การเปลี่ยนตัวผู้นำชาวมุสลิม
  จำนวนคนเข้าชม  1073


การเปลี่ยนตัวผู้นำชาวมุสลิม

 

อาบีดีณ โยธาสมุทร เรียบเรียง

 

          ในกรณีที่ผู้นำคนนั้นเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาอย่างชัดเจน และแกนนำสังคมของมุสลิม มีความพร้อมที่จะกระทำการเปลี่ยนตัวผู้นำได้  โดยไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวายและสร้างปัญหาที่หนักไปกว่าเดิมที่เป็นอยู่ 

 

           อาทิเช่น ปัญหาความปั่นป่วนในสังคมและการเสียเลือดเสียเนื้อของผู้บริสุทธิ์ เป็นต้น ในกรณีนี้ก็อนุญาตให้กระทำการดังกล่าวได้  โดยต้องวางอยู่บนฐานของความรอบคอบ ไตร่ตรองและพิจารณาความสมดุลระหว่างผลดีและผลเสียที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามมาเป็นสำคัญ 

 

ท่านเชคอับดุลอะซี้ซ อิบนุ บ้าซ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ (..1420) ได้กล่าวไว้ว่า 

     “นอกเสียจากเมื่อชาวมุสลิมได้แลเห็นการปฏิเสธศรัทธาที่เด่นชัด และพวกตนก็มีหลักฐานอันหนักแน่นจากอัลลอฮฺที่ให้การยืนยันในเรื่องนี้ ก็ไม่เป็นไรที่จะออกมาต่อต้านผู้ปกครองคนนั้นเพื่อขจัดเขาออกไป ถ้าหากพวกเขามีความสามารถพอ 

     ส่วนในกรณีที่พวกเขาไร้ความสามารถก็อย่าได้ออกมา หรือ ในกรณีที่การออกมากระทำการดังกล่าว  เป็นเหตุให้เกิดความชั่วร้ายที่หนักกว่าเดิม พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกมากระทำเช่นนั้นได้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการดูแลรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมเอาไว้นั่นเอง...”  

 

 ท่านเชคอุบั้ยดฺ อิบนุ อับดิลลอฮฺ อั้ลญาบิรี่ยฺ  ฮะฟิซ่อฮุ้ลลอฮฺ  ได้กล่าวไว้ว่า 

     “ชาวซุนนะฮฺนั้น เป็นกลุ่มคนที่รักษาสัญญาและธำรงไว้ซึ่งคำมั่น 

     ชาวซุนนะฮฺ คือ กลุ่มคนที่ดำเนินตามคำมั่นสัญญาที่ได้มีไว้อย่างสมบูรณ์ 

     ชาวซุนนะฮฺเป็นกลุ่มคนที่ให้การพิทักษ์การอยู่ร่วมกัน  พวกเขาจะปกป้องเกียรติของผู้ที่อยู่ร่วมกับพวกเขา ไม่ละเมิดเกียรติ  ไม่ละเมิดทรัพย์สินและไม่ละเมิดชีวิตของบุคคลผู้นั้น 

    ชาวซุนนะฮฺที่อาศัยอยู่ในกลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกาตลอดจนประเทศอื่นๆที่ไม่ใช่ประเทศมุสลิม พวกเขาให้การยึดมั่นต่ออัลลอฮฺว่า  ระหว่างพวกเขา และระหว่างกลุ่มประเทศเหล่านั้นที่พวกตนอาศัยอยู่ มีสัญญาและมีข้อตกลงระหว่างกัน ดังนั้นพวกเขาจะไม่บิดพลิ้วต่อมันเป็นอันขาด”   

 

          สรุปคือ แนวทางสลัฟจะไม่ยินยอมให้มีการกระด้างกระเดื่องต่อผู้นำมุสลิม แต่ในขณะเดียวกันก็ใช้ให้ทำหน้าที่ในการกล่าวเตือนในสิ่งผิดให้สุดความสามารถ ตามช่องทางที่ได้ถูกกำหนดไว้  และหากในกรณีที่ผู้นำได้ทำการปฏิเสธศรัทธาอย่างชัดเจน โดยมีหลักฐานยืนยันได้  การจะออกมาเปลี่ยนแปลง ก็ต้องพิจารณา และประเมินสถานการณ์อย่างรอบครอบ ถึงความเป็นไปได้และผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมาให้ดี หากไร้ความสามารถ หรืออยู่ในกรณีที่ได้ไม่คุ้มเสีย หรือก่อให้เกิดความวุ่นวายและการหลั่งเลือดผู้บริสุทธิ์ ก็ไม่อนุญาตให้กระทำ 

 

          และเช่นเดียวกัน หากเขาเป็นบุคคลที่อยู่ภายใต้สัญญาการเป็นพลเมืองของประเทศใดประเทศหนึ่งที่ไม่ใช่ประเทศมุสลิม  ก็ให้เขาทำการรักษาสัญญาดังกล่าว ในเรื่องที่ไม่ใช่การฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติอิสลามไว้ให้เต็มที่ๆสุดด้วยนั่นเอง...

 

 

اللهم اهدنا لهداه