ความเชื่อของชนรุ่นหลัง !
อับดุลบารีย์ นาปาเลน แปลเรียบเรียง
หลักความเชื่อที่บิดเบือนเเละผิดเพี้ยนที่ได้เกิดขึ้นหลังจากยุคของบรรดาศอฮาบะฮ์ ผู้คนได้ยึดเอาความคิดเเละความเชื่อใหม่ๆของคนเหล่านั้นมาเป็นหลัก ที่พระองค์ได้สร้างพวกเขามาจากน้ำอสุจิที่ไร้ค่า หรือการไปเลียนเเบบความเชื่อตามศาสนาอื่นๆที่ไม่ใช่อิสลาม จากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา พวกมุชริกีน เเละพวกอะห์ลุลกีตาบ
หรือเอาหลักความเชื่อจากพวกนักคิดนิยม หรือพวกนักปรัชญา เเละนักตรรกะนิยม หรือกลุ่มอารมณ์นิยมต่างๆ จึงได้เกิดกลุ่มต่างๆมากมาย เกิดกลายเป็นหลายกลุ่มหลายความเชื่อ ซึ่งเเต่ละกลุ่มต่างมีความพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ เเละตำหนิต่อกลุ่มอื่นที่เเตกต่างจากของตน เเละนั้นถือเป็นสิ่งอุตริกรรมที่ท่านนบีได้เคยเตือนผู้ศรัทธาไว้ว่า
"وإياكم ومحدثات الأمور ؛ فإن كل محدثة بدعة ، وكل بدعة ضلالة " أخرجه أبو داود (4067)
“เเละพวกท่านทั้งหลายจงระวังจากสิ่งอุตริกรรมในศาสนา
เพราะเเท้จริงทุกๆสิ่งอุตริ(ในศาสนา)นั้นคือบิดอะห์ เเละทุกบิดอะห์นั้นคือสิ่งที่หลงผิด"
(รายงานโดยอะบูดาวูด 4067)
เเละท่านนบี(ศ็อลลอลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม)ได้กล่าวว่า
"وستفترق هذه الأمَّة على ثلاث وسبعين فرقة ،كلها في النار إلاَّ واحدة" وفي روايةٍ صحيحة : قالوا : من هُمْ يا رسول الله ؟ قال : مَنْ كانُوا على مثل ما أنا عليه اليوم وأصحابي "رواه الترمذي وغيره وهو حديث صحيح.
“และประชาชาติของฉันจะแตกออกเป็นเจ็ดสิบสามจำพวกทั้งหมดอยู่ในไฟนรก นอกจากพวกเดียวเท่านั้น”
และยังมีรายงานที่ถูกต้องอีกว่า : พวกเขาถามว่า “โอ้เราะซูลุลลอฮฺ พวกที่รอดพ้นเป็นพวกไหน?”
ท่านนบีตอบว่า “พวกที่อยู่บนแนวทางเหมือนกันกับฉันและบรรดาสาวกของฉัน"
ศาสนาอิสลามได้เป็นศาสนาที่สมบูรณ์เเบบ ท่านนบี(ซอลลอลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม)ได้มาประกาศอย่างครบถ้วน มีความสวยงามเเละรัดกุมหมดทุกอย่าง ปราศจากสิ่งบิดเบือน เพิ่มเติมหรือเเก้ไข หากความเชื่อของคนรุ่นหลังเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เเน่นอน สิ่งนั้นย่อมเป็นสิ่งท่านนบีต้องนำมาบอกเเละเผยเเพร่ให้เเก่ประชาชาติมาก่อนหน้า
ผู้ที่มาในยุคหลัง เเละได้เเสวงหาความเเตกต่างจากชาวสลัฟที่ซอเเละห์ที่มาก่อนหน้าในเรื่องของอากีดะห์เเละมันหัญจ์ ถูกเรียกว่าคอลัฟที่ถูกตำหนิ ดั่งที่พระองค์ได้ทรงตรัสว่า
فَخَلَفَ مِن بَعْدِهِمْ خَلْفٌ أَضَاعُوا الصَّلَاةَ وَاتَّبَعُوا الشَّهَوَاتِ ۖ فَسَوْفَ يَلْقَوْنَ غَيًّا ( 59 )
"ภายหลังจากพวกเขา ชนรุ่นหลัง(ที่ชั่ว)ก็ได้สืบต่อมา พวกเขาได้ทิ้งละหมาด และปฏิบัติตามอารมณ์ความใคร่ ต่อมาพวกเขาก็จะประสบความหายนะ"
( มัรยัม โองการที่ ๕๙)
เสมือนกับชาวคอลัฟในอดีตกาล ที่พวกเขาได้ละทิ้งบทบัญญัติของอัลลอฮ์ ที่บรรดานบีได้สืบทอดคำภีร์ให้เเก่พวกเขา
فَخَلَفَ مِن بَعْدِهِمْ خَلْفٌ وَرِثُوا الْكِتَابَ يَأْخُذُونَ عَرَضَ هَٰذَا الْأَدْنَىٰ وَيَقُولُونَ سَيُغْفَرُ لَنَا وَإِن يَأْتِهِمْ عَرَضٌ مِّثْلُهُ يَأْخُذُوهُ ۚ أَلَمْ يُؤْخَذْ عَلَيْهِم مِّيثَاقُ الْكِتَابِ أَن لَّا يَقُولُوا عَلَى اللَّهِ إِلَّا الْحَقَّ وَدَرَسُوا مَا فِيهِ ۗ وَالدَّارُ الْآخِرَةُ خَيْرٌ لِّلَّذِينَ يَتَّقُونَ ۗ أَفَلَا تَعْقِلُونَ ( 169 )
“แล้วได้มีกลุ่มชั่วกลุ่มหนึ่งสืบแทนหลังจากพวกเขา ซึ่งได้รับช่วงคัมภีร์ไว้ โดยที่พวกเขารับเอาสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แห่งโลกนี้(ด้วยกับการขายศาสนา) และกล่าวว่ามันจะถูกอภัยให้แก่เรา
และหากมีสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เยี่ยงเดียวกันนั้นมายังพวกเขา พวกเขาก็รับเอามันอีก มิได้ถูกเอาแก่พวกเขาดอกหรือ ซึ่งข้อสัญญาแห่งคัมภีร์ว่า พวกเขาจะไม่กล่าวพาดพิงเกี่ยวกับอัลลอฮ์ นอกจากความจริงเท่านั้น
และพวกเขาก็ได้ศึกษาสิ่งที่อยู่ในคัมภีร์นั้นแล้ว และที่พำนักแห่งปรโลกนั้นคือสิ่งที่ดียิ่งสำหรับบรรดาผู้ที่ยำเกรงพวกเจ้าไม่ใช้ปัญญาดอกหรือ?”
( อัลอะร็อฟ โองการที่ ๑๖๙)
ท่านอีหม่ามอัชชาฟีอีย์(รอฮิมะฮุลลอฮ์)เป็นผู้หนึ่งที่มีความรู้ความเข้าใจในหลักการศรัทธา(หลักอากีดะฮ์)มากที่สุดท่านหนึ่ง พร้อมกับเน้นหนักในเเนวทางซุนนะฮ์ของท่านนบี(ศ็อลลอลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม) เป็นผู้ที่มีความเกลียดชังต่อการทำชีริกเเละสิ่งอุตริ
ท่านจะมีความโกรธเคืองมากจากวิชาของพวกนักปรัชญาเเละวิชาตรรกะ ที่วิชาเหล่านี้ได้เเทรกซึมเข้ามาในบ้านเมืองอิสลามในยุคของท่าน อันเนื่องมาจากว่าพวกเขาได้นำเอาความคิดมานำหน้าหลักการหรือหลักฐานของศาสนา โดยไม่ให้ความสำคัญในเรื่องของอัตเตาฮีดและอันตรายของชีริก และไม่ช่วยกันห้ามปรามสิ่งที่เป็นชีริก และพวกเขายังละทิ้งซุนนะฮ์ของท่านนบีศ็อลลอลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม แต่กลับไปยึดติดกับคำพูดของผู้คน จนท่านอีหม่ามอัชชาฟีอีย์ได้กล่าวว่า
"حكمي في أهل الكلام أن يضربوا بالجريد، ويطاف بهم في القبائل وينادى عليهم هذا جزاء من ترك الكتاب والسنة وأقبل على الكلام"
"คำตัดสินของฉันเกี่ยวกับนักตรรกะนั้นคือ ให้หวดพวกเขาด้วยก้านอินทผลัมและรองเท้า แล้วจับแห่เวียนรอบชนเผ่าต่างๆ โดยให้ประกาศให้รู้ว่า นี่คือรางวัลของผู้ละทิ้งอัลกุรอ่านและซุนนะฮ์แล้วไปรับเอาวิชากะลาม(วิชาตรรกะ)"
(ดู อัลบิดายะฮ์ วัลนิฮายะฮ์ เล่ม 10 หน้า 277)
ดังนั้น การนำเสนอเเละเรียนรู้หลักศรัทธา(อากีดะฮ์)ที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะในยุคที่มีสิ่งอุตริกรรมมากมาย เเละความรู้ได้หดหาย
ขอจากอัลลอฮ์ให้พระองค์ทรงเมตตาเเละชี้นำทางที่เที่ยงตรง เเละหนทางเเห่งความสำเร็จเเก่พวกเราทั้งปวง