สาเหตุที่ทำให้เราเป็นชาวนรก
โดย... อาจารย์มุฮัมมัด กาสุรงค์
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เถิด เพราะการยำเกรงต่ออัลลอฮฺนั้น เป็นเสบียงที่ดียิ่งสำหรับเราทั้งในโลกดุนยา และอาคิเราะฮฺ
เมื่อกล่าวถึงสวรรค์และนรก ก็อยากจะบอกถึงความสุขใน สวนสวรรค์ที่พระองค์อัลลออฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงเตรียมเอาไว้สำหรับบ่าวที่ดีของพระองค์ และ การลงโทษอันเจ็บปวดที่พระองค์ทรงเตรียมเอาไว้สำหรับบ่าวที่เนรคุณต่อพระองค์ พระองค์ทรงกล่าวว่า
“อุปมา ลักษณะของสวนสวรรค์ที่บรรดาผู้ยำเกรงถูกสัญญาไว้ก็คือ มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านอยู่เบื้องล่าง ผลไม้ และร่มเงาของสวนสวรรค์นั้นมีอยู่ตลอดกาล นั่นแหละคือ บั้นปลายของผู้ยำเกรงและ บั้นปลายของผู้ปฏิเสธนั้นคือ ไฟนรก”
(อัรเราะอ์ดฺ 13 : 35)
จากอายะฮฺนี้เราจะเห็นได้ว่า พระองค์อัลลอฮฺทรงบอกถึงความสุข ความร่มเย็นในสวรรค์ มีทั้งแม่น้ำ มีต้นไม้ มีผลไม้ถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับบ่าวผู้ศรัทธาต่อพระองค์ตลอดเวลา ในสวนสวรรค์มีแต่ ความร่มเย็น มีแต่ความสุขสบาย นึกอยากทานอะไรก็ได้ทานแล้วเราลองมาดูสภาพของนรกที่พระองค์ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงเตรียมเอาไว้สำหรับผู้ปฏิเสธศรัทธากันบ้าง พระองค์ทรงกล่าวว่า
“บรรดาชาวนรก (พวกนี้) จะได้น้ำ จากร่องน้ำที่ร้อนจัดที่สุด พวกเขาไม่มีอาหารอย่างอื่น นอกจากต้นหนาม มันไม่ให้ประโยชน์ใด ๆ ต่อร่างกาย และไม่ขจัดความหิวโหยจากพวกเขาได้เลย”
(อัลฆอซียะฮฺ 88 : 5-7)
จากอายะฮฺต่าง ๆ เหล่านี้ เราจะเห็นได้ว่า ขณะที่ชาวนรกถูกลงโทษในนรกนั้น พวกเขาต้องถูกไฟ ที่ร้อนที่สุดเผาไหม้พวกเขา
♦ เมื่อมีความกระหายอยากดื่มน้ำ น้ำที่ถูกเตรียมไว้ให้สำหรับพวกเขาก็เป็นน้ำที่ร้อนที่สุด เมื่อดื่มแล้วก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาหายจากการกระหายน้ำได้เลย
♦ เมื่อพวกเขาเกิดความหิวอยากจะรับประทานอาหาร อาหารที่เตรียมไว้สำหรับพวกเขาก็มีแต่ต้นหนาม เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว มันก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาหายจากความหิวโหยได้เลย อาหารต่าง ๆ เหล่านี้ มันไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลย
เราจะเห็นได้ว่า ในนรกนั้น มีแต่การลงโทษที่เจ็บปวด มีแต่ไฟที่ร้อนระอุ หาความสุขหาความสบายไม่ได้เลย แต่ถึงกระนั้นก็ตามมนุษย์ส่วนมากก็เป็นชาวนรกเพราะเหตุใด พระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงกล่าวว่า
“และแท้จริง เรา (อัลลอฮฺ) ได้ให้นรกญะฮันนัมเต็มไปด้วยญิน และมนุษย์ โดยที่พวกเขามีหัวใจ แต่พวกเขาไม่ใช้ทำความเข้าใจและพวกเขามีตา แต่พวกเขาไม่ใช้มอง และพวกเขามีหู แต่พวกเขาไม่ใช้ฟัง ชนเหล่านี้แหละประหนึ่งปศุสัตว์ ใช่แต่เท่านั้น พวกเขายังเป็นผู้ที่หลงผิดยิ่งกว่า ชนเหล่านี้แหละ พวกเขาคือ ผู้ที่เผลอเรอ”
(อัลอะอฺร็อฟ 7 : 179)
จากอายะฮฺนี้ เราจะเห็นได้ว่า สาเหตุที่ทำให้มนุษย์เราต้องเป็นชาวนรกนั้น มีสามสาเหตุด้วยกัน
สาเหตุที่หนึ่ง มนุษย์นั้น มีหัวใจแต่พวกเขาไม่ใช้ทำความเข้าใจ ดังนั้น พากเราทุกคนต้องตรวจสอบตัวเราว่า วันนี้หัวใจของเราเป็นอย่างไร ? เป็นหัวใจที่เข้าใจตัวเราเองหรือเปล่า ? เรานั้นเป็นบ่าวของอัลลอฮฺ ที่มีหน้าที่ต้องศรัทธาอย่างแท้จริง และจะต้องเคารพภักดีต่อพระองค์เพียงองค์เดียว เรามีหัวใจที่มีความรู้ความเข้าใจในศาสนาอิสลามของพระองค์จริงแล้วหรือยัง ? เพื่อที่เราจะได้ทำอิบาดะฮฺต่อพระองค์อย่างถูกต้องและสมบูรณ์
สาเหตุที่สอง มนุษย์มีตาแต่พวกเขาไม่ใช้มอง หมายถึง มนุษย์นั้น ไม่ได้ใช้ตาของเขามองสิ่งที่เป็นสัจธรรม ไม่ได้มองดูความกรุณาโปรดปราน (เนี๊ยะอฺมัต) ของพระองค์ที่มีต่อบ่าวของพระองค์ไม่ได้มอง อายาตต่าง ๆ ของพระองค์ ไม่ได้มองคำสั่งใช้ คำสั่งห้ามต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงบัญชาใช้แก่ปวงบ่าวของพระองค์
สาเหตุที่สาม มนุษย์นั้นมีหู แต่พวกเขาไม่ใช้ฟัง หมายถึง มนุษย์นั้นมีหูแต่เขาไม่ได้ใช้หูของเขาฟังในเรื่องราวของศาสนาไม่ได้ใช้หูของเขาฟังในเรื่องที่จะทำให้เขานั้นมีหัวใจที่เข้าใจในเรื่องของศาสนา มีหัวใจที่ยำเกรงต่อพระองค์
ท่านพี่น้องครับ มนุษย์เรานั้น เป็นผู้ที่ได้รับความเมตตากรุณาจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อย่างใหญ่หลวง เป็นผู้ที่ได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่จากพระองค์ พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้มีรูปร่างที่สวยงาม ให้มีอวัยวะต่าง ๆ ที่สมส่วนสอดคล้องซึ่งกันและกัน ให้มีสติปัญญาที่สามารถแยกแยะได้ว่า อะไรดี ? อะไรไม่ดี ?
แต่ถ้ามนุษย์เรานั้น ไม่ยอมใช้อวัยวะต่าง ๆ เหล่านั้นให้ถูกต้อง ไม่ยอมใช้สติปัญญาของเขาและทำความเข้าใจว่า หน้าที่ของบ่าวที่มีต่อพระผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงให้ชีวิต ผู้ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่เขา พระองค์ทรงประณามบุคคลเหล่านี้ว่า เป็นผู้ที่เลวยิ่งกว่าปศุสัตว์ เป็นผู้ที่หลงผิด เพราะพวกเขาเป็นผู้ที่เผอเรอ ปล่อยตัวปล่อยใจให้หลงไปกับความสุขแห่งโลกดุนยา ลืมนึกถึงอาคิเราะฮฺที่มนุษย์ทุกคนต้องกลับไปหาอัลลอฮฺ โลกที่ถาวร โลกที่ทุกคนต้องไปรับผลงานที่เขาทำไว้ตอนที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ โลกแห่งการตอบแทนใครทำดี ก็จะได้รับสวรรค์เป็นสิ่งตอบแทน ใครทำชั่วก็จะได้รับเป็นการตอบแทน
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ! ที่เราจะต้องตรวจสอบตัวเราว่า ขณะนี้เราใช้ชีวิตของเราอย่างไร ? การดำเนินชีวิตของเรานั้น อยู่ในหลักการของศาสนาหรือเปล่า ? หัวใจของเรานั้น เป็นหัวใจ ที่ยำเกรงต่ออัลลอฮฺแล้วหรือยัง ? หูของเราเป็นหูที่ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์หรือเปล่า ? และทำให้ เรานั้น เป็นผู้ที่ยำเกรงต่ออัลลอฮฺแล้วหรือยัง ? เพราะมุสลิมเรานั้น จะต้องเป็นผู้ที่ยำเกรงต่อพระองค์อัลลอฮฺตลอดเวลา ดังคำสอนของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ว่า
“จงยำเกรงต่ออัลลอฮฺในทุกสภาพการณ์ และจงติดตามความชั่วด้วยความดี ซึ่งความดีนั้น จะลบล้างความชั่วให้หมดไป และจงปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยมารยาทที่ดีงาม”
(บันทึกโดย อิมาม อัตติรมิซีย์)
จากฮะดิษนี้ เราจะเห็นได้ว่า ท่านนบีมุฮัมมัดของเรานั้น ได้ใช้ให้มุสลิมมีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม และเมื่อทำอะไรผิดพลาดไปก็ต้องรีบสำนึกผิด กลับเนื้อกลับตัว (เตาบะฮฺ) ต่อพระองค์อัลลอฮฺ และทำความดีให้มาก ๆ เพื่อที่ความดีนั้นจะไปลบล้างความผิดของเรา และมุสลิมเรานั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีมารยาทที่ดีงามต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง
ดังนั้น เราต้องตรวจสอบตัวเราเองว่าการดำเนินชีวิตของเราเป็นไปตามคำสอนของท่านนบีมุฮัมมัด แล้วหรือยัง ? อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายของเรานั้น ได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้องแล้วหรือยัง ? และเราต้องดูแลลูกหลานของเราด้วยว่า เราได้ให้พวกเขาเหล่านี้ได้เรียนรู้ ได้ศึกษาศาสนาอย่างดี อย่างถูกต้องแล้วหรือยัง ? เราได้ให้ลูกหลานของเรารู้จักพระผู้เป็นเจ้าแล้วหรือยัง ? ได้ให้พวกเขาเหล่านั้นได้รู้หน้าที่ที่พึงมีต่อพระเจ้าแล้วหรือยัง ?
มุสลิมเรานั้นต้องไม่ลืมว่า มนุษย์เรานั้น ถ้าการใช้ชีวิตไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน แน่นอน เขาย่อมเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน เพราะสัตว์เดรัจฉานนั้น เมื่อตายไปแล้วมันก็จบ มันไม่ต้องถูกสอบสวน มันไม่ต้องถูกลงโทษ พระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
“แท้จริง เรา (อัลลอฮฺ) ได้สร้างมนุษย์ทั้งผองขึ้นมาในรูปร่างลักษณะที่ดีที่สุด แล้วต่อมา เรา (อัลลอฮฺ) ได้นำเขากลับมาสู่สภาพที่ต่ำช้าที่สุด เนื่องจากไม่ทำหน้าที่ให้สมกับการเป็นมนุษย์ที่ดีนั่นเอง”
(อัตตีน 95 : 4-5)
ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปี โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร (25 มกราคม 2563)