อุลามาอฺ คือ ใคร ?
  จำนวนคนเข้าชม  8861


อุลามาอฺ คือ ใคร ?

 

อับดุลวาเฮด สุคนธา

 

          อิสลามให้การยกย่องผู้มีความรู้และผู้แสวงหาความรู้ ผู้มีความรู้เปรียบเสมือนผู้รับมรดกมาจากบรรดานบี และฐานะตำแหน่งของผู้รู้ในอิสลามที่มีคุณค่า และมีเกียรติ ณ ที่พระองค์ คุณค่าของความรู้ไม่ใช่กระดาษแผ่นเดียวรับรองคุณวุฒิ ? แน่นอนนั่นไม่ใช่มาตรวัดความรู้ในอิสลาม เพราะอิสลามมีมาตรฐานรับรองอาชีพนี้ที่เหนือกว่า และมีประสิทธิภาพกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้

 

ท่านอิบนุก็อยยิม กล่าวว่า

          บรรดาผู้รู้ที่มีความรู้และความเข้าใจในศาสนาอิสลามอย่างถ่องแท้ และผู้ที่มีการชี้ขาดประเด็นปัญหาต่างๆ ในหมู่ประชาชาติ ซึ่งอุทิศตนเพื่อการการวินิจฉัยหลักการ และตั้งใจที่จะกำหนดกฎเกณฑ์สำหรับสิ่งที่อนุญาต(ฮะลาล)ออกจากสิ่ง(ฮะรอม)ต้องห้าม สำหรับตำแหน่งพวกเขาอยู่ในโลกนี้ ดั่งดวงดาวบนท้องฟ้าคอยนำทาง

 

ท่านเชค มูฮัมหมัด ซอแหละ อัลอุษัยมีน กล่าวว่า

          ผู้รู้ในบทบัญญัติอิสลาม พวกเขาคือทายาทของนบี แท้จริงบรรดานักปราชญ์บรรดาอุละมาอ์ เป็นทายาท(ผู้รับมรดก)ของบรรดานบี แท้จริง นบีจะไม่ทิ้งมรดกแห่งดินารและดิรฮัม(ทรัพย์สิน)

 

         ท่านนบี เสียชีวิตไป ลูกสาวของท่าน คือ ฟาติมะฮ์ และอับบาสลุงของเขา ไม่ได้รับมรดกอะไรเลย เพราะท่านไม่ได้ทิ้งสิ่งใดเป็นมรดก เพราะสิ่งที่บรรดานบีทิ้งเอาไว้เป็นมรดก นั่นคือ ความรู้ บทบัญญัติของอัลลอ์ แท้จริง พวกเขาจะทิ้งมรดกแห่งความรู้ไว้ ผู้ใดรับมันไว้ เขาก็รับเอาสิ่ง(กำไร)ที่มากมาย

 

ท่านเชค อับดุลเราะหฺมาน บิน มูอัลลา กล่าวว่า 

          บรรดาผู้รู้ในบทบัญญัติของอัลลอฮฺ มีความเข้าใจในศาสนาอย่างถ่องแท้ เป็นผู้ปฏิบัติตามความรู้ของพวกเขาซึ่งอยู่บนทางนำและแนวทางที่ถูกต้อง และพระองค์ทรงมอบของขวัญแก่พวกเขาให้ได้เข้าใจศาสนา

 

     อัลลอฮ์ ทรงกล่าวว่า

 

وَمَن يُؤْتَ الْحِكْمَةَ فَقَدْ أُوتِيَ خَيْرًا كَثِيرًا وَمَايَذَّكَّرُ إِلاَّ أُوْلُوا اْلأَلْبَابِ

 

     “และผู้ใดที่ได้รับความรู้ แน่นอนเขาก็ได้รับความความดีอันมากมาย และไม่มีใครจะรำลึก นอกจากบรรดาผู้ที่มีสติปัญญาเท่านั้น

 (สูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 269)

อัลลอฮ์ ทรงกล่าวว่า

 

وَمَا كَانَ الْمُؤْمِنُونَ لِيَنفِرُوا كَافَّةً فَلَوْلَا نَفَرَ مِن كُلِّ فِرْقَةٍ مِّنْهُمْ طَائِفَةٌ لِّيَتَفَقَّهُوا فِي الدِّينِ وَلِيُنذِرُوا قَوْمَهُمْ إِذَا رَجَعُوا إِلَيْهِمْ لَعَلَّهُمْ يَحْذَرُونَ

 

     “ไม่บังควรที่บรรดาผู้ศรัทธาจะออกไปสู้รบกันทั้งหมด ทำไมแต่ละกลุ่มในหมู่พวกเขาจึงไม่ออกไปเพื่อหาความเข้าใจในศาสนา

     และเพื่อจะได้ตักเตือนหมู่คณะของพวกเขา เมื่อพวกเขาได้กลับมายังหมู่คณะของพวกเขา โดยหวังว่าหมู่คณะของพวกเขาจะได้ระมัดระวัง

(อัต-เตาบะฮฺ 122)

 

อุลามาอฺ คือ มรดก(ทายาท)ของบรรดาศาสดา

 

     ท่านเราะสูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวถึงความประเสริฐของพวกเขาไว้ว่า

 

إِنَّ الْعُلَمَاءَ وَرَثَةُ الْأَنْبِيَاءِ إِنَّ الْأَنْبِيَاءَ لَمْ يُوَرِّثُوا دِينَارًا وَلَا دِرْهَمًا، إِنَّمَا وَرَّثُوا الْعِلْمَ، فَمَنْ أَخَذَ بِهِ أَخَذَ بِحظٍّ وَافِرٍ

 

     “บรรดาอุละมาอ์คือผู้รับมรดกจากบรรดานบี แท้จริง นบี จะไม่ทิ้งมรดกแห่งดินารและดิรฮัม(ทรัพย์สิน) แท้จริง พวกเขาจะทิ้งมรดกแห่งความรู้ไว้ ผู้ใดรับมันไว้ เขาก็รับเอาสิ่ง(กำไร)ที่มากมาย

(บันทึกโดย อะหฺมัด , อัต-ติรมีซีย์ และอบูดาวูด อัช-ชัยคฺ อัล-อัลบานีย์ สายรายงานหะสัน)

 

อุลามาอฺ คือ ผู้ที่เกรงกลัวอัลลอฮฺ และมีความยำเกรง

 

     อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า

 

إِنَّمَا يَخْشَى اللَّهَ مِنْ عِبَادِهِ الْعُلَمَاء

 

บรรดาผู้ที่มีความรู้จากปวงบ่าวของพระองค์เท่านั้นที่เกรงกลัวอัลลอฮ์

 (สูเราะฮฺฟาฏิร 28)

 

ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนิ มัสอู๊ด กล่าวว่า 

          มันไม่ใช่ความรู้กับ(คนท่องจำหะดีษ มาก หรือ สายรายงานเยอะ) แท้จริงความรู้นั้นคือ การเกรงกลัวอัลลอฮฺ (ทำให้เขานั้นกลัวพระองค์)

 

ท่านบ อะซัน บัสรีย์ กล่าวว่า 

          ผู้รู้คือ ผู้ที่เกรงกลัวอัลลอฮฺต่อสิ่งเร้นลับ และปรารถนาในสิ่งที่พระองค์ทรงปราถนา(ทำความดี)

 

     ท่านนบีมูซา อะลัยอิสลาม ถามอัลลอฮฺว่าบ่าวคนใดที่มีความเกรงกลัวต่อท่านมากที่สุด

     พระองค์ทรงตอบว่าคนผู้ที่มีความรู้ต่อฉันในหมู่ของพวกเขา

 

ท่านอิมาม อิบนุ ร่อยับ กล่าวว่า ความรู้ที่ดี มีสองประเภท

 

          หนึ่ง ความรู้เกี่ยวกับพระองค์อัลลอฮฺ ด้านพระนามและคุณลักษณะของพระองค์ การมอบหมาย การเกรงกลัว ความรัก การพึงพอใจต่อการกำหนดของพระองค์ และการอดทนต่อภัยทดสอบที่เกิดขึ้น

 

          สอง ความรู้เกี่ยวกับบทบัญญัติที่พระองค์ทรงรักและพึงพอใจ และสิ่งที่น่ารังเกียจ และทรงกริ้วโกรธ จากหลักเชื่อมั่นและการงานที่เปิดเผยและซ่อนเร้นจากคำพูด

 

อุลามาอฺ คือ ผู้ที่อัลลอฮฺให้เขาเข้าใจศาสนา

 

     อัลลอฮฺ ทรงกล่าวว่า

 

وَمَن يُؤْتَ الْحِكْمَةَ فَقَدْ أُوتِيَ خَيْرًا كَثِيرًا وَمَايَذَّكَّرُ إِلاَّ أُوْلُوا اْلأَلْبَابِ

 

     “และผู้ใดที่ได้รับความรู้ แน่นอนเขาก็ได้รับความความดีอันมากมาย และไม่มีใครจะรำลึก นอกจากบรรดาผู้ที่มีสติปัญญาเท่านั้น

 (สูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 269)

จากท่านมุอาวิยะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺท่านเราะสุลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า

 

مَنْ يُرِدِ اللهُ بِهِ خَيْرًا يُفَقِّهْهُ فِي الدِّينِ

 

ผู้ใดที่อัลลอฮ์ประสงค์ดีแก่เขา พระองค์จะทรงให้เขาเข้าใจในศาสนา

(บันทึกโดย บุคอรีย์)

 

อุลามาอฺ คือ ผู้ที่นำทางมนุษย์ไปสู่ทางนำที่ถูกต้อง

 

     อัลลอฮ์ ทรงกล่าวว่า

 

وَجَعَلْنَا مِنْهُمْ أَئِمَّةً يَهْدُونَ بِأَمْرِنَا لَمَّا صَبَرُوا وَكَانُوا بِآيَاتِنَا يُوقِنُونَ

 

     “และเราได้จัดให้มีหัวหน้าจากพวกเขา เพื่อจะได้ชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องตามคำบัญชาของเรา ในเมื่อพวกเขามีความอดทนและพวกเขาเชื่อมั่นต่ออายาตทั้งหลายของเรา

 (สูเราะฮฺอัส-สัจญ์ดะฮฺ 24)

 

จากอัลมุฆีรอฮฺ บิน ชุอฺบะฮฺ เล่าว่า : แท้จริงท่านเราะสูล กล่าวว่า :

 

لا تزال طائفة من أمّتي ظاهرين على الحقّ لا يضرّهم من خذلهم حَتّى يأْتي أَمر اللّه وهم كذلك

 

     “จะมีกลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของฉันที่ยืนหยัดอยู่ในแนวทางที่เที่ยงตรง ไม่มีใครสามารถทำอันตรายกับพวกเขาจนกระทั่ง (ความตาย) ได้มาหาพวกเขาในขณะที่พวกเขายืนหยัดอยู่ (ในแนวทางดังกล่าว)” 

(บันทึกโดยมุสลิม)

 

     อันนะวาวียฺ กล่าวว่าความหมายกลุ่มนี้ตามคำอธิบายของอิหม่ามอัลบุคอรีย์ คือบรรดาผู้รู้ และตามทัศนะของอะฮฺหมัดคือ อะฮฺลุลหะดีษ ดังคำพูดของท่านที่ว่า ถ้าไม่ใช่อะฮฺลุลหะดีษแล้ว ข้าพเจ้าไม่รู้อีกเลยว่าพวกเขาคือใคร

 

อุลามาอฺ คือ ผู้ที่อัลลอฮ์ทรงกลับไปยังพวกเขา(กลับไปยังผู้รู้)

 

     อัลลอฮ์ ทรงกล่าวว่า

 

أَطِيعُوا اللهَ وَأَطِيعُوا الرَّسُولَ وَأُولِي الأَمْرِ مِنْكُمْ

 

ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย

( อัลนิซา 59)

     ท่านอิบนุ อับบาส และท่าน มูญาฮิด กล่าวว่า คือผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในศาสนา

 

อุลามาอฺ คือ ผู้ที่อัลลอฮฺทรงกลับไปยังพวกเขา(กลับไปถามผู้รู้ มีปัญหาต่างๆในศาสนา)

 

          จงนำปัญหาที่ขัดแย้งกันไปหาคำตอบที่กุรอานและซุนนะห์ หาข้อสรุปด้วยหลักฐานที่มีอยู่ในนั้น เพราะจำเป็นต่อเราที่ต้องทำตามอัลกุรอานละซุนนะห์และคำพูดของนักวิชาการผู้รู้ที่มีความรู้อย่างถูกต้อง ที่ได้ใช้ความพยายามในการเข้าใจตัวบท 

     อัลลอฮ์ ได้ตรัสความว่า

 

فَاسْأَلُوا أَهْلَ الذِّكْرِ إِنْ كُنْتُمْ لا تَعْلَمُونَ )

 

สูเจ้าทั้งหลายจงถามบรรดาคนมีความรู้ หากสูเจ้าทั้งหลายไม่รู้

(อัลอัลบิยาอ / 42)

 

อุลามาอฺ คือ ผู้ที่อัลลอฮ์ทรงยกเกียรติพวกเขา

 

     อัลลอฮ์ ตรัสว่า

 

شَهِدَ اللَّهُ أَنَّهُ لَا إِلَٰهَ إِلَّا هُوَ وَالْمَلَائِكَةُ وَأُولُو الْعِلْمِ قَائِمًا بِالْقِسْطِ لَا إِلَٰهَ إِلَّا هُوَ الْعَزِيزُ الْحَكِيمُ

 

      “อัลลอฮ์ทรงยืนยันว่า แท้จริงไม่มีผู้ที่ควรได้รับการเคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น และมะลาอิกะฮ์

     และผู้มีความรู้ในฐานะดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมนั้น ก็ยืนยันด้วยว่าไม่มีผู้ที่ควรได้รับการเคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณเท่านั้น

(อาละอิมรอน 18)

 

     ท่านอิม่ามอัลกุรตุบีย์ กล่าวว่า นี้คือการยืนยันถึงความประเสริฐของบรรดาผู้รู้

 

อุลามาอฺ คือ ผู้ที่อัลลอฮฺ ประทานความเข้าใจในศาสนาให้แก่พวกเขา

 

     ท่านอิบนุ มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า ท่านเราะสูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

 

لَا حَسَدَ إِلَّا فِي اثْنَتَيْنِ؛ رَجُلٌ آتَاهُ اللهُ مَالًا فَسُلِّطَ عَلَى هَلَكَتِهِ فِي الْحَقِّ، وَرَجُلٌ آتَاهُ اللهُ الْحِكْمَةَ فَهُوَ يَقْضِي بِهَا وَيُعَلِّمُهَا

 

     “อย่าได้มีความอิจฉา เว้นแต่บุคคลสองประเภท คือ (หนึ่ง)บุคคลที่อัลลอฮ์ ประทานทรัพย์ที่มากมายให้แก่เขาแล้ว เขาก็ใช้จ่ายมันในหนทางของสัจธรรม

     และ(สอง)บุคคลที่อัลลอฮ์ ทรงมอบหิกมะฮฺ(ความรู้)ให้แก่เขา แล้วเขาก็ดำรง(ปฏิบัติ)และสอนมัน(แก่ผู้คน)”

(มุตตะฟะกุน อะลัยฮ์)

 

อุลามาอฺ คือ ผู้ที่ให้ความกระจ่างในประเด็นของศาสนา

 

     อัลลอฮ์ ตรัสว่า

 

فَاسْأَلُواْ أَهْلَ الذِّكْرِ إِن كُنتُمْ لاَ تَعْلَمُونَ

 

ดังนั้น พวกเจ้าจงถามบรรดาผู้รู้ หากพวกเจ้าไม่รู้

(สูเราะฮฺอัน-นะหลฺ 43)

     อัลลอฮ์ ตรัสว่า

 

وَإِذَا جَاءهُمْ أَمْرٌ مِّنَ الأَمْنِ أَوِ الْخَوْفِ أَذَاعُواْ بِهِ وَلَوْ رَدُّوهُ إِلَى الرَّسُولِ وَإِلَى أُوْلِي الأَمْرِ مِنْهُمْ لَعَلِمَهُ الَّذِينَ يَسْتَنبِطُونَهُ مِنْهُمْ وَلَوْلاَ فَضْلُ اللّهِ عَلَيْكُمْ وَرَحْمَتُهُ لاَتَّبَعْتُمُ الشيطانَ إِلَّا قَلِيلا

 

     “และเมื่อมีเรื่องหนึ่งเรื่องใดมายังพวกเขาจะเป็นความปลอดภัยก็ดีหรือความกลัวก็ดี พวกเขาก็จะแพร่มันออกไป

     และหากว่าพวกเขาให้มันกลับไปยังเราะสูล และยังผู้ปกครองการงานในหมู่พวกเขาแล้ว แน่นอนบรรดาผู้ที่วินิจฉัยมันในหมู่พวกเขาก็ย่อมรู้มันได้

     และหากมิใช่ความเมตตาของอัลลอฮ์ที่มีต่อพวกเจ้าแล้ว แน่นอน พวกเจ้าก็คงปฏิบัติตามชัยตอนไปแล้ว นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” 

(สูเราะฮฺอัน-นิสาอ์ 83)

 

อุลามาอฺ คือ ผู้ที่อัลลอฮ์ จะทรงยกย่องเทิดเกียรติ

 

     อัลลอฮ์ ตรัสว่า

 

يَرْفَعِ اللَّهُ الَّذِينَ آمَنُوا مِنكُمْ وَالَّذِينَ أُوتُوا الْعِلْمَ دَرَجَاتٍ وَاللَّهُ بِمَا تَعْمَلُونَ خَبِيرٌ

 

     “อัลลอฮ์จะทรงยกย่องเทิดเกียรติแก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเจ้า และบรรดาผู้ได้รับความรู้หลายชั้น และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ

(สูเราะฮฺอัล-มุญาดะละฮฺ 11)

     อัลลอฮ์ ตรัสว่า

 

أَمَّنْ هُوَ قَانِتٌ آنَاء اللَّيْلِ سَاجِدًا وَقَائِمًا يَحْذَرُ الْآخِرَةَ وَيَرْجُو رَحْمَةَ رَبِّهِ قُلْ هَلْ يَسْتَوِي الَّذِينَ يَعْلَمُونَ وَالَّذِينَ لَا يَعْلَمُونَ إِنَّمَا يَتَذَكَّرُ أُوْلُوا الْأَلْبَابِ

 

     “ผู้ที่เขาเป็นผู้ภักดีในยามค่ำคืน ในสภาพของผู้สุญูด และผู้ยืนละหมาดโดยที่เขาหวั่นเกรงต่อโลกอาคิเราะฮฺ และหวังความเมตตาของพระเจ้าของเขา (จะเหมือนกับผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮกระนั้นหรือ?) 

     จงกล่าวเถิด(มุหัมมัด)บรรดาผู้รู้และบรรดาผู้ไม่รู้จะเท่าเทียมกันหรือ ? แท้จริงบรรดาผู้มีสติปัญญาเท่านั้นที่จะใคร่ครวญ” 

(สูเราะฮฺอัซ-ซุมัร 9)

     เชื่อฟังพวกเขาในสิ่งที่ดีงามอัลลอฮ์ สุบหานะฮุ วะตะอาลา ตรัสว่า

 

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ أَطِيعُواْ اللّهَ وَأَطِيعُواْ الرَّسُولَ وَأُوْلِي الأَمْرِ مِنكُمْ

 

ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และเชื่อฟังเราะสูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย

 (สูเราะฮฺอัน-นิสาอ์ 59)