ผู้หญิงออกเดินทางไกลไปกับกลุ่มผู้หญิงด้วยกันได้หรือไม่ ?
  จำนวนคนเข้าชม  5660


ผู้หญิงออกเดินทางไกลไปกับกลุ่มผู้หญิงด้วยกันได้หรือไม่ ?

 

ฟัตวา โดย เชคสุลัยมาน อั้รรุฮัยลี่ย์ ฮะฟิซ่อฮุ้ลลอฮฺ

อาบีดีณ โยธาสมุทร แปลและเรียบเรียง

 

คำถาม

 

            อะไรคือข้อชี้ขาดทางศาสนาของการที่ผู้หญิงออกเดินทางไกลไปกับกลุ่มผู้หญิงด้วยกัน เพื่อไปที่ประเทศที่เป็นประเทศอิสลาม ?

 

คำตอบ

 

          ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ได้เคยขึ้นกล่าวปราศรัยกับผู้คนโดยท่านพูดว่าผู้หญิงจะต้องไม่ทำการออกเดินทางไกลยกเว้นในกรณีที่ออกไปกับคนที่เป็นมะฮฺรอมเท่านั้น” 

          ชายคนหนึ่งจึงลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวกับท่านว่า ท่านร่อซูลุ่ลลอฮฺครับภรรยาของผม เธอออกไปทำฮัจญ์ครับ แต่ผมถูกมอบหมายให้ต้องร่วมรบในสมรภูมิ

          ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม จึงพูดว่าจงออกเดินทางไปแล้วไปร่วมทำฮัจญ์กับภรรยาของคุณเสีย

 

          ซุบฮานั้ลลอฮฺ!! ชายคนนี้เมื่อได้ยินข้อชี้ขาดทางศาสนาเกี่ยวกับเรื่องนี้และได้รู้แล้วว่า มันไม่เป็นที่อนุมัติให้ผู้หญิงออกเดินเดินทางไกลโดยปราศจากคนที่เป็นมะฮฺรอมร่วมเดินทางไปด้วยไม่ว่าจะในกรณีใด หรือสภาพใด ก็แล้วแต่ ทั้งนี้เพราะชายคนนี้เขาเป็นคนอาหรับครับ เขาเข้าใจคำพูดๆนี้ดี เขาจึงลุกไปหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม แล้วพูดว่า ท่านร่อซูลุ่ลลอฮฺครับ ภรรยาของผม เธอออกไปทำฮัจญ์ครับ...จนกระทั้งจบฮะดี้ษ

 

          ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ไม่ได้พูดกับเขาคนนี้ว่า ไม่ใช่ๆ ภรรยาของคุณไม่ได้อยู่ในขอบข่ายของข้อมูลในฮะดี้ษบทนี้เพราะว่าเธอออกไปกับคณะ แต่ท่านกลับให้การยอมรับเขาในความเข้าใจของเขาที่ว่า เนื้อหาของข้อชี้ขาดนี้มันครอบคลุมเรื่อง นี้ในทุกสภาพและทุกกรณีของมัน

 

          แล้วก็ซุบฮานั้นลอฮฺ !! ผู้หญิงคนนี้เธอเป็นศ่อฮาบะฮฺ ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่มีทางเจอผู้หญิงที่มีเกียรติยิ่งไปกว่าผู้หญิงที่เป็นศ่อฮาบะฮฺอีกแล้ว และเธอก็ยังเป็นฮัจญะฮฺ เป็นคนที่กำลังครองเอี้ยะรอมอยู่ กำลังออกไปเพื่อไปทำฮัจญ์อยู่ด้วย คือ ถ้าสมมุติตอนนั้นสามีของเธออยู่กับเธอด้วย เขาก็ไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับเธอ และเธอไปพร้อมกับบรรดาผู้ชายที่เป็นศ่อฮาบะฮฺและบรรดาผู้หญิงที่เป็นศ่อฮาบะฮฺ ซึ่งเราไม่มีทางพบเจอกับกลุ่มชนไหนอีกแล้วที่จะเป็นกลุ่มชนที่น่าไว้วางใจมากไปกว่ากลุ่มชนที่เป็นศ่อฮาบะฮฺของร่อซูลุ่ลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม 

 

          แน่นอน พวกท่านทั้งหลายกำลังครองเอี้ยะฮฺรอมกันอยู่ กำลังอยู่ในการทำอิบาดะฮฺกันอยู่ ต่อให้เราพยายามจินตนาการถึงความปลอดภัยและความน่าไว้วางใจให้ล้ำเลิศยังไง เราก็ไม่มีทางเจออะไรที่มันเลิศไปกว่าสภาพตรงนี้อีกแล้ว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ก็ยังบอกว่า  “จงออกเดินทางไป แล้วไปร่วมทำฮัจญ์กับภรรยาของคุณเสีย”  อยู่ดี

 

          และท่าน นบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม เอง ท่านก็ได้พูดไว้ว่า  “ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและต่อวันอาคิเราะฮฺ ออกเดินทางไกลเป็นระยะทางหนึ่งวันและหนึ่งคืน นอกจากจะต้องมีมะฮฺรอมไปด้วยเท่านั้น

 

     โดยท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ได้พูดว่า “...ให้ผู้หญิงที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและต่อวันอาคิเราะฮฺก็เพื่อจูงใจ 

     “ออกเดินทางไกลเป็นระยะทางหนึ่งวันและหนึ่งคืนซึ่งเป้าหมายของคำว่า มะซีเราะฮฺ ตรงนี้ ก็หมายถึง ระยะทางนั้นเอง ซึ่งก็คือราวๆแปดสิบห้า กิโลเมตร แต่ก็ไม่ได้แปลว่า จะอนุญาตให้เธอออกเดินทางไกลได้ถ้าระยะทางมันยาวไม่ถึงตามนี้ เพราะมีหลักฐานอื่นที่พูดถึงเรื่องนี้ไว้โดยไม่ได้มีการตีกรอบเรื่องระยะทางอยู่ด้วย

 

          เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว การที่ใครสักคนจะมาบอกว่า จริง ผู้หญิงสามารถออกเดินทางไกลเพื่อไปตากอากาศ หรือไปเที่ยวกับพวกผู้หญิงด้วยกันได้ เป็นที่อนุญาต และมาบอกว่า จริงๆแล้วการเดินทางด้วยการโดยสารเครื่องบินนั้นมันเป็นการเดินทางที่ปลอดภัย จะถือว่าเป็นคำพูดที่ถูกต้องและใช้ได้ได้อย่างไร ทั้งๆที่ท่านนบี ศ้อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัมเอง ท่านได้อธิบายไว้แล้วอย่างชัดเจนว่า ข้อตัดสินทางศาสนาของเรื่อง นี้มันครอบคลุมกรณีทุกๆกรณีทั้งหมด และยังอธิบายไว้ว่า การที่เส้นทางในการเดินทางมันปลอดภัยนั้น นั่นไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถนำมาใช้เพื่อเป็นหลักฐานให้ใครทั้งสิ้นได้เลยอีกด้วย ?!

 

          ส่วนข้อมูลจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ที่ท่านได้แจ้งไว้ในฮะดี้ษ ซ่ออีนะฮฺ (สตรีในกระโจมที่อยู่บนพาหนะ) ที่พูดเกี่ยวกับเหตุการณ์ใกล้วันอาคิเราะฮฺนั้น มันเป็นเพียงการบอกเล่าถึงเรื่องๆหนึ่งที่จะเกิดขึ้นครับ ไม่ได้เป็นการลงข้อตัดสินทางศาสนา ดังนั้นฮะดี้ษบทนี้จึงไม่ใช่หลักฐานสำหรับประเด็นนี้

 

          จากที่กล่าวมานี้ จึงถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ ผู้หญิงที่เป็นผู้ศรัทธา ที่เธอเกรงกลัวอัลลอฮฺ อั้ซซะวะญัล และเชื่อเรื่องอัลลอฮฺและเรื่องวันอาคิเราะฮฺ จะต้องไม่ทำการออกเดินทางไกล ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไกลชนิดไหนก็ตาม นอกจากจะต้องมีมะฮฺรอมไปด้วยเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีข้อยกเว้นใด ทั้งสิ้นนอกจากในกรณีของการเดินทางไกลที่เป็นกรณีที่คับขันจริงๆเท่านั้น

 

          ซึ่งการเดินทางไกลที่เป็นกรณีที่คับขันจริงๆนั้น ก็คือ การเดินทางไกลที่จำเป็นต้องมีขึ้นจริงๆ โดยที่เจ้าตัวของผู้หญิงคนนั้นๆ มีความรู้สึกเกรงกลัวว่า ถ้าไม่ออกเดินทางไกล ตัวของเธอคงต้องพินาศ หรือสภาพทางศาสนาของเธอคงต้องพังยับลงแน่ๆนั่นเองครับ

 

          ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงคนหนึ่ง อยู่ที่ประเทศกาเฟร เธอได้เปลี่ยนมารับอิสลาม แต่ครอบครัวของเธอกลับขู่ฆ่าเธอ ซึ่งกรณีนี้ ถ้าเธอต้องอยู่ที่นั้นต่อ เธอเองก็กลัวว่า สภาพทางศาสนาของเธอจะถูกทำร้ายให้ปั่นป่วน ซึ่งเธอเองก็ไม่มีมะฮฺรอม ในกรณีนี้ก็ให้เธอออกเดินทางอพยพออกมาโดยไม่ต้องมีมะฮฺรอมได้เลยครับ แม้เธอจะต้องออกเดินทางด้วยตัวคนเดียวก็ตาม เพราะกรณีนี้เป็นกรณีคับขัน

 

          เช่นเดียวกัน ถ้าหากผู้หญิงคนหนึ่งมีอาการป่วยที่อันตรายร้ายแรง และในประเทศที่เธออยู่ไม่มีช่องทางที่จะรักษาอาการป่วยนั้นๆได้ ตัวเธอมีความจำเป็นที่จะต้องออกเดินทางไกลแต่เธอไม่มีมะฮฺรอม ในกรณีนี้ก็อนุญาตให้เธอออกเดินทางไกลโดยไม่มีมะฮฺรอมร่วมออกเดินทางไปด้วยได้ครับ เพราะการออกเดินทางไกลในกรณีนี้ เป็นกรณีคับขัน เนื่องจากถ้าเธอไม่ทำการออกเดินทางไกล เธอก็คงตายหรือเกือบตายนั่นเอง

 

           จากที่บอกให้ทราบไปแล้วนี้ คนที่เป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ศรัทธาจึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่เธอจะต้องกลัวอัลลอฮฺ และจะต้องรับรู้ไว้ว่า ดุนยาทั้งหมดมันมีอยู่น้อยนิดเดียว และส่วนที่ยังคงเหลืออยู่จากมันก็น้อยนิดเดียว และส่วนของเธอจากส่วนที่น้อยนิดเดียวนี้ก็น้อยนิดเดียวเหมือนกัน ดังนั้น เธอจงอดทน ตราบจนกว่าเธอจะได้หลุดพ้นจากดุนยานี้ไป ไปสู่การผ่อนกายสบายใจในสิ่งที่เป็นความโปรดปรานที่จีรัง  เธอจงอดทนในการเชื่อฟังอัลลอฮฺ ในการออกห่างจากการฝ่าฝืนอัลลอฮฺอและจงอย่าให้คนหลอกลวงและคนที่ชอบแต่งแต้มเพื่อชวนให้หลงคนไหนมาหลอกเธอได้ แต่จงยึดสิ่งที่คัมภีร์ของพระเจ้าของเธอและแนวทางของนบีของเธอ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ได้ชี้นำเอาไว้อย่างมั่นคง เพราะแน่นอน บั้นปลายของการยึดมั่นนี้ย่อมคู่ควรแก่การสรรเสริญจริงๆ อย่างแน่นอน