ความดีของการปลดเปลื้องความทุกข์แก่ผู้อื่น
เรียบเรียงโดย อิสมาอีล กอเซ็ม
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
แน่นอนการมีชีวิตของคนในโลกนี้ มีความทุกข์และความทุกข์ปะปนกันไป ความสุขทุกข์ของมนุษย์เราเปรียบเสมือนฤดูกาลต่างๆ ที่หมุนเวียนผ่านเข้ามาในชีวิตคนเรา มันคือ วัฎจักรของการดำเนินชีวิตของมนุษย์เรา และเป็นไปตามความประสงค์ของอัลลอฮฺ
ในโลกนี้มนุษย์เรามีความแตกต่างกัน มนุษย์มีความแตกต่างในฐานะความเป็นอยู่ บางคนมีความสุขสบายเพียบพร้อม มีบ้านใหญ่โต อาหารการกินสมบูรณ์ มีรถหรูคันงาม มีตำแหน่งฐานะต่างสังคม มีธุรกิจมากมาย ไม่มีความลำบากใดๆเลยในโลกใบนี้ แต่คนอีกกลุ่มมีความขัดสนยากจน อาหารการกินไม่สมบูรณ์ หนี้สินมากมาย ลูกๆ ไม่มีโอกาสทางการศึกษา ทำงานแลกเงินด้วยการใช้แรงงาน มีที่อยู่คับแคบ และอีกมากมายของความลำบากที่ประสบกับคนอีกบางกลุ่ม
อาหารของคนรวยมื้อหนึ่ง อาจจะเป็นอาหารปีหนึ่งสำหรับคนจนก็ได้ ความเลื่อมล้ำตรงนี้ การที่คนในสังคมไม่มีการดูแลซึ่งกันและกัน ไม่แบ่งปันสิ่งที่มีจนล้น ให้กับคนที่ขัดสน แน่นอนจะเกิดความวุ่นวายทางสังคม และวิกฤติต่างๆ จะผ่านไปได้ด้วยการที่มนุษย์รู้จักแบ่งปัน เอาใจใส่ซึ่งกันและกัน
อิสลามส่งเสริมให้มนุษย์ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เราจึงพบว่า ในรุกุนอิสลาม 5 ประการ หนึ่งในนั้น มีข้อหนึ่งคือ การชำระซากาต ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน เงินทอง ปศุสัตว์ พืชผล ธุรกิจต่างๆ ที่มีกำไร กำหนดส่วนหนึ่งจากสิ่งต่างๆ เหล่านั้นสำหรับบุคคลที่เข้าเกณฑ์ต้องจ่ายซากาต เพื่อนำส่วนซากาตมาจุนเจือสังคม จุนเจือกลุ่มคนที่ขาดแคลนในด้านต่างๆ
อิสลามห้ามการเอาทรัพย์สินของบุคคลอื่นในรูปแบบของดอกเบี้ย เพราะการกินทรัพย์คนอื่นในรูปของดอกเบี้ยมันคือ การอธรรมอย่างหนึ่ง อิสลามส่งเสริมให้ช่วยเหลือพี่น้องของเขาในยามที่พี่น้องของเขาลำบาก ไม่ว่าด้วยการช่วยเหลือในรูปแบบของการให้หยิบยืม แบบไม่คิดดอกไม่คิดผลประโยชน์อะไร หรือการบริจาคให้ไปเลย นี่คือรูปแบบอุปถัมภ์สังคมในรูปแบบที่อิสลามส่งเสริม
อัลลอฮฺได้เรียกร้องให้ผู้ที่มีความสามารถ นอกเหนือจากการดูแลคนในครอบครัว หากมีความสามารถก็ต้องดูแลคนขัดสน คนที่ลำบาก และเด็กกำพร้าในสังคมด้วย
وَيُطْعِمُونَ الطَّعَامَ عَلَى حُبِّهِ مِسْكِينًا وَيَتِيمًا وَأَسِيرًا * إِنَّمَا نُطْعِمُكُمْ لِوَجْهِ اللَّهِ لَا نُرِيدُ مِنْكُمْ جَزَاءً وَلَا شُكُورًا ﴾ [الإنسان: 5 - 9]
“และพวกเขาให้อาหารเนื่องด้วยความรักต่อพระองค์แก่คนยากจน เด็กกำพร้าและเชลยศึก”
“(พวกเขากล่าวว่า)แท้จริงเราให้อาหารแก่พวกท่าน โดยหวังความโปรดปรานของอัลลอฮฺ
เรามิได้หวังการตอบแทนและการขอบคุณจากพวกท่านแต่ประการใด”
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
عن أبي هريرة رضي الله عنه، عن النبي صلى الله عليه وسلم قال: ((مَن نفَّس عن مؤمنٍ كربةً من كُرَب الدنيا، نفَّس الله عنه كربةً من كُرَب يوم القيامة، ومن يسَّر على معسرٍ، يسَّر الله عليه في الدنيا والآخرة، ومن ستر مسلمًا ستره الله في الدنيا والآخرة، واللهُ في عون العبد ما كان العبد في عون أخيه....))
มีรายงานจากท่าน อบีฮุรอยเราะฮ์ รอฎิยัลลอฮูอันฮู จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
“ใครได้ปลดเปลื้องความทุกข์ยากในโลกนี้ แก่ผู้ศรัทธา อัลลอฮฺก็จะปลดเปลื้องความทุกข์ยากของเขาในวันกิยามะหฺ
และใครที่ให้ความสะดวกง่ายดายแก่ผู้ที่ยากลำบาก อัลลอฮฺก็จะให้สะดวกง่ายดายแก่เขาในโลกนี้และโลกหน้า
ใครที่ปิดบังความลับของพี่น้องมุสลิม อัลลอฮฺก็จะปกปิดความลับของเขาในโลกนี้และโลกหน้า
และอัลลอฮฺจะช่วยเหลือบ่าว ตราบใดที่บ่าวช่วยเหลือพี่น้องของเขา”
ดังนั้นปัจจุบันในการแพร่ระบาดของโรคนี้ มีกลุ่มคนหลายอาชีพที่ประสบความยากลำบาก ขาดรายได้เพราะต้องหยุดทำงาน คนที่มีความสามารถแบ่งปันสิ่งที่ตัวเองสามารถแบ่งปันได้ ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะกระทำ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องใช้ที่จำเป็น เช่น หน้าอนามัย ยารักษาโรค และสิ่งของอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่จะบริจาคให้โรงพยาบาล หรือบริจาคแก่บุคคลส่วนบุคคล
อัลลอฮฺ จะยังช่วยเหลือบ่าวของพระองค์ตราบใดที่บ่าวช่วยเหลือปลดเปลื้องความทุกข์พี่น้องของเขา