อย่าพลาด! ผลบุญที่ถูกเตรียมไว้ให้แก่ผู้ที่มารอละหมาด
โดย อาจารย์ยาซิร กรีมี
เรื่อง ๆ หนึ่งที่ต้องย้ำเตือนกันอยู่เสมอ ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องที่เราต้องทำกันอยู่เป็นประจำทุกวัน นั่นคือเรื่องการละหมาด เราละหมาดกันทุกวันๆ อย่างน้อยวันละ 5 เวลาที่เป็นละหมาดฟัรฏู แต่ว่าในการมาละหมาดที่มัสยิดและกลับไปในแต่ละครั้ง เราทราบไหมว่าทุก ๆ ขั้นตอนที่เรามาละหมาดที่มัสยิดนั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงจัดเตรียมรางวัลตอบแทนไว้ให้เราอย่างมากมาย
เช่น ใครที่มาละหมาด แต่เนิ่น ๆ มารอละหมาด หรือแม้แต่คนที่จะละหมาดเสร็จแล้วและยังไม่ได้กลับบ้าน แต่นั่งขอดุอาอฺ อ่านอัลกุรอาน ตรงนี้แหละ ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงตระเตรียมรางวัลตอบแทนไว้ให้แก่เขาเหมือนกับเขาเป็นคนที่กำลังละหมาด หมายความว่าคนที่ได้ยินเสียงอะซาน แล้วเขาก็มามัสยิด มานั่ง ซิกรุลลอฮฺ นั่งอ่านอัลกุรอาน เพื่อรอการละหมาดหรือหลังจากที่ละหมาดเสร็จแล้ว ตรงนี้ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงบันทึกผลบุญให้แก่เขาเหมือนกับเขากำลังทำการละหมาด
อัลฮะดิษในบันทึกของอิมามอัลบุคอรีย์และอิมามมุสลิม รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านร่อซุลลุลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“บ่าวคนหนึ่งยังคงละหมาดอยู่ ตราบใดที่เขายังอยู่ในที่ละหมาดของเขา เพื่อคอยที่จะละหมาดเวลาต่อไปและมลาอิกะฮฺจะกล่าวว่า โอ้อัลลอฮฺ ได้โปรดให้อภัยโทษแก่เขา โอ้อัลลอฮฺ ได้ปรดให้ความปรานีต่อเขา จนกว่าเขาจะลุกออกไป หรือจนกว่าเขาจะมีหะดัษ (เสียน้ำละหมาด)”
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม)
คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านจะยังคงอยู่ในการละหมาด หมายถึงการรอละหมาดจะเหมือนกับ การละหมาด เขานั่งรอการละหมาดด้วยกิริยาที่สำรวมอยู่ที่มัสยิด ตรงนี้อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงตอบแทนให้เขาเหมือนกับเขากำลังละหมาด
ในขณะเดียวกันคนที่มารอละหมาดเช่นนี้ จะมีมลาอิกะฮฺกลุ่มหนึ่งมาขอดุอาอฺให้แก่เขา และขอให้เขาได้รับการอภัยโทษจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา การรอละหมาดนั้นจะต้องไม่ใช่การนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ใช่นั่งคุยแต่อยู่รอเพื่อคอยการละหมาด และจะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร หรือไม่นั่งคุยในสิ่งที่ไร้สาระ สำหรับคนที่มีจิตใจผูกพันอยู่กับมัสยิด พออะซานเสร็จทันทีรวมทั้งคนอะซานก็มานั่งรอละหมาด คนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ได้ชื่อว่าจิตใจผูกพันอยู่กับมัสยิด และจะเป็นกลุ่มคนหลุ่มหนึ่งที่จะได้อยู่ในร่มเงาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ในวันกิยามะฮฺ
ซึ่งเป็นเรื่องที่เราได้ทราบกันมาแล้วว่า ในวันกิยามะฮฺทุกคนจะมารอรับการสอบสวน ณ ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เปลือยกายกันมาท่ามกลางแดดที่ร้อนแรง และไม่มีใครที่จะมีร่มเงาให้ใครไปอาศัยได้ นอกจากคนที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงให้ร่มเงาแก่เขา หนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นก็คือ คนที่หัวใจของเขาผูกพันอยู่กับมัสยิด
“คนที่หัวใจของเขาผูกพันกับมัสยิด”
มีมนุษย์ 7 กลุ่ม (จำพวก) ที่จะได้อยู่ใต้ร่มเงาของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ในวันกิยามะฮฺ หนึ่งในนั้นก็คือบุคคลที่มีใจผูกพันอยู่กับมัสยิด
หมายความว่า เมื่อได้เวลาละหมาดก็อยากมาละหมาด พอกลับไปแล้วก็คิดถึงเวลาละหมาดต่อไป ไปละหมาดอัศรฺ พอละหมาดเสร็จกลับไปแล้วก็คิดถึงเวลาละหมาดมักริบ อยากจะมาละหมาด อยากจะมาอยู่ที่มัสยิด อยากจะมาใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา คนที่มาละหมาดที่มัสยิดเป็นประจำ มีหัวใจผูกพันอยู่กับมัสยิดนั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอา จะทรงรับประกันความพอพระทัย รับประกันสวนสวรรค์ให้แก่เขา และรับประกันว่าเขาจะได้เดินผ่านสะพานอัศศิร็อฎคือสะพานที่อยู่ระหว่างพื้นที่แห่งการสอบสวนในวันกิยามะฮฺ เดินผ่านสะพานนี้เพื่อไปสู่สวนสวรรค์ของ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
อัลฮะดิษในบันทึกของอิมามอัฎเฎาะบะรอนีย์ รายงานจากท่านอบูอัดดัรดาอฺ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“มัสยิดเป็นบ้านของผู้ที่มีตักวา ผู้ที่มีความยำเกรงอย่างแท้จริง อัลลอฮฺ อัซซะวะญัล ได้ทรงรับประกันว่า คน ๆ นั้นเข้ามัสยิดไปทำการละหมาด และอัลลอฮฺ อัซซะวะญัล จะทรงให้เขาได้รับความสบายหลังจากที่เขาได้เสียชีวิตไปแล้ว
และได้รับเราะหฺมะฮฺ (เราะหฺมะฮฺตรงนี้มีคำอธิบายว่า หมายถึงทางรอดใน วันกิยามะฮฺ ซึ่งก็หมายความว่าได้รับความปลอดภัยตลอดระยะเวลาการสอบสวน)
(เมื่อได้รับเราะฮฺมะฮฺ เขาก็ได้รับ) อนุญาตให้เดินผ่านสะพานอัศศิร็อฏไปสู่สวนสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย”
(บันทึกโดยอัฏเฏาะบะรอนีย์)
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สะพานอัศศิร็อฏ คือสะพานที่เชื่อมระหว่างดินแดนแห่งการสอบสวนไปสู่สวนสวรรค์ ซึ่งมีความบางยิ่งกว่าเส้นผม มีความคมเหมือนมีด เพราะฉะนั้น ถ้าอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮู วะตะอาลา ทรงสัญญาแก่ใครแล้ว่าเขาจะได้เข้าสวรรค์ของพระองค์ เราก็ไม่ต้องไปคิดว่าเราจะเดินผ่านสะพานหรือเดินไม่ผ่าน เพราะว่าละหมาดเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งเราได้ยินอยู่เสมอว่า ถ้าละหมาดถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์แล้ว แสดงว่าอย่างอื่นสบายหมด ดังนั้น เราจะมาพูดถึงฮะดิษต่าง ๆ ที่จะมาบอก มาอธิบายว่า ตั้งแต่เราออกจากบ้านมาถึงมัสยิดเรามาในลักษณะใด?
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บอกว่า เมื่อคนหนึ่งคนใดในบรรดาพวกท่านมาละหมาดที่มัสยิด ขอให้มาอย่างสงบเสงี่ยม ดังนั้น เราก็มาเช็คตัวเราว่า เวลาเรามามัสยิดนั้น เรามาแบบสงบเสงี่ยมหรือเปล่า เพราะมันมีผลต่อเนื่องมาตลอด
ดังฮะดิษรายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
“การละหมาดญะมาอะฮฺมีผลบุญเพิ่มทวีคูณเป็นยี่สิบห้าเท่าจากการละหมาดคนเดียวที่บ้านหรือ ที่ร้าน
เมื่อผู้ใดอาบน้ำละหมาดอย่างสมบูรณ์ที่สุด และได้เดินไปยังมัสยิด ซึ่งเขาผู้นั้นไม่มีเป้าหมายอื่นใดนอกจากเพื่อการละหมาด
เขาจะไม่ย่างก้าวไปหนึ่งก้าวนอกจากอัลลอฮฺจะยกระดับให้เขาหนึ่งระดับชั้น และจะลบบาปของเขาหนึ่งบาปจนกว่าเขาจะเข้ามัสยิด
และเมื่อได้เข้าอยู่มัสยิดเขาจะได้รับความดีเสมือนว่าเขาอยู่ในการละหมาดจนกว่าเขาจะออกจากมัสยิด
และมลาอิกะฮฺจะขอพรแก่เขาตราบเท่าที่นั่งอยู่ ณ สถานที่ที่เขาทำการละหมาด
ด้วยการกล่าว “โอ้ อัลลอฮฺ ได้โปรดให้การอภัยโทษแก่เขาผู้นี้ด้วยเถิด
โอ้อัลลอฮฺได้โปรดให้ความเมตตาแก่เขาด้วยเถิด ตราบที่เขาไม่มีหะดัษ (เสียน้ำละหมาด) ณ สถานที่ดังกล่าว”
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม)
ฮะดิษรายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
“ผู้ใดก็ตามที่อาบน้ำละหมาดมาจากบ้านของเขาแล้วเดินไป ณ มัสยิดใดมัสยิดหนึ่งเพื่อทำการละหมาด ถือว่าในสองก้าวเดินของเขานั้น ก้าวหนึ่งเขาจะได้ลบบาปและอีกก้าวหนึ่งเขาจะได้ผลบุญ”
(บันทึกโดยมุสลิม)
ฮะดิษรายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“เมื่อพวกท่านได้ยินการอิกอมะฮฺ จงเดินไป (ละหมาด) และจำเป็นแก่พวกท่านต้องมีความสงบนิ่ง และมีสมาธิอย่างนอบน้อม อย่าได้รีบเร่ง ส่วนใดที่พวกท่านตามันก็จงละหมาด และส่วนใดที่ตามไม่ทันก็จงทำต่อให้ครบสมบูรณ์”
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม)
เมื่อรอละหมาดก็ให้ขอดุอาอฺ เพราะดุอาอฺระหว่างอะซานและอิกอมะฮฺจะไม่ถูกปฏิเสธ ดังฮะดิษรายงานจากท่านอนัส บินมาลิก ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“การขอดุอาอฺระหว่างอะซานกับอิกอมะฮฺจะไม่ถูกปฏิเสธ”
(บันทึกโดยอบูดาวูด)
เมื่อเวลามามัสยิดก็ให้มีมารยาทท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บอกว่าแถวที่ดีที่สุดคือแถวหน้าและให้มาทางด้านขวาก่อน
มีฮะดิษรายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“หากมนุษย์ได้รู้ถึงความดีงามที่มีอยู่ในการอะซานและแถวแรก
แต่พวกเขาไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้ นอกจากด้วยวิธีการจับฉลาก แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องจับฉลากกัน
และหากพวกเขารู้ถึงสิ่งที่อยู่ในละหมาดซุฮฺรฺ (เวลาร้อนจัด) แน่นอนพวกเขาก็จะแข่งขันกัน
และหากพวกเขารู้ถึงสิ่งที่อยู่ในละหมาดอิซาอฺและละหมาดซุบฮฺแล้วไซร้ แน่นอนพวกเขาจะมาละหมาดถึงแม้ว่าจะต้องคลานมาก็ตาม”
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม)
อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และบรรดามลาอิกะฮฺจะขอดุอาอฺให้กับบรรดาผู้ที่ยืนทางด้านขวาก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าทางด้านขวาจะดีกว่าทางด้านซ้ายหรือศ็อฟ (แถว) สอง แต่หมายความว่าใครที่มาก่อนก็ให้มาอยู่ทางด้านขวาก่อน แล้วมาต่อด้านซ้าย (จัดแถวโดยให้อิมามอยู่ตรงกลาง) นั่นหมายถึงคนกลุ่มแรกที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และบรรดามลาอิกะฮฺจะขอดุอาอฺให้การที่เรามาละหมาดที่มัสยิดนั้นไม่ใช่ว่าจะได้รับคุณความดี 25 หรือ 27 เท่า เท่านั้น จะเห็นว่าแต่ละขั้น แต่ละตอนของการมาละหมาดจะได้รับ ผลบุญทั้งสิ้น
จากอัลฮะดิษในบันทึกของอิมามอัลบุคอรีย์และอิมามมุสลิมว่า ใครก็แล้วแต่ที่มาทันอิมาม กล่าวว่า
“ฆอยรินมัฆดูบิอะลัยฮิม วะลัฎฎอลลีน”
และกล่าว อามีน พร้อมกับเวลาที่บรรดามลาอิกะฮฺกล่าวก็คือมาทันอิมามอ่านอัลฟาติฮะฮฺ ดังกล่าวนี้ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงลบล้างบาปกรรม จะทรงลบล้างความผิดให้แก่เขาทั้งหมดเลย
จากอบูฮุรอยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“เมื่อผู้หนึ่งในหมู่พวกท่านได้กล่าวว่า อามีน บรรดามลาอิกะฮฺบนฟากฟ้าก็พากันกล่าวว่า อามีนด้วย ดังนั้นหากการกล่าวดังกล่าวตรงพ้องกัน เขาผู้นั้นจะได้รับการอภัยโทษในบาปต่าง ๆ ที่ผ่านมา”
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม)
และอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงจัดเตรียมที่อยู่ในสวรรค์สำหรับผู้เดินทางไปกลับจากมัสยิด ดังฮะดิษรายงานจากอบูฮุรอยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
“ผู้ใดที่ไปมัสยิดและกลับ อัลลอฮฺจะทรงตระเตรียมที่อยู่ในสวสวรรค์ไว้สำหรับเขา ทุกครั้งที่เขาเดินทางไปกลับจากมัสยิด”
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์และมุสลิม, สำนวนฮะดิษเป็นของอัลบุคอรีย์)
ต่อมาเป็นประเด็นสำคัญคือ การมามัสยิดนั้นจะมีเงื่อนไขผูกพันอยู่ตลอดการเดินมามัสยิดแล้วก็มาละหมาดจนกระทั่งกลับบ้าน
ฮะดิษในบันทึกของอิมามมุสลิม จากอบูฮุรอยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ (ได้กล่าวว่า) ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
“พวกท่านทุกคนต้องการหรือไม่ หากว่าฉันจะชี้แนวทางสำหรับพวกท่านถึงสิ่งที่เป็นสาเหตุให้อัลลอฮฺจะลบล้างบาป และสิ่งที่เป็นสาเหตุให้อัลลอฺฮฺจะยกระดับชั้นของพวกท่าน”
พวกเขาพากันตอบว่า “แน่นอน ท่านร่อซูลุลลอฮฺ”
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า “การอาบน้ำละหมาดที่สมบูรณ์ในภาวะที่ลำบากใจ (เช่นช่วงอากาศหนาวหรือร้อนจัด เป็นต้น) การก้าวเดินไปยังมัสยิดมาก ๆ และรอคอยเวลาละหมาด หลังจากที่ได้ละหมาดแล้ว นั่นก็คือ อัรฺริบาฏ” (คือสิ่งที่กระตุ้นให้กระทำหรือบังคับตนเองให้อยู่กับการภักดี หรือหมายถึงส่วนหนึ่งของการต่อสู้เพื่อเอาชนะตนเอง)
(บันทึกโดยมุสลิม)
ใครที่อาบน้ำละหมาดที่บ้านของเขา แล้วเดินมามัสยิดเพื่อมาละหมาดฟัรฎูเวลาใดเวลาหนึ่ง ก้าวหนึ่งลบล้างความผิด อีกก้าวหนึ่งเพิ่มพูนความดี...
เมื่อเราฟังอย่างนี้แล้ว เหมือนมันง่าย แต่ความจริงมันไม่ง่าย เพราะอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงเชื่อมการละหมาดไปยังการอาบน้ำละหมาดด้วย เรามาดูว่าเราอาบน้ำละหมาดถูกต้องตามซุนนะฮฺหรือยัง เขาบอกให้ถูมือ ถูตามซอกนิ้วเราทำตามหรือเปล่า ...อาบน้ำละหมาดเสร็จเราขอดุอาอฺหรือเปล่า ...แล้วเวลาที่เราเดินมามัสยิดเราเดินมาแบบสงบเสงี่ยมหรือเปล่า ถ้าเราทำตามลักษณะนี้นทุก ๆ ย่างก้าว อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงสัญญาแล้วว่า ก้าวหนึ่งของเราที่เดินมามัสยิด พระองค์จะทรงลบล้างความผิด อีกก้าวหนึ่งพระองค์ทรงเพิ่มพูนความดีให้
สิ่ง ๆ หนึ่งที่เรามักทำกันอยู่แล้ว แต่เราอาจจะไม่ทราบว่ามันมีผลบุญ นั่นก็คือ การละหมาดซุนนะฮฺ ในวันหนึ่ง ๆ ถ้าใครละหมาดได้ 12 ร็อกอัตตามที่อัลฮะดิษบอก อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงสร้างบ้านหลังหนึ่งให้แก่เขาในสวนสวรรค์ เป็นการกระทำที่ง่ายมาก 12 ร็อกอัตในหนึ่งวัน มีตอนไหนบ้าง ?
ดังอัลฮะดิษรายงานจากอุมมุฮะบีบะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ได้กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
“ไม่มีบ่าวมุสลิมคนใดที่ทำการละหมาดซุนนะฮฺ ทุก ๆ วัน ๆ ละสิบสองร็อกอัตที่นอกเหนือจากละหมาดฟัรฎู นอกจากอัลลอฮฺจะทรงสร้างวิมานสำหรับเขาในสวนสวรรค์ หรือนอกจากเขาจะถูกสร้างวิมานให้ในสวนสวรรค์”
อุมมุฮะบีบะฮฺได้กล่าวว่า “และฉันก็ไม่ละเลยที่จะทำการละหมาดซุนนะฮฺดังกล่าวนี้นับจากวันนั้นเป็นต้นมา”
(บันทึกโดยมุสลิม)
ใครที่ละหมาดซุนนะฮฺร่อวาติบ คือละหมาดซุนนะฮฺก่อนและหลังละหมาดฟัรฎูในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง 12 ร็อกอัต อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงสร้างบ้านหลังหนึ่งให้แก่เขาในสวสวรรค์ นั่นก็คือ สี่ร็อกอัตก่อนละหมาดซุฮฺรฺ สองร็อกอัตหลังละหมาดซุฮฺรฺ สองร็อกอัตหลังละหมาดมัฆริบ สองร็อกอัตหลังละหมาดอิซาอฺ สองร็อกอัตก่อนละหมาดศุบฮฺ รวมทั้งหมดสิงสองร็อกอัต
ดังฮะดิษในรายงานของท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ได้กล่าวว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“ผู้ใดก็ตามทำได้อย่างนี้อัลลอฮฺจะทรงเตรียมบ้านหลังหนึ่งในสวนสวรรค์ให้กับเขา (นั่นคือ) การละหมาดซุนนะฮฺ 12 ร็อกอัต (ได้แก่) 4 ร็อกอัตก่อซุฮฺรฺ, 2 ร็อกอัตหลังซุฮฺรฺ, 2 ร็อกอัตหลังมัฆริบ, 2 ร็อกอัตหลังอิชาอฺ, 2 ร็อกอัตก่อนศุบฮฺ”
(บันทึกโดยอัตติรมิซีย์)
ถ้าเราทำได้เป็นประจำ เมื่อเราตายไป อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงตัดสินเราว่าเป็นชาวสวรรค์ เราจะพบบ้านของเราในสวนสวรรค์อย่างมากมาย เพราะอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงสัญญาไว้แล้ว ทั้งหมดทั้งปวง สิ่งที่เราปฏิบัติมานั้น ให้มาดูว่า เราทำไปแล้วมันเกิดสัมฤทธิ์ผลหรือเปล่า วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของการละหมาดที่แท้จริงนั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงบอกไว้ในอัลกุรอานซูเราะฮฺ อันอันกะบูต อายะฮฺที่ 45 ว่า
“แท้จริง การละหมาดนั้น จะระงับยับยั้งการกระทำที่ชั่วช้าลามก ยับยั้งการกระทำที่มันละเมิดคำสั่งของพระองค์”
(อัลอันกะบูต 25 : 45)
เราก็มาดูว่าเราละหมาดหมดไปวันหนึ่ง ๆ สิ่งที่ไม่ดี ๆ เรายังทำอยู่หรือเปล่า ถ้าเรายังทำอยู่แสดงว่าการละหมาดของเอาจะไม่สมบูรณ์ อาจจะยังไม่ถูกตอบรับเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตามอิสลามเป็นศาสนาที่ให้โอกาสแก่บ่าวของอัลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อยู่ทุก ๆ ช่วงเวลา เราจะสังเกตว่าบางฮะดิษบอกว่า การละหมาดหนึ่งถึงละหมาดหนึ่งจะลบล้างความผิดให้แก่บ่าว หรือการละหมาดวันศุกร์หนึ่งถึงอีกศุกร์หนึ่ง เมื่อเราทำผิดอะไรก็แล้วแต่ แล้วกลับมาละหมาดวันศุกร์อีก อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงลบล้างความผิดให้แก่เรา
ดังนั้น ขอให้เราเริ่มต้นด้วยการมามัสยิดในสภาพที่มีความสงบเสงี่ยม ทำการละหมาดให้ถูกต้อง แล้วก็ขอดุอาอฺตามเงื่อนไข อินชาอัลลอฮฺ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงตอบแทนให้แก่เราอย่างแน่นอนและในวันกิยามะฮฺเราจะเป็นผู้หนึ่งที่อัลกุรอานได้บอกว่า
“บรรดาบรรพชนรุ่นแรกในหมู่ผู้อพยพ (ชาวมุญาฮิรีนจากมักกะฮฺ) และในหมู่ผู้ให้ความช่วยเหลือ (ชาวอันศอรจากมะดีนะฮฺ) และบรรดาผู้ดำเนินตามพวกเขาด้วยการทำดีนั้นอัลลอฮฺทรงพอพระทัยใน พวกเขา และพวกเขาก็พอใจในพระองค์ด้วย
และพระองค์ทรงเตรียมไว้ให้พวกเขาแล้ว ซึ่งบรรดา สวนสวรรค์ที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านอยู่เบื้องล่าง พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาลนั่นคือชัยชนะ อันใหญ่หลวง”
(อัตเตาบะฮฺ 9 : 100)
อัซซาบิกูน ก็หมายความว่าคนที่รีบเร่งมาสู่ความดี คือรีบมาละหมาด รีบทำความดี และในอีกอายะฮฺบอกว่า รีบเร่งอีกอย่างหนึ่งก็คือรีบเร่งไปสู่สวรรค์ ในวันแห่งการตัดสิน อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงให้เราเป็นกลุ่มแรกที่มุ่งไปสู่สวนสวรรค์ ชนกลุ่มนี้แหละคือบรรดากลุ่มชนที่ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ใกล้ชิดกับบรรดาท่านนบีและใกล้ชิดกับบรรดาศอฮาบะฮฺ
สุดท้าย ขอฝากไว้ว่าการละหมาดเป็นเรื่องที่สำคัญ เมื่อมาละหมาดแล้วก็อย่าทำให้มันเสียเปล่า เพราะว่าเราละหมาดไปแล้ว เราจะกลับมาละหมาดอีกไม่ได้ ละหมาดฟัรฎูจบแล้วจบเลย มาละหมาดซ่อมไม่ได้ สิ่งที่จะมาซ่อมได้ก็ คือ การละหมาดซุนนะฮฺ
และการละหมาดเป็นสิ่งเดียวที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงเอาขึ้นมาคิดบัญชีก่อนเป็นลำดับแรก ถ้าการละหมาดของเราเรียบร้อย ผ่านพ้นไปได้ การงานอื่น ๆ ก็พ้นไปด้วย หมายความว่าละหมาดของเรานั้นเป็นการละหมาดที่บรรลุเป้าหมายของศาสนา เป็นการละหมาดที่ยับยั้งความชั่ว และสามารถทำให้เราปฏิบัติคุณงามความดีในหนทางของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้เป็นอย่างดี
ที่มา : วารสารอัล-อิศลาหฺ อันดับที่ 478-480 ปีที่ 88 (ตุลาคม-ธันวาคม 2562)