พรุ่งนี้ของอัลลอฮฺกับพรุ่งนี้ของเรา
  จำนวนคนเข้าชม  5870

พรุ่งนี้ของอัลลอฮฺกับพรุ่งนี้ของเรา

 

โดย... อาจารย์อีซา ภู่เอี่ยม

 

          เวลาชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก ในหลักการอิสลามจึงให้ระลึกถึงตลอดเวลาว่า ไม่วันใดวันหนึ่งเราต้องเจอกับความตาย และให้นึกเสมอว่า การระลึกถึงความตายเป็นเรื่องดี ไม่ใช่เป็นเรื่องไม่เป็นมงคล คนดีต้องไม่เผอเรอ มนุษย์เป็นสิ่งที่ถูกสร้างที่มีอายุไขมีวาระ มีจุดเริ่มต้น และมีที่สิ้นสุดของชีวิต อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

 

ทุกชีวิตต้องได้ลิ้มรสความตาย

(อาละอิมรอน 3 : 185)

 

          มนุษย์มีชีวิตมีวิญญาณ เพื่อให้พวกที่ไม่รู้รสชาติความตายได้รับรู้ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งมันมีอยู่สองอย่างคือ ตายดี และตายไม่ดี ไม่เตรียมอะไรให้พร้อม ไม่ได้ตายในอีมาน จบไม่สวยงาม

 

     อิสลามสอนว่า เวลาคนเรามีสามช่วง

     1. อดีต คือ เวลาที่ผ่านพ้นไปแล้วเรียกกลับมาไม่ได้ ย้อนเวลาไม่ได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะไปคร่ำครวญให้กลุ้มใจที่จะได้จากอดีตที่ผ่านไปแล้ว คือข้อเตือนใจ

     2. ปัจจุบัน ก็คือ วันนี้ที่เรามีชีวิตรอดอยู่ เราต้องทำวันนี้ของเราให้ดีที่สุดกว่าเมื่อวาน

     3. อนาคต ช่วงเวลาที่ยังมาไม่ถึงก็คือพรุ่งนี้ซึ่งก็คือหัวข้อเรื่องที่ตั้งไว้

 

          วันพรุ่งนี้ที่เป็นวันพรุ่งนี้ของมนุษย์ ไม่มีใครรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขา ดังนั้นศาสนาจึงสอนให้เรามอบหมายต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา พระองค์ตรัสไว้ในซูเราะฮฺลุกมานว่า

 

และไม่มีชีวิตใดจะล่วงรู้ว่า จะได้อะไรในวันพรุ่งนี้ และไม่มีชีวิตใดจะล่วงรู้ว่าเขาจะตายที่แผ่นดินไหน

(ลุกมาน 31 : 34)

 

          เพราะฉะนั้น เมื่อพรุ่งนี้ของเรายังมาไม่ถึง ก็อย่าไปคิดมากให้มันปวดหัว อย่าไปอะไรให้มันมากที่มันเป็นวันพรุ่งนี้ของเรา แต่ถ้าเป็น วันพรุ่งนี้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตามที่พระองค์มีคำสอนไว้ก็คือ วันกิยามะฮฺ ซึ่งอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสไว้ในซูเราะฮฺอัลฮัซรฺ อายะฮฺที่ 18 ว่า

 

และทุกชีวิตจงพิจารณาดูว่า อะไรบ้างที่ตนได้เตรียมหยิบยื่นไว้สำหรับพรุ่งนี้ (วันกิยามะฮฺ) และจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด

แท้จริง อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั้นทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

(อัลฮัชรฺ 59 : 18)

 

          วันพรุ่งนี้ ในอายะฮฺนี้ วันพรุ่งนี้ ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั่นคือ วันกิยามะฮฺ นั่นเอง ซึ่งต่างกับวันพรุ่งนี้ของเราอย่างสิ้นเชิง มันเป็นชีวิตหลังตายไปแล้ว ซึ่งวิญญาณไม่กลับมาอีกแล้ว เข้าสู่โลกบัรซัค เข้าสู่มิติของกิยาะมะฮฺแล้ว ซึ่งอะไรที่ตาไม่เคยเห็น หูไม่เคยได้ยิน ก็จะได้เห็น และได้ยิน ดังนั้น เราต้องเตรียมพร้อมต้องเร่งรีบ เราได้ข้อคิดจากคำกล่าวที่ว่า

 

จงทำงานในโลกดุนยา ประหนึ่งว่าจะมีชีวิตรอดตลอดกาล

          ข้อคิดก็คือ เมื่ออยู่ในดุนยานี้เราไม่ตาย ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องรีบร้อน ทำไปเรื่อย ๆ วันนี้ไม่เสร็จ วันพรุ่งนี้ก็ทำต่อไปอีก ไม่ต้องไปรีบทำงานหาเงินเสียจนไม่มีเวลาพัก

 

จงทำเพื่ออาคิเราะฮฺ ประหนึ่งว่าท่านจะตายแล้วในวันพรุ่งนี้ 

          ถ้าใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะตายแปดโมงเช้า ถามว่าคนๆ นั้น จะทำอะไรถ้าเขาเป็นมุสลิม? คงนอนมัสยิดไม่หลับ และไม่กลับบ้านแน่ คืนนี้เขาต้องเต็มที่ทั้งคืน ไม่ฟังใครแล้ว ละหมาด 5 เวลา เวลารู้สึกว่าจะน้อยไป แล้วถ้าตายก็กะฝั่นที่มัสยิดนั่นเลย

 

          ดังนั้น วันพรุ่งนี้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะเริ่มนับตั้งแต่หลังความตาย เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่เมื่อใดมันเริ่ม อายุไขก็จะสิ้นสุดลง ซึ่งหมดเวลาที่มนุษย์จะกลับมาแก้ตัวได้อีกแล้ว คนที่ฉลาดก็จะเตรียมพร้อม ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปวันแล้ววันเล่า โดยไม่มีอะไร ไม่ทำอะไร ถ้างานบ้านงานเรือนงานหาเงินพอจะหยุดได้ ถ้าเป็นข้าราชการเกษียณก็หยุดแล้ว ไม่ต้องไปทำแล้ว เพราะเป็นงานของดุนยา แต่งานอาคีเราะฮฺจะมาทำๆ หยุดๆ ไม่ได้ ต้องทำจนสิ้นลม ศาสนาสอนให้แข่งขันกันในเรื่องดีถึงจะถือว่าเป็นความดี 

 

          พระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงเล่าเรื่องสวรรค์ว่า เป็นที่พำนักที่สำราญอย่างไรในซูเราะฮฺอัลมุฏ็อฟฟิฟีน แล้วทรงขมวดในท้ายอายะฮฺที่ 26 ว่า

 

ในสิ่งดังกล่าวนั้น บรรดานักแข่งขันทั้งหลายก็จงแข่งขันกันเถิด

(อัลมุฏ็อฟฟิฟีน 83 : 26)

 

          การแข่งขันกันทำความดีนี้ไม่สูญเปล่า มีรางวัลที่เตรียมรอไว้ให้ปลายทาง รางวัลที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวตะอาลา ทรงจัดเตรียมไว้ให้บ่าวที่จงรักภักดี ดังนั้น อย่าได้ประมาทโดยไม่เห็นความสำคัญเด็ดขาด อย่าคิดว่านรกไม่น่ากลัว คนอื่นอยู่ได้เราก็อยู่ได้ สวรรค์ไม่เห็นจะเท่าไหร่มีสตางค์ก็ซื้อได้ในโลกนี้ การคิดแบบนั้น ถือว่าเป็นการสำคัญผิดที่ไปตำหนิรางวัลหรือการลงโทษของอัลลอฮฺ 

 

          สวรรค์ของพระองค์นั้น ตาไม่เคยเห็น หูไม่เคยได้ยิน และใจสุดจะหยั่งถึง พระองค์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

 

และเป็นรางวัลเป็นผลตอบแทนเป็นค่าจ้างที่ดีสำหรับผู้ลงมือปฏิบัติเพื่ออาคิเราะฮฺทั้งหลาย

(อาละอิมรอน 3 : 136)

 

          เราใหญ่โตขนาดไหน ถึงนิ่งดูดายไม่ลงมือทำทั้ง ๆ ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ผู้ทรงสิทธิ์เด็ดขาดในวันพิพากษาได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺอาละอิมรอน อายะฮฺที่ 133 ว่า

 

และเจ้าทั้งหลายจงรีบเร่งยังการกระทำที่เป็นเหตุให้ได้รับการอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า

และจงเร่งรีบสู่สวรรค์ ซึ่งความกว้างของมันนั้นเจ็ดชั้นฟ้า และเจ็ดชั้นแผ่นดิน

(อาละอิมรอน 3 : 136)

     ที่ต้องรีบทำความดีก็เพราะต้องแข่งกับเวลาชีวิต ว่ามันจะหยุดเดินเมื่อไหร่!

 

     ท่านอิบนุ อับบาส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้อธิบายความกว้างขวางของสวรรค์ในอายะฮฺนี้ว่า : อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงให้ชั้นฟ้าทั้งเจ็ดต่อเป็นผืนเดียวกัน และทรงให้ไปต่อกับแผ่นดินอีกเจ็ดชั้นที่ต่อไว้แล้ว นั่นคือความกว้างขวางของสวรรค์ที่ทรงเตรียมไว้แก่ผู้ที่มีตักวามีความยำเกรงพระองค์

 

          เมื่อทราบแล้วว่า วันพรุ่งนี้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เป็นอย่างไรก็ทำให้รู้ว่า วันพรุ่งนี้ของเรา ไม่เหมือนกับวันพรุ่งนี้ของอัลลอฮฺ ไม่มีอะไรแน่นอน ที่แน่ ๆ ก็คือ วันนี้ของเรา ต้องเริ่มใหม่ โดยทำให้ดีที่สุด โดยเห็นความสำคัญของโลกอาคิเราะฮฺมากกว่าโลกดุนยานี้ ไม่ว่าท่านจะทำงานในตำแหน่งอะไร เมื่อท่านเป็นมุสลิม จะเป็นนักวิชาการ นักการเมือง นายแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ ฯลฯ ทั้งหลายทั้งปวงก็ต้องให้ความสำคัญต่อการสร้างกุศลกรรมความดีเพื่อโลกหน้า 

 

     เฉกเช่นเดียวกัน ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เตือนประชาชาติของท่านไว้ว่า

 

     “ผู้ใดที่ตื่นเช้ามาแล้ว เขาเห็นโลกดุนยาสำคัญ และยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเขา อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงให้ความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของเขาพังลง (เขามองว่าคนในครอบครัว และญาติพี่น้อง และเพื่อนฝูงจ้องแต่จะเอาของเขา จนเขามองคนพวกนั้นเป็นศัตรู) พระองค์จะทำให้เห็นความยากจนปรากฏต่อหน้าต่อตาเขาอยู่ร่ำไป มีเท่าไหร่ก็ยังคิดยังพูดว่าไม่มีไม่ยอมควักเงินให้แก่ใครๆ และเขาจะไม่ได้อะไรจากโลกดุนยานี้ ยกเว้นเท่าที่อัลลอฮฺเขียนไว้สำหรับเขาเท่านั้น นอกนั้นถือว่าไม่ใช่ 

     ส่วนผู้ที่ตื่นเช้ามาแล้วเขาให้ความสำคัญต่อโลกอาคิเราะฮฺมากกว่าโลกดุนยา พระองค์จะให้เขามีความพอเพียง และพระองค์จะได้ทรงรวบรวมทรัพย์สินของเขาไว้ให้อยู่กับเขาตลอดไป เขาคิดเพียงว่าโลกดุนยาโดนบังคับให้มาหาเขาเอง มันไม่ได้สำคัญอะไรกับเขามากมายนัก

 

          อีกประการหนึ่งที่สำคัญยิ่งก็คือ เรามีหน้าที่ต้องขอดุอาต่ออัลลอฮฺให้เราตายในอีมาน และทำตามพระบัญชาของพระองค์ด้วย ไม่ใช่แค่ขออย่างเดียว ต้องทำเรื่อยไปอย่างสุดความสามารถจนตาย อะไรที่พระองค์ทรงห้ามต้องหลีกห่างโดยสิ้นเชิง ถึงจะถือว่าจบแบบสวยงาม ทำได้อย่างนี้แล้วก็จะทำให้เราหมดห่วงความเศร้าโศกเสียใจ

 

     พึงทราบว่า แท้จริง บรรดาผู้เป็นที่รักยิ่งของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นั้นย่อมไม่มีความกลัวเหนือพวกเขาเหล่านั้น ไม่ว่าจะเจออะไรข้างหน้า (เพราะพวกเขาสงบนิ่งแล้ว) และพวกเขาจะไม่โศกเศร้าเสียใจในสิ่งที่ทำในดุนยามาแล้ว

 

พวกที่ไม่กลัว และไม่เสียใจก็คือ

1. พวกที่มีความตักวา ยำเกรง

2. พวกที่มีอีมานศรัทธา

 

          ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เพื่อจะบอกให้รู้ว่า ศาสนาสอนและย้ำเตือนเสมอว่า วันพรุ่งนี้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา คือโลกอาคิเราะฮฺ วันพรุ่งนี้ของเราในโลกนี้ เราไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสได้อยู่ถึงหรือเปล่า? 

 

          เวลาชีวิตจริงๆ ของเราสั้นนัก จงอย่าได้ประมาทเด็ดขาด ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องรีบเร่งทำความดี ทำตามที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ใช้ ละเว้นสิ่งที่พระองค์ห้าม เพื่อเป็นเสบียงช่วยให้เราถึงเส้นชัย และได้รับรางวัลที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้ 

 

          สนามการแข่งขันทำความดีตามที่พระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงใช้ไม่เคยรังเกียจบ่าวคนใดแม้สักคนเดียว ลงสนามมากันเถอะนะ ขอดุอาอฺ ขออภัยโทษอย่างแท้จริง แล้วแข่งขันกันทำความดี แล้วเราจะมีแต่ความภาคภูมิใจ เพราะการลงมาแข่งขันในสนามแห่งนี้ ไม่มีคำว่าแพ้พ่าย มีแต่ชนะอย่างเดียว

 

 

ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปีโรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร