โรคระบาด สัญญาณเตือน
อบูอัรวาฮ์ แปลและเรียบเรียง
บ่าวของอัลลอฮฺ ท่านทั้งหลายจงยำเกรงอัลลอฮฺ และสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์ ท่านทั้งหลายจงยึดมั่นและมอบหมายต่อพระองค์
{إِنَّ اللَّهَ يُحِبُّ الْمُتَوَكِّلِينَ}
“แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักใคร่ผู้มอบหมายทั้งหลาย”
พี่น้องผู้มีอีหม่านทั้งหลาย แท้จริงแล้ว ส่วนหนึ่งจากฮิกมะฮฺของอัลลอฮฺตะอาลาในบรรดาปวงบ่าวของพระองค์ คือการที่พระองค์ทรงให้เกิดโรคระบาดเกิดขึ้นแก่ผู้คนโดยรวมในบางเวลาและบางสถานที่ เพื่อให้มันเป็นสัญญาณยืนยันถึงพระปรีชาสามารถและพลังอำนาจของพระองค์ ในการที่จะทำให้สิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดไว้แล้วเกิดขึ้นกับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ในบรรดาปวงบ่าวของพระองค์
และเพื่อเป็นข้อตักเตือนแก่ผู้คนทั้งหลาย ให้พวกเขาระลึกถึงความอ่อนแอ การไร้ซึ่งความสามารถ ความขัดสน และความต้องการของพวกเขาที่มีต่อพระเจ้า และเพื่อเป็นการจำแนกระหว่างกลุ่มชนที่ให้เอกภาพอันบริสุทธิ์ บรรดาผู้ซึ่งไม่มุ่งสู่สิ่งใดนอกจากอัลลอฮฺ ทั้งในสภาพการณ์ที่สุขสบายและในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
และบรรดาผู้ที่ตั้งภาคีคือบรรดาผู้ที่วิงวอนขอต่อพระเจ้า (ที่พวกเขากล่าวอ้าง) ในสภาพการณ์ที่เป็นปรกติสุขและวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺอย่างบริสุทธิใจในสถานการณ์ยากลำบากและคับขัน , บรรดาผู้ที่อัลลอฮฺทรงกล่าวถึงพวกเขาว่า
{فَإِذَا رَكِبُوا فِي الْفُلْكِ دَعَوُا اللَّهَ مُخْلِصِينَ لَهُ الدِّينَ فَلَمَّا نَجَّاهُمْ إِلَى الْبَرِّ إِذَا هُمْ يُشْرِكُونَ (65) لِيَكْفُرُوا بِمَا آتَيْنَاهُمْ وَلِيَتَمَتَّعُوا فَسَوْفَ يَعْلَمُونَ }
“ดังนั้น เมื่อพวกเขาขึ้นขี่เรือ พวกเขาวิงวอนต่ออัลลอฮฺเป็นผู้บริสุทธิ์ใจในการขอพรต่อพระองค์ ครั้นเมื่อพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้ขึ้นบก แล้วพวกเขาก็ตั้งภาคีต่อพระองค์) (เพื่อพวกเขาจะเนรคุณต่อสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขา และเพื่อพวกเขาจะได้หลงระเริงแล้วพวกเขาก็จะได้รู้”
( ซูเราะฮฺ อัลอังกะบูต ๖๕-๖๖)
เพื่อที่จะบ่งบอกถึงสภาพของผู้ที่งมงายยิ่งกว่าและมีจิตใจที่แข็งกระด้างยิ่งกว่า โฉดเขลายิ่งกว่า และการตั้งภาคีอันโสโครก พวกเขาคือบรรดาผู้ที่ไม่หันกลับไปสู่อัลลอฮฺ แม้กระทั่งในขณะที่เคราะห์กรรมลงมา แต่พวกเขากลับวิงวอนและขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้าของพวกเขา (ที่พวกเขากล่าวอ้าง) กุโบรฺ หลุมศพ บรรดาอิหม่ามของพวกเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว (ทั้งๆ ที่อิหม่ามของพวกเขาเหล่านั้น) ไม่มีความสามารถที่จะให้เกิดผลประโยชน์และโทษใดๆ ทั้งแก่ทั้งตัวของพวกเขาเองและผู้อื่น
และจากฮิกมะฮฺของโรคระบาด บางครั้งมันคือการลงโทษที่อัลลอฮฺทรงให้ประสบแก่บรรดาศัตรูของพระองค์ , เป็นการลงโทษในโลกนี้ รวมถึงสิ่งที่พระองค์ทรงสงวนไว้แก่พวกเขาในโลกอาคีเราะฮฺ นั้นคือการลงโทษอันทุกข์ทรมานยิ่ง
และจากฮิกมะฮฺของการเกิดโรคระบาด คือบางครั้งเป็นความเมตตาแก่บรรดามุอฺมินผู้ศรัทธา เป็นการลบล้างความผิด และยกฐานะลำดับขั้นของพวกเขาให้สูงขึ้น และเป็นสักขีพยานแก่พวกเขา ณ ที่พระเจ้าของพวกเขา
เพราะฉะนั้น สำหรับอัลลอฮฺ ในทุกๆ เรื่องราวที่พระองค์ทรงตัดสินและกำหนด ย่อมมีฮิกมะฮฺอันล้ำลึก ไม่ว่าเราจะรับรู้ส่วนหนึ่งจากฮิกมะฮฺอันมากมายเหล่านั้นหรือไม่ก็ตาม
พี่น้องในอิสลามทั้งหลาย พร้อมๆ กับโรคระบาดที่รู้กันในชื่อโคโรน่า เราขอเตือนตัวเราเองและโดยเฉพาะพวกท่านทั้งหลายให้ระลึกถึงบางเรื่องราวที่มีความสำคัญ ดังต่อไปนี้
ประการที่ ๑
มุสลิมนั้น จะต้องมีศรัทธาอันแรงกล้าต่อการกำหนดสถาวะการณ์ของอัลลอฮฺ (ก่อฎอ และก่อดัร) เชื่อมั่นว่า สิ่งใดก็ตามที่คลาดแคล้วไปจากท่าน มันย่อมไม่ประสบกับท่าน และสิ่งใดที่มันประสบกับท่าน มันย่อมไม่คลาดแคล้วจากท่านอย่างแน่นอน และวาระสุดท้ายของชีวิตได้ถูกกำหนดไว้แล้ว จะไม่มีชีวิตใดตายลงจนกว่าริสกีและระยะเวลาการมีชีวิตในโลกนี้จะครบสมบูรณ์ เพราะฉะนั้น หากมุสลิมประสบกับสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็จงอย่าพูดอย่างผู้ที่โศรกเศร้าหันห่างจาก (การยึดมั่น) ก่อฎอ และก่อดัร ว่า “หากฉันอยู่บ้าน ไม่เดินทางไกลก็คงไม่ประสบกับสิ่งใดๆ “ หรือ “หากฉันไม่คลุกคลีกับคนนั้น โรคก็คงไม่แพร่มาถึงฉัน” คำพูดในลักษณะนี้เกิดจากความไม่รู้ของผู้พูด ทำให้แสดงออกในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงห้ามปราม ในคำดำรัสของอัลลอฮฺ ตะอาลา
{يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا لَا تَكُونُوا كَالَّذِينَ كَفَرُوا وَقَالُوا لِإِخْوَانِهِمْ إِذَا ضَرَبُوا فِي الْأَرْضِ أَوْ كَانُوا غُزًّى لَوْ كَانُوا عِنْدَنَا مَا مَاتُوا وَمَا قُتِلُوا لِيَجْعَلَ اللَّهُ ذَلِكَ حَسْرَةً فِي قُلُوبِهِمْ وَاللَّهُ يُحْيِي وَيُمِيتُ وَاللَّهُ بِمَا تَعْمَلُونَ بَصِيرٌ }
“โอ้ผู้ที่ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่าเป็นเช่นบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และกล่าวแก่พวกพ้องของพวกเขา ขณะที่พวกเขาเหล่านั้นเดินทางไปในผืนแผ่นดิน หรือขณะที่เขาเหล่านั้นเป็นนักรบว่า หากพวกเขาอยู่ที่เราแล้วพวกเขาก็ย่อมไม่ตายและไม่ถูกฆ่า เพื่อว่าอัลลอฮฺจะทรงให้เรื่องนั้นเป็นที่เศร้าโศกในหัวใจของพวกเขา และอัลลอฮฺนั้นทรงให้เป็นและให้ตาย และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเห็นในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ”
ประการที่ ๒
ผู้เป็นมุสลิมจะต้องรับรู้ว่า ไวรัส โรคระบาด และการเจ็บไข้ได้ป่วย เหล่านี้ไม่สามารถเคลื่อนที่และแพร่ระบาด และไม่สามารถทำอันตรายแก่ผู้ใดนอกจากด้วยการกำหนดของอัลลอฮฺ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
(لا عدوى ولا طيرة) “ไม่มีโรคระบาดและไม่มีลางร้าย”
หมายความว่า โรคภัยไข้เจ็บนั้น มิได้แพร่ระบาดด้วยตัวของมันเอง แต่มันแพร่ระบาดด้วยการกำหนดและพลังอำนาจของอัลลอฮฺ ดังนั้นมันจะประสบแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และมันจะห่างไกลจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ด้วยเหตุนี้เอง ท่านจะพบว่าสมาชิกในบ้านเดียวกันมีทั้งผู้ที่ติดเชื้อและผู้ที่ไม่ติดเชื้อ
ประการที่ ๓
ผู้เป็นมุสลิมจำเป็นจะต้องยึดเอาเหตุแห่งความปลอดภัยและการป้องกันตามบทบัญญัติศาสนา และแนวทางที่ดีต่างๆ อาทิเช่น การงดเว้นจากการเดินทางไปยังประเทศที่มีโรคระบาด และเช่นเดียวกัน หลีกเลี่ยงจากการเดินทางหนีออกมา (จากเขตแคว้นที่เกิดโรคระบาด เมื่อคุณพำนักอยู่ที่นั่น) เนื่องด้วยคำกล่าวของท่านร่อซู้ล ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ในเรื่องกาฬโรค
«الطَّاعُونُ رِجْسٌ أُرْسِلَ عَلَى طَائِفَةٍ مِنْ بَنِي إِسْرَائِيلَ، أَوْ عَلَى مَنْ كَانَ قَبْلَكُمْ، فَإِذَا سَمِعْتُمْ بِهِ بِأَرْضٍ، فَلاَ تَقْدَمُوا عَلَيْهِ، وَإِذَا وَقَعَ بِأَرْضٍ، وَأَنْتُمْ بِهَا فَلاَ تَخْرُجُوا، فِرَارًا مِنْهُ» متفق عليه.
“โรคห่านั้น คือ สิ่งสกปรกที่ถูกส่งมายังชาวอิสรออีลกลุ่มหนึ่งหรือแก่คนก่อนหน้าพวกท่าน ดังนั้นเมื่อพวกท่านได้ยินข่าวคราวการเกิดขึ้นของมัน ณ แผ่นดินใดก็จงอย่าเข้าไปที่นั่น และเมื่อมันเกิด ณ แผ่นดินที่พวกท่านพำนักอยู่ก็จงอย่าเดินทางออกจากที่นั่นเพื่อที่จะหลีกหนีให้พ้นจากมัน”
ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
: “لا يُوْرِدُ مُمْرِضٌ على مُصِح” رواه مسل " อย่านำผู้ป่วยมารวมกับผู้ที่มีสุขภาพดี "
ประการที่ ๔
สำหรับบรรดาผู้ที่พำนักอยู่ในประเทศใดก็ตาม จำเป็นจะต้องปฏิบัติตามแนวทางในการควบคุมและขจัดผลกระทบของโรคระบาดในประเทศนั้นๆ อย่างเคร่งครัด - ตราบใดที่แนวทางเหล่านั้นมิได้เป็นการฝ่าฝืนตามบทบัญญัติศาสนา - ซึ่งเป็นสิ่งที่นำพาสู่สิ่งดีและผลลัพธ์ที่คาดหวัง เพื่อผลประโยชน์ของปัจเจกบุคคลและสังคมโดยรวม
ประการที่ ๕
มุสลิมทุกคนจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจในแผนการปฏิบัติที่รัฐบาล ผู้รับใช้ฮารอมอันมีเกียรติทั้งสอง ได้นำมาใช้ปฏิบัติ ในการระงับการเดินทางเข้าสู่ราชอาณาจักรเพื่อประกอบพิธีอุมเราะฮฺและเยี่ยมเยียนมัสยิดนะบาวี่ เป็นการชั่วคราวจนกว่าการระบาดจะจบลง , ทั้งนี้เพื่อเป็นการปกป้องชีวิตและสุขภาพพลานามัยของพวกเขา และการที่มุสลิมจะยอมรับในการทำเนินการด้วยความรู้สึกที่ดี และให้ความร่วมมือ เพราะการไม่ให้ความร่วมมือกับการดำเนินการเหล่านี้ย่อมนำมาซึ่งความเสียหายและอันตรายใหญ่หลวง
بارك الله لي ولكم في القرآن العظيم ونفعني وإياكم بهدي سيد المرسلين أقول هذا القول وأستغفر الله لي ولكم من كل ذنب فاستغفروه إنه هو الغفور الرحيم
الخطبة الثانية
บ่าวของอัลลอฮฺ ขอให้ท่านทั้งหลายพึงยำเกรงต่ออัลลอฮฺและ มอบหมายต่อพระองค์ และส่วนหนึ่งของการมอบหมายต่อพระองค์ คือการปฏิบัติตามสาเหตุที่ปรากฏในบทบัญญัติศาสนาและสาเหตุที่อนุมัติ เพื่อป้องกันจากโรคภัยก่อนที่มันจะเกิดขึ้น และการยึดเอาสาเหตุต่างๆ ของการรักษาและการมีสุขภาพที่ดีหายป่วยหลังจากที่เป็นโรค
ส่วนหนึ่งจากสาเหตุ (แห่งการป้องกันโรค) ที่ถูกบัญญัติในหลักการศาสนา คือหมั่นรักษาการอ่านบทรำลึกยามเช้าและยามเย็น และบทรำลึกเมื่อลงพัก ณ สถานที่ใดที่หนึ่ง และบทรำลึกในบทบัญญัติ ขณะที่จะนอนหลับ ขณะที่จะรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งท่านนนบี ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้ทรงส่งเสริมให้ปฏิบัติ และแจ้งว่าในสิ่งเหล่านั้นมีการรักษาจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีการปกป้องให้พ้นจากยาพิษ รวมถึงคุณประโยชน์ในด้านอื่นๆ ฯลฯ
จากสาเหตุที่ดี คือการรักษาความสะอาด , การรับประทานยาที่อนุมัติ , และการตรวจรักษาแต่เนิ่นๆ เมื่อมีความสงสัย (ว่าจะเป็นโรค) รวมถึงสาเหตุอื่นๆ ที่หน่วยงานรับผิดชอบได้มีการประชาสัมพันธ์บอกกล่าว
http://www.haddady.com/19026-2/