้รับเกียรติจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลามากที่สุด เป็นเราะซูลที่นำเอาบทบัญญัติที่สำคัญที่สุดและสมบูรณ์ที่สุดมาเผยแผ่แก่มนุษยชาติทั้งหมด โดยที่ไม่เคยมีนบีและเราะซูลท่านใดเคยได้รับเกียรติเช่นนี้มาก่อน ..

          ดังนั้น เราจึงถือเป็นคนหนึ่งที่เป็นประชาชาติของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในประชาชาติที่ดีที่สุด และเป็นคนหนึ่งที่ถูกสั่งใช้ให้ทำความดีและห้ามปรามกันในเรื่องความชั่ว ซึ่งใครก็ตามที่เขาสามารถทำสิ่งนี้ได้ เขาก็คือ ผู้ที่ได้รับความสำเร็จ

 

     ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอาละอิมรอน อายะฮฺที่ 104 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

وَلۡتَكُن مِّنكُمۡ أُمَّةٞ يَدۡعُونَ إِلَى ٱلۡخَيۡرِ وَيَأۡمُرُونَ بِٱلۡمَعۡرُوفِ وَيَنۡهَوۡنَ عَنِ ٱلۡمُنكَرِۚ وَأُوْلَٰٓئِكَ هُمُ ٱلۡمُفۡلِحُونَ

 

     และจงให้มีขึ้นจากพวกเจ้า ซึ่งคณะหนึ่งที่จะเชิญชวนไปสู่ความดี และใช้ให้กระทำสิ่งที่เป็นความดีตามที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้ให้ทำ และห้ามปรามกันในเรื่องที่ไม่ดี ไม่ให้ทำในสิ่งที่ผิดต่อบทบัญญัติศาสนาของพระองค์... และชนเหล่านี้แหละ พวกเขาคือผู้ได้รับความสำเร็จ

 

          ดังนั้น ใครที่เชิญชวนผู้คนให้ทำความดี และห้ามปรามกันในเรื่องของความชั่ว เขาก็คือผู้ที่ได้รับความสำเร็จ ก็คือเป็นผู้ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงรัก ทรงโปรดปราน และในท้ายที่สุด เขาจะได้รับสวรรค์อันบรมสุขของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเป็นที่พำนักตลอดกาลในโลกอาคิเราะฮฺ ...นี่ก็คือ ผู้ที่ได้รับความสำเร็จ

 

          แต่อย่างไรก็ตาม อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็ทรงคาดโทษอย่างรุนแรงแก่ผู้ที่เชิญชวนผู้อื่นให้ทำความดี แต่ตัวเองไม่ทำ ..ในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงคาดโทษอย่างรุนแรงแก่ผู้ที่ห้ามปรามคนอื่นไม่ให้ทำความชั่ว แต่ตัวเองกลับทำเสียเอง

          ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัศศ็อฟ อายะฮฺที่ 2 – 3 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

يَٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ لِمَ تَقُولُونَ مَا لَا تَفۡعَلُونَ

 

โอ้บรรดาผู้ศรัทธา ทำไมพวกเจ้าจึงพูด แล้วไม่ทำในสิ่งที่พวกเจ้าพูด

 

كَبُرَ مَقۡتًا عِندَ ٱللَّهِ أَن تَقُولُواْ مَا لَا تَفۡعَلُونَ

 

ช่างเป็นที่น่าเกลียดชังยิ่งนัก ณ ที่อัลลอฮฺ (สำหรับ)การที่พวกเจ้าพูดแล้วไม่ทำในสิ่งที่พวกเจ้าพูด

 

          นั่นก็หมายความว่า อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮุวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้เรียกร้องเชิญชวนผู้คนให้ทำความดี ทำสิ่งที่อยู่ในขอบเขตของบทบัญญติศาสนาของพระองค์ ในขณะเดียวกันก็ต้องห้ามปรามผู้คน ไม่ให้ทำสิ่งที่ผิดบทบัญญัติศาสนาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ..

 

          และเมื่อเราเรียกร้องเชิญชวนผู้คนให้ทำความดีแล้ว เราก็ต้องทำความดีนั้นด้วย และเมื่อเราห้ามปรามผู้คนไม่ให้ทำความชั่วความผิด ไม่ให้ทำสิ่งที่ผิดบทบัญญัติศาสนา เราก็ต้องไม่ทำสิ่งเหล่านั้นด้วยเช่นกัน รวมไปถึงการรักษาสัญญา เมื่อทำสัญญาสิ่งใดไว้ ก็ต้องรักษาสัญญาด้วยเช่นกัน เพราะหากเราไม่ทำอย่างนี้ ในวันกิยามะฮฺ เราก็ต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน 

 

          หนึ่งในบทลงโทษก็คือ เรื่องราวข้างต้น และยังมีบทลงโทษอื่น ๆอีก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นนักวิชาการที่เป็นนักพูด นักบรรยาย ที่พูดจาเชิญชวนผู้คนให้ทำความดี ทำตามบทบัญญัติศาสนา แต่ตัวเองกลับไม่ทำ หรือพูดจาห้ามปรามผู้คน ไม่ให้ทำความชั่ว แต่ตัวเองกลับทำเสียเอง อย่างนี้ก็ต้องระวังตัวให้ดี เพราะการกระทำดังกล่าวนี้เป็นการกระทำที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงเกลียดชัง

 

          อัลหะดีษในบันทึกของอิมามอัลบุคอรีย์ และอิมามมุสลิม รายงานจากท่านอะบีซัยดฺ ก็คือ ท่านอุซามะฮฺ อิบนิซัยด์ อิบนิฮาริษะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า ได้ยินท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวความว่า

 

     ในวันกิยามะฮฺ จะมีคนถูกนำตัวมาโยนลงในนรก แล้วไส้ที่อยู่ในท้องของเขาก็จะทะลักออกมา แล้วเขาก็จะเดินวนเวียนไปมารอบไส้ที่ทะลักนั้น เหมือนกับลาที่เดินวนเวียนไปมารอบ ๆโม่หิน ..

     บรรดาชาวนรกก็จะมารุมล้อมเขาแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือ ? (ฉันเห็นว่าในดุนยา)ท่านเคยเป็นผู้ที่กำชับเชิญชวนผู้คนให้ทำความดี และห้ามปรามผู้คนไม่ให้ทำความชั่วไม่ใช่หรือ ( แล้วทำไมยังต้องมาถูกลงโทษเช่นนี้ ) ?

     เขาคนนั้นก็จะตอบว่าใช่แล้ว ( ในโลกดุนยา ) ฉันพูดจาเชิญชวนให้ผู้คนทำความดี ทำสิ่งอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้ แต่ตัวฉันเองกลับไม่ได้ทำ และฉันก็ห้ามปรามผู้คนไม่ให้ทำความชั่ว ไม่ให้ทำสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงห้าม แต่ฉันก็กลับทำความชั่ว ทำสิ่งที่พระองค์ทรงห้ามเสียเอง (ฉันจึงต้องโดนลงโทษอย่างนี้)”

 

          นั่นก็คือ เรื่องราวบางส่วนของการลงโทษสำหรับผู้ที่เรียกร้องเชิญชวนผู้คนให้ทำความดี และห้ามปรามผู้คนจากการทำความชั่ว แต่ตัวเองกลับทำตรงกันข้าม ไม่ปฏิบัติตามในสิ่งที่ตัวเองพูด จึงต้องได้รับการลงโทษและเป็นการลงโทษที่เจ็บปวดทรมาน....

 

           และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคนที่พูดนั้นเป็นอุละมาอ์ เป็นนักวิชาการ เป็นผู้รู้ เป็นผู้บรรยายศาสนาก็เป็นเรื่องที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงเกลียดชัง ทรงโกรธกริ้วยิ่งกว่า เป็นบทลงโทษเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ยกตัวอย่างให้เราได้ตระหนัก เพื่อให้เราได้หลีกห่างให้ห่างไกลจากการพูดแล้วไม่ปฏิบัติตามในสิ่งที่ตัวเองพูด เพราะไม่เช่นนั้น เราก็ต้องได้รับการลงโทษที่เจ็บปวดในวันกิยามะฮฺ .. เป็นเหตุการณ์บางเหตุการณ์ที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้พบเห็นในเหตุการณ์อัลอิสรออ์วัลมิอฺรอจญ์ ...

 

          ซึ่งเรื่องของอัลอิสรออ์ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดบนภาคพื้นดิน เป็นการเดินทางของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจากบัยตุลลอฮฺ มัสญิดอัลหะรอม ที่มครมักกะฮฺ ซาอุดิอารเบียไปยังบัยตุลมุก็อดดิส มัสญิดอัลอักซอ ที่นครเยรูซาเล็ม ปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นระยะทางที่ยาวไกลกว่าหนึ่งพันกิโลเมตร แต่ใช้เวลาเดินทางไม่นาน ใช้เวลาเพียงเสี้ยวหนึ่งของค่ำคืนเท่านั้นเอง 

 

          ส่วนเรื่องราวของอัลมิอ์รอจญ์เป็นเหตุการณ์ที่ต่อจากอัลอิสรออ์ เกิดในค่ำคืนเดียวกัน เป็นเหตุการณ์ที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้เดินทางจากบัยตุลมุก็อดดิส (มัสญิดอัลอักซอ) ในนครเยรูซาเล็ม (ปาเลสไตน์) ขึ้นไปยังชั้นฟ้าต่าง ๆ และได้พบกับท่านนบีหลาย ๆท่าน และท้ายที่สุด ได้เข้าเฝ้าอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาด้วย เป็นการเดินทางโดยไม่ได้ใช้พาหนะใด ๆทั้งสิ้นเลย และเป็นการเดินทางไปพร้อมกับท่านญิบรีล อะลัยฮิสสลาม 

 

          เป็นเหตุการณ์ที่ถือเป็นมัวอ์ญิซาตของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นเรื่องราวมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจริง ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพื่อแสดงให้เห็นถึงเดชานุภาพของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และยืนยันการเป็นนบีและเราะซูลของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมด้วย อีกทั้งยังเป็นบททดสอบด้วยว่า ใครบ้างที่จะเป็นผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่างแท้จริง ...

 

          ใครที่เชื่อ ใครที่ศรัทธาต่อเรื่องนี้ เขาก็คือผู้ศรัทธา ..ส่วนใครที่ไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาต่อเรื่องนี้ บรรดาอุละมาอ์กล่าวว่า เขาคือผู้ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่างชัดเจน

 

          สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโปรดให้เราเป็นผู้ที่มีมารยาทอันดีงามต่อบทบัญญัติศาสนาของพระองค์ โดยการพยายามศึกษาในเรื่องราวของพระองค์ เป็นผู้หาความรู้ในบทบัญญัติศาสนาของพระองค์ เมื่อได้เรียนรู้แล้วก็ให้เราได้ปฏิบัติตามในสิ่งที่เราได้เรียนรู้มา แล้วก็นำความรู้เหล่านั้นมาบอกต่อ มาเชิญชวนผู้คน มาตักเตือนผู้คน อบรมสั่งสอนคนในครอบครัวของเรา 

     และขอพระองค์โปรดให้เราเป็นผู้ที่ได้รับความดี จากการเป็นผู้ที่เรียกร้องเชิญชวนผู้คนไปสู่ความดีงาม แล้วเราก็เป็นผู้ที่ลงมือปฏิบัติด้วย ... 

     และในขณะเดียวกัน ขอพระองค์โปรดให้เราได้ความดีจากการที่เราห้ามปรามผู้คนไม่ให้ทำสิ่งที่เป็นความชั่วตามที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงกำหนดไว้ และตัวเราเองก็ไม่ทำความชั่วนั้นด้วย ..

     ขอพระองค์โปรดให้เรารอดพ้นจากการถูกลงโทษในวันกิยามะฮฺ และได้เข้าสวรรค์ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่างรวดเร็ว

 

 

( นะศีหะฮฺ มัสญิดดารุลอิหฺซาน บางอ้อ )