โอ้ชีวิตที่สงบแน่นเอ๋ย
อ.ฮาซัน เจริญจิตต์
“โอ้ชีวิตที่สงบแน่นเอ๋ย / จงกลับมายังพระเจ้าของเจ้าด้วยความยินดีและเป็นที่ปิติเถิด
แล้วจงเข้ามาอยู่ในหมู่ปวงบ่าวของข้าเถิด / และจงเข้ามาอยู่ในสวนสวรรค์ของข้าเถิด”
( อัลฟัจญ์รุ/27-30)
ชีวิตที่สงบมั่นคง นั้นคือชีวิตที่สงบด้วยการรำลึกและมอบหมายต่ออัลลอฮฺ .... มุฟัซซิรีนบางส่วนกล่าวว่า คือคำพูดของมลาอิกะฮฺที่กล่าวแก่ผู้ที่เป็นคนดีทั้งหลายขณะที่เสียชีวิต
ท่านซะอีด อิบนุ ซัยดฺ ได้เล่าว่า ชายคนหนึ่งได้อ่านอายะฮฺ
يَا أَيَّتُهَا النَّفْسُ الْمُطْمَئِنَّةُ ﴿٢٧﴾ ارْجِعِي إِلَىٰ رَبِّكِ رَاضِيَةً مَّرْضِيَّةً ﴿٢٨
ท่านอบูบักร์ กล่าวว่า ช่างดีงามอะไรอย่างนี้ โอ้ท่านรอซูลลุลลอฮฺ
ท่านบี-ศ็อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วะซัลลัม-กล่าวว่า มะลักจะกล่าวกับท่านเช่นนี้ โอ้อบูบักรฺ(หมายถึงขณะที่มลักมาปลิดชีวิต)
ผู้ที่ศรัทธาและยืนหยัดนการรักษาการเป็นบ่าวที่ดีของอัลลอฮฺนั้น มลักจะมาปลิดวิญญาณอย่างนุ่มนวลและมีมลาอิกะฮฺมาปลอบประโลมให้คลายความกลัวและความกังวล อัลลอฮฺตรัสว่า
إِنَّ الَّذِينَ قَالُوا رَبُّنَا اللَّـهُ ثُمَّ اسْتَقَامُوا تَتَنَزَّلُ عَلَيْهِمُ الْمَلَائِكَةُ أَلَّا تَخَافُوا وَلَا تَحْزَنُوا وَأَبْشِرُوا بِالْجَنَّةِ الَّتِي كُنتُمْ تُوعَدُونَ ﴿٣٠
نَحْنُ أَوْلِيَاؤُكُمْ فِي الْحَيَاةِ الدُّنْيَا وَفِي الْآخِرَةِ ۖ وَلَكُمْ فِيهَا مَا تَشْتَهِي أَنفُسُكُمْ وَلَكُمْ فِيهَا مَا تَدَّعُونَ ﴿٣١
نُزُلًا مِّنْ غَفُورٍ رَّحِيمٍ ﴿٣٢
“แท้จริงบรรดาผู้กล่าวว่าอัลลอฮฺคือ พระเจ้าของพวกเราแล้วพวกเขาก็ยืนหยัดตามคำกล่าวนั้น
มะลากิกะฮฺจะลงมาหาพวกเขา (โดยกล่าวกับพวกเขาว่า) พวกท่านอย่าหวาดกลัวและอย่าเศร้าสลดใจแต่จงต้อนรับข่าวดี
คือสวนสวรรค์ซึ่งพวกเจ้าได้ถูกสัญญาไว้ / พวกเราเป็นผู้อารักขาพวกท่านทั้งในการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้และปรโลก
และสำหรับพวกท่านในสวนสวรรค์นั้น จะได้สิ่งที่จิตใจของพวกท่านปรารถนา
และสำหรับพวกท่านในสวนสวรรค์นั้นจะได้ในสิ่งที่พวกท่านเรียกร้อง
เป็นการต้อนรับด้วยความเมตตาจากพระผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ”
( ฟุตศิลัต/30-32)
ส่วนผู้ที่เป็นผ้ปฏิเสธและฝ่าฝืน มลาอิกะฮฺจะมาปลิดวิญญาณด้วยความโกรธและรุนแรง
وَلَوْ تَرَىٰ إِذْ يَتَوَفَّى الَّذِينَ كَفَرُوا ۙ الْمَلَائِكَةُ يَضْرِبُونَ وُجُوهَهُمْ وَأَدْبَارَهُمْ وَذُوقُوا عَذَابَ الْحَرِيقِ ﴿٥٠
“และหากว่าเจ้าเห็นขณะที่มลาอิกะฮ์เอาวิญญาณของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาอยู่นั้นพวกเขา จะตีใบหน้าของพวกเขา และหลังของพวกเขา และ(กล่าวว่า) พวกเจ้าจงลิ้มการลงโทษแห่งการเผาไหม้เถิด”
( อัลอันฟาล/50)
♣ ทุกคนจะต้องพบกับภาวะมึนงงก่อนตาย
وَجَاءَتْ سَكْرَةُ الْمَوْتِ بِالْحَقِّ ۖ ذَٰلِكَ مَا كُنتَ مِنْهُ تَحِيدُ ﴿١٩
“และอาการมึนงงแห่งความตายได้ปรากฏขึ้นอย่างประจักษ์แจ้ง และนั่นคือสิ่งที่เจ้าจะหลีกเลี่ยงจากมันไปไม่ได้”
(กอฟ/19)
وَمَنْ أَظْلَمُ مِمَّنِ افْتَرَىٰ عَلَى اللَّـهِ كَذِبًا أَوْ قَالَ أُوحِيَ إِلَيَّ وَلَمْ يُوحَ إِلَيْهِ شَيْءٌ وَمَن قَالَ سَأُنزِلُ مِثْلَ مَا أَنزَلَ اللَّـهُ ۗ وَلَوْ تَرَىٰ إِذِ الظَّالِمُونَ فِي غَمَرَاتِ الْمَوْتِ وَالْمَلَائِكَةُ بَاسِطُو أَيْدِيهِمْ أَخْرِجُوا أَنفُسَكُمُ ۖ الْيَوْمَ تُجْزَوْنَ عَذَابَ الْهُونِ بِمَا كُنتُمْ تَقُولُونَ عَلَى اللَّـهِ غَيْرَ الْحَقِّ وَكُنتُمْ عَنْ آيَاتِهِ تَسْتَكْبِرُونَ ﴿٩٣
“และใครเล่าคือ ผู้อธรรมยิ่งกว่าผู้ที่อุปโลกน์ความเท็จให้แก่อัลลอฮ์ หรือกล่าวว่าได้ถูกประทานโองการแก่ฉัน ทั้ง ๆ ที่มิได้มีสิ่งใดถูกประทานให้เป็นโองการแก่เขา และผู้ที่กล่าวว่า ฉันจะให้ลงมาเช่นเดียวกับสิ่งที่อัลลอฮ์ให้ลงมา
และหากเจ้าจะได้เห็นขณะที่บรรดาผู้เอธรรมอยู่ในภาวะคับขันแห่งความตาย และมลาอิกะฮ์ กำลังแบมือของพวกเขา(โดยกล่าวว่า)จงให้ชีวิตของพวกท่านออกมา วันนี้พวกท่านจะได้รับการตอบแทน ซึ่งโทษแห่งการต่ำต้อย เนื่องจากที่พวกท่านกล่าวให้ร้ายแก่อัลลอฮ?โดยปราศจากความจริง และเนื่องจากการที่พวกท่านแสดงยะโสต่อบรรดาโองการของพระองค์”
( อัลอันอาม/93)
จากกุรอานข้างต้น เราพบว่าอัลกุรอานได้กล่าวถึงหัวใจไว้ 3 ประเภทคือ
1. หัวใจที่สงบ (نفس مطمئنة )
คือหัวใจที่สงบแน่นต่อพระผู้อภิบาลของมัน ด้วยกับการสักการะภัคดีต่อพระองค์ ด้วยความรักต่อพระองค์ ด้วยการกลับตัวสารภาพผิดต่อพระองค์และด้วยการมอบหมายต่อพระองค์ หัวใจจะไม่สามารถไปถึงความสงบที่แท้จริงใด้ นอกจากด้วยกับการช่วยเหลือของอัลลอฮฺและด้วยการรำลึกถึงพระองค์เท่านั้น
الَّذِينَ آمَنُوا وَتَطْمَئِنُّ قُلُوبُهُم بِذِكْرِ اللَّـهِ ۗ أَلَا بِذِكْرِ اللَّـهِ تَطْمَئِنُّ الْقُلُوبُ ﴿٢٨
“บรรดาผู้ศรัทธา และจิตใจของพวกเขาสงบด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮ พึงทราบเถิด! ด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮเท่านั้นทำให้จิตใจสงบ”
( อัรเราะอฺดุ/28)
บรรดาสิ่งรื่นเริงเริง บันเทิงใจทั้งหลายในดุนยานั้นล้วนแล้วแต่เป็นความสนุกชั่วแล่นและเป็นความหลอกลวงของดุนยาทั้งสิ้น บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายพึงรู้เท่าทันกลอุบายของชัยฏอน
2. หัวใจที่ตำหนิตนเอง (النفس اللوامة )
คือหัวใจที่อัลลอฮฺ ทรงกล่าวถึงในซูเราะฆ์ อัลกิยามะฮฺ อายะฮฺที่ 1 และ 2
لَا أُقْسِمُ بِيَوْمِ الْقِيَامَةِ ﴿١﴾ وَلَا أُقْسِمُ بِالنَّفْسِ اللَّوَّامَةِ ﴿٢﴾
“ข้าสาบานต่อวันกิยามะฮฺ / และข้าขอสาบานต่อชีวิตที่ประณามตนเอง”
♦ บางส่วนกล่าวว่าคือหัวใจที่โลเล กลับไปกลับมาอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวรักเดี๋ยวชัง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวดีใจเดี๋ยวเศร้า เปลี่ยนแปลงได้วันละหลายหน นาทีละหลายครั้ง
♦ บ้างก็กล่าวว่า คือหัวใจที่ตำหนิตัวเองอยู่ตลอดเวลา ท่านฮะซัน อัลบัศรีย์กล่าวว่า "แท้จริงผู้ศรัทธานั้น ท่านจะไม่เห็นเขา นอกจากในสภาพที่ตำหนิตัวเองอยู่ตลอดเวลา" เช่น ฉันไม่ได้ต้องการอย่างนี้ ทำไมฉันทำอย่างนี้ ถ้าไม่ทำอย่างนี้จะดีกว่า หรือคำพูดต่างๆในทำนองนี้
♦ บางส่วนกล่าวว่า คือหัวใจของผู้ศรัทธาที่ตกอยู่ในห้วงที่เขาทำความผิด ที่เขาตำหนิตัวเองที่ไปทำความผิดอยู่ตลอดเวลา การตำหนิตัวเองนั้นเกิดจากความอีหม่านศรัทธานั้นเอง
♦ บางส่วนกล่าวว่า คือการตำหนิตัวเองของมนุษย์ในวันกิยามะฮฺ ในวันนั้นมนุษย์ทุกคนจะตำหนิตัวเอง คนชั่วจะตำหนิตัวเองในความชั่วของตัวเอง คนดีจะตำหนิตัวเองที่ทำความดีน้อยไป
3. หัวใจที่ถูกครอบงำด้วยความชั่ว (النفس الأمارة بِالسُّوءِ )
คือหัวใจที่ชี้นำ ชักจูงให้ทำความผิดให้ทำความชั่วต่างๆ เป็นหัวใจที่ถูกตำหนิ และนี่คือหัวใจโดยธรรมชาติของมนุษย์ นอกจากหัวใจที่อัลลอฮฺจะได้ให้การนำทางแก่มัน ให้ความมั่นคง ให้การช่วยเหลือแก่มัน ไม่มีผู้ใดจะหลีกพ้นจากความชั่วร้ายของหัวใจเขาไปได้ นอกจากด้วยการช่วยเหลือของอัลลอฮฺเท่านั้น ดังที่อัลลอฮฺได้ตรัสเล่าถึงเรื่องของนายหญิงภริยาของเจ้าเมืองที่วางแผนร้ายต่อนบียูซุฟว่า
وَمَا أُبَرِّئُ نَفْسِي ۚ إِنَّ النَّفْسَ لَأَمَّارَةٌ بِالسُّوءِ إِلَّا مَا رَحِمَ رَبِّي ۚ إِنَّ رَبِّي غَفُورٌ رَّحِيمٌ ﴿٥٣
“และฉันไม่อาจชำระจิตใจของฉันให้สะอาดบริสุทธิ์ได้ แท้จริงจิตใจนั้นถูกครอบงำไว้ด้วยความชั่ว นอกจากที่พระเจ้าของฉันทรงเมตตา แท้จริงพระเจ้าของฉันเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ”
( ยูซุฟ/53)
อัลลอฮฺ ทรงทดสอบมนุษย์ด้วยหัวใจ 2 ประเภทนี้ คือ หัวใจที่ถูกครอบงำด้วยความชั่ว (النفس الأمارة بِالسُّوءِ ) และหัวใจที่ตำหนิตนเอง (النفس اللوامة ) และอัลลอฮฺทรงยกย่องหัวใจที่สงบแน่น (نفس مطمئنة )
หัวใจดวงเดียวดวงนี้ของมนุษย์ อาจจะเริ่มต้นมาจากหัวใจที่ถูกครอบงำด้วยความชั่ว ซึ่งก็คือสัญชาติญาณเดิมโดยธรรมชาติของมนุษย์
وَنَفْسٍ وَمَا سَوَّاهَا ﴿٧﴾ فَأَلْهَمَهَا فُجُورَهَا وَتَقْوَاهَا ﴿٨﴾ قَدْ أَفْلَحَ مَن زَكَّاهَا ﴿٩﴾ وَقَدْ خَابَ مَن دَسَّاهَا ﴿١٠
“และ(ขอสาบาน)ด้วยชีวิต และที่พระองค์ทรงทำให้มันสมบูรณ์ / แล้วพระองค์ทรงดลใจมันให้รู้ทางชั่วของมันและทางสำรวมของมัน / แน่นอนผู้ขัดเกลาชีวิตย่อมได้รับความสำเร็จ / และแน่นอนผู้หมกมุ่นมัน (ด้วยการทำชั่ว) ย่อมล้มเหลว”
(อัชชัมซฺ/ 7-10)
หลังจากนั้นมันสามารถที่จะพัฒนาและขัดเกลาเป็นหัวใจที่ตำหนิตนเอง และพัฒนาไปสู่หัวใจที่สงบแน่นได้ อันเป็นเป้าหมายและปลายทางของการขัดเกลาจิตยกระดับจิตใจ
ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
تُعْرَضُ الْفِتَنُ عَلَى الْقُلُوبِ كَالْحَصِيرِ عُودًا عُودًا فَأَيُّ قَلْبٍ أُشْرِبَهَا نُكِتَ فِيهِ نُكْتَةٌ سَوْدَاءُ وَأَيُّ قَلْبٍ أَنْكَرَهَا نُكِتَ فِيهِ نُكْتَةٌ بَيْضَاءُ حَتَّى تَصِيرَ عَلَى قَلْبَيْنِ عَلَى أَبْيَضَ مِثْلِ الصَّفَا فَلَا تَضُرُّهُ فِتْنَةٌ مَا دَامَتْ السَّمَاوَاتُ وَالْأَرْضُ وَالْآخَرُ أَسْوَدُ مُرْبَادًّا كَالْكُوزِ مُجَخِّيًا لَا يَعْرِفُ مَعْرُوفًا وَلَا يُنْكِرُ مُنْكَرًا إِلَّا مَا أُشْرِبَ مِنْ هَوَاهُ
“บรรดาฟิตนะห์(เช่น บาป)จะแนบติดหัวใจทีละนิดทีละน้อยดั่งเสื่อถักที่แนบติด(กับคนนอนหลับจนเห็นรอยเสื่อ)
แล้วหัวใจดวงใดที่ดื่มด่ำกับฟิตนะห์(บาป) มันก็จะเกิดเป็นจุดดำขึ้นในหัวใจดวงนั้น
แต่หัวใจดวงใดที่ปฏิเสธ(จากฟิตนะฮ์) มันก็จะเกิดเป็นจุดขาว(มีนูรรัศมี)ขึ้นในหัวใจ
จนทำให้หัวใจนั้นกลายเป็นสองซีกด้วยกัน
โดยทางซีกขาวเปรียบเสมือนหินแววไส ซึ่งฟิตนะห์ไม่สามารถที่จะแทรกซึมเข้าไปได้ตราบฟ้าดินสลาย
ส่วนทางซีกดำนั้นจะดำหม่นหมอง เสมือนกับเหยือกน้ำที่คว่ำไว้ (ไร้ประโยชน์) ที่ไม่สามารถรับรู้ดีชั่วหรือถูกผิด นอกจากจะดื่มด่ำกับอารมณ์ใฝ่ต่ำเท่านั้น”
(รายงานโดยมุสลิม, หะดีษลำดับที่ 144, มุสลิม บิน อัลฮัจญาจญฺ, ศ่อฮีห์มุสลิม, ตะห์กีก: มุฮัมมัด ฟุอ๊าด อับดุลบากีย์ (ไคโร: ดารุ เอี๊ยะห์ยาอฺ อัลกุตุบิลอะร่อบียะฮ์, พิมพ์ครั้งที่ 1, ค.ศ. 1991/1412), เล่ม 1 หน้า 128)
ดุอาอฺขอให้หัวใจมั่นคง
عَنْ أَنَسٍ قَالَ
كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يُكْثِرُ أَنْ يَقُولَ
(يَا مُقَلِّبَ الْقُلُوبِ ثَبِّتْ قَلْبِي عَلَى دِينِكَ)
فَقُلْتُ: يَا رَسُولَ اللَّهِ آمَنَّا بِكَ وَبِمَا جِئْتَ بِهِ فَهَلْ تَخَافُ عَلَيْنَا؟ قال :
(نَعَمْ، إِنَّ الْقُلُوبَ بَيْنَ أُصْبُعَيْنِ مِنْ أَصَابِعِ اللَّهِ يُقَلِّبُهَا كَيْفَ يَشَاءُ) (الترمدي/حديث حسن)
จากท่านอนัส รอฎิยัลลอฮุ อันฮุ กล่าวว่า ท่านรอซูลุลลอฮ-ศ็อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วะซัลลัม-กล่าวถ้อยคำนี้มากมายหลายครั้ง ยามุกัลลิบัลกุลูบ ษับบิต ก็อลบีย์ อะลาดีนิก
ฉัน(อนัส)กล่าวว่า “โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ พวกเราศรัทธาต่อท่านและศรัทธาต่อสิ่งที่ท่านนำมา ท่านยังกังวลกับพวกเราอีกหรือ
ท่านรอซูลุลลอฮ-ศ็อลลัลลอฮุ อลัยฮิ วะซัลลัม-กล่าวว่า ใช่ แท้จริงหัวใจนั้นอยู่ระหว่างนิ้วทั้งสองของบรรดานิ้วของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงเปลี่ยนมันอย่างที่พระองค์ทรงประสงค์”
(อัตติรมีซีย์/ฮะดีษฮะซัน)
อย่าปล่อยให้หัวใจ หมักหมมด้วยความความหลอกลวงของดุนยา อยู่อย่างมีสติและรู้เท่าทันดุนยา อย่าให้ชัยฎอนมาล่อลวงเราด้วยอุบายตื้นๆทีมันขยันสร้างขึ้นมา เช่นวาทะกรรมต่างๆที่ทำให้เราหลงคล้อยตาม และเบาความในเรื่องหลักการ อัลลอฮฺ-ตอาลาตรัสว่า
اعْلَمُوا أَنَّمَا الْحَيَاةُ الدُّنْيَا لَعِبٌ وَلَهْوٌ وَزِينَةٌ وَتَفَاخُرٌ بَيْنَكُمْ وَتَكَاثُرٌ فِي الْأَمْوَالِ وَالْأَوْلَادِ ۖ كَمَثَلِ غَيْثٍ أَعْجَبَ الْكُفَّارَ نَبَاتُهُ ثُمَّ يَهِيجُ فَتَرَاهُ مُصْفَرًّا ثُمَّ يَكُونُ حُطَامًا ۖ وَفِي الْآخِرَةِ عَذَابٌ شَدِيدٌ وَمَغْفِرَةٌ مِّنَ اللَّـهِ وَرِضْوَانٌ ۚ وَمَا الْحَيَاةُ الدُّنْيَا إِلَّا مَتَاعُ الْغُرُورِ ﴿٢٠﴾ سَابِقُوا إِلَىٰ مَغْفِرَةٍ مِّن رَّبِّكُمْ وَجَنَّةٍ عَرْضُهَا كَعَرْضِ السَّمَاءِ وَالْأَرْضِ أُعِدَّتْ لِلَّذِينَ آمَنُوا بِاللَّـهِ وَرُسُلِهِ ۚ ذَٰلِكَ فَضْلُ اللَّـهِ يُؤْتِيهِ مَن يَشَاءُ ۚ وَاللَّـهُ ذُو الْفَضْلِ الْعَظِيمِ ﴿٢١
“พึงทราบเถิดว่า แท้จริงการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้มิใช่อื่นใด เว้นแต่เป็นการละเล่นและการสนุกสนานร่าเริง
และเครื่องประดับ และความโอ้อวดระหว่างพวกเจ้า และการแข่งขันกันสะสมในทรัพย์สินและลูกหลาน
เปรียบเสมือนเช่น น้ำฝนที่การงอกเงยพืชผลยังความพอใจให้แก่กสิกรแล้วมันก็เหี่ยวแห้งเจ้าจะเห็นมันเป็นสีเหลือง แล้วมันก็กลายเป็นเศษเป็นชิ้นแห้ง
ส่วนในวันปรโลกนั้นมีการลงโทษอย่างสาหัส และมีการอภัยโทษและความโปรดปรานจากอัลลอฮ
และการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ มิใช่อื่นใดนอกจากการแสวงหาผลประโยชน์แห่งการหลอกลวงเท่านั้น
จงเร่งรีบไปสู่การขออภัยโทษจากพระเจ้าของพวกเจ้า และสวนสวรรค์ซึ่งความกว้างของมันประหนึ่งความกว้างของชั้นฟ้าและแผ่นดิน
(ซึ่งสวรรค์นั้น)ถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและบรรดาร่อซูลของพระองค์ นั่นคือความโปรดปรานของอัลลอฮฺ
ซึ่งพระองค์จะทรงประทานมันให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮฺนั้นทรงเป็นผู้โปรดปรานอันใหญ่หลวง”
(อัลฮะดีด 20,21)
higmah.net