ความกลัดกลุ้ม และความโศรกเศร้าเสียใจ
แปลเรียบเรียง อ.อาบีดีน พัสดุ
บ่าวของอัลลอฮฺทั้งหลาย เมื่อชาวสวรรค์ได้เข้าสู่สวนสวรรค์ และพำนักอยู่ในนั้น แท้จริงสิ่งแรกที่พวกเขาวิงวอนขอ คือสิ่งที่อัลลอฮฺทรงกล่าวถึงพวกเขา โดยที่พระองค์ทรงตรัสว่า
﴿ وَقَالُوا الْحَمْدُ لِلَّهِ الَّذِي أَذْهَبَ عَنَّا الْحَزَنَ إِنَّ رَبَّنَا لَغَفُورٌ شَكُورٌ ﴾
“และพวกเขากล่าวว่า บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์ขจัดความระทมทุกข์ออกจากเรา
แท้จริงพระเจ้าของเราเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงชื่นชม (ต่อผู้จงรักภักดีต่อพระองค์) “
(ซูเราะฮฺ ฟาฏิร อายะฮฺที่ ๓๔)
เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า ความโศกเศร้าเสียใจ หรือส่วนหนึ่งจะต้องประสบกับบ่าวในการดำเนินชีวิตของเขาในดุนยานี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะดุนยามิใช่สถานที่แห่งความผาสุกทั้งหมด เพราะฉะนั้น บ่าวจะไม่ได้ลิ้มรสความสุขสบายอันสมบูรณ์ เขาจะต้องประสบกับ(บททดสอบต่างๆ )จากทรัพย์สิน สิ่งที่ได้ครอบครอง หรือชื่อเสียงและฐานะ จะต้องมีความบกพร่องในบ้านแห่งความไม่สมบูรณ์นี้ และไม่มีทางหลีกหนีจากความยากลำบากและความทุกข์เข็ญไปได้
﴿ لَقَدْ خَلَقْنَا الإِنْسَانَ فِي كَبَدٍ ﴾
“โดยแน่นอน เราได้บังเกิดมนุษย์มาเพื่อเผชิญความยากลำบาก”
(ซูเราะฮฺ อัลบะลัด อายะฮฺที่ ๔)
ใช่แล้ว - บ่าวของอัลลอฮฺ – มนุษย์จะต้องประสบกับส่วนหนึ่งจากความกลัดกลุ้มและความเศร้าเสียใจ โดยที่ความแข้มแข็งของจิตใจนั้น ขึ้นอยู่กับอีหม่านและทางนำที่อยู่ในหัวใจของเขา เมื่อใดก็ตามที่อีหม่านของบ่าวที่มีต่ออัลลอฮฺเข้มแข็ง มีความเชื่อมัน ประพฤติดี และอยู่ในทางนำ จิตใจของเขาจะมีความหนักแน่นมั่นคงมีหัวใจที่นิ่งสงบและสัมผัสถึงความสุขสงบ แต่หากเขาเผยต่อผู้คนว่าเป็นผู้ที่ยากลำบาก เป็นผู้ที่ผิดหวัง หรือสิ่งต่างๆที่ประสบและเคราะห์กรรมทำให้เขากระวนกระวาย
อัลลอฮฺ ตรัสว่า
﴿ مَنْ عَمِلَ صَالِحًا مِنْ ذَكَرٍ أَوْ أُنْثَى وَهُوَ مُؤْمِنٌ فَلَنُحْيِيَنَّهُ حَيَاةً طَيِّبَةً وَلَنَجْزِيَنَّهُمْ أَجْرَهُمْ بِأَحْسَنِ مَا كَانُوا يَعْمَلُونَ ﴾
“ผู้ใดปฏิบัติความดีไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิงก็ตาม โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา ดังนั้น เราจะให้เขาดำรงชีวิตที่ดี
และแน่นอนเราจะตอบแทนพวกเขาซึ่งรางวัลของพวกเขาที่ดียิ่งกว่าที่พวกเขาได้เคยกระทำไว้”
[النحل: 97]
﴿ وَلا تَهِنُوا وَلا تَحْزَنُوا وَأَنْتُمُ الأَعْلَوْنَ إِنْ كُنْتُمْ مُؤْمِنِينَ ﴾ ،
“และพวกเจ้าจงอย่าท้อแท้ และจงอย่าเสียใจ และพวกเจ้านั้นคือผู้ที่สูงส่งยิ่ง หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา”
[آل عمران: 139]
﴿ فَمَنْ تَبِعَ هُدَايَ فَلا خَوْفٌ عَلَيْهِمْ وَلا هُمْ يَحْزَنُونَ ﴾
“ผู้ใดที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของข้า ก็ไม่มีความกลัวใดๆ แก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่เสียใจ”
[البقرة: 38]
และด้วยกับแรงศรัทธาที่ช่วยให้จิตใจนิ่งสงบจากแรงกดดันแห่งความเศร้าเสียใจ ช่วยขจัดเมฆหมอกแห่งความวิตกกังวล อย่างไรก็ตามพร้อมๆ กันนั้นก็จำเป็นที่บ่าวจะต้องมีความอดทนเพื่อทำให้ความแน่วแน่และหัวใจมีความเข้มแข็งและยืนหยัดมั่นคง และดุอาอฺที่วิงวอนขอความช่วยเหลือจาก อัลลอฮฺด้วยใจจริง ผู้ทรงเป็นเจ้าของหัวใจ และกระทำเหตุที่เป็นนามธรรมพร้อมๆ กับการมอบหมายต่ออัลลอฮฺ ยึดมั่นอยู่กับพระองค์
อัลลอฮฺ ตรัสกับ นบีของพระองค์ ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ว่า
﴿ وَاصْبِرْ وَمَا صَبْرُكَ إِلا بِاللَّهِ وَلا تَحْزَنْ عَلَيْهِمْ وَلا تَكُ فِي ضَيْقٍ مِمَّا يَمْكُرُونَ ﴾
“และจงอดทนเถิด และการอดทนของเจ้าจะมีขึ้นไม่ได้ เว้นแต่ด้วย(การเตาฟีกของ)อัลลอฮฺ
และอย่าเศร้าโศรกต่อพวกเขา และอย่าคับใจในสิ่งที่พวกเขาวางกลอุบาย”
[النحل: 127]
จากท่าน อนัส ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวอย่างสม่ำเสมอว่า
(اللَّهُمَّ إِنِّي أَعُوذُ بِكَ مِنَ الهَمِّ وَالحَزَنِ، وَالعَجزِ وَالكَسَلِ، وَالبُخلِ وَالجُبنِ، وَضَلَعِ الدَّينِ وَغَلَبَةِ الرِّجَالِ) رَوَاهُ البُخَارِيُّ
"โอ้พระผู้อภิบาลแห่งข้า แท้จริงข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความกังวลใจและความโศกเศร้า ความอ่อนแอและความเกียจคร้าน ความขยาดและความตระหนี่ การติดหนี้ที่มากมายจนล้นตัว และการพ่ายแพ้ต่อผู้อื่น"
หากว่าเราได้คิดพิจารณา แน่แท้จะพบว่าต้นเหตุทั้งหลายหรือบางส่วนที่เป็นเหตุทำให้ผู้คนจำนวนมากประสบกับความกลัดกลุ้มและซึมเศร้า อีกทั้งยังเป็นต้นเหตุแห่งหัวใจที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยความอึดอัดและความเจ็บปวด ที่มาของอาการเหล่านี้คือ การหย่อนยานในเรื่องอิบาดะฮฺ บกพร่องในการเชื่อฟังอัลลอฮฺ จมปลักอยู่กับการฝ่าฝืน ปล่อยให้วันเวลาหมดไปกับการสนุกสนานเพลิดเพลิน ใช้เวลาไปกับสิ่งที่ฝ่าฝืนและความผิด ล่าช้าในการตักตวงสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ตนเอง ยึดติดอยู่กับผู้อื่น หรือทำร้ายและอธรรมต่อพวกเขา ไม่กระทำตนเป็นคนดี ตระหนี่ถี่เหนียวและไม่ให้สิทธิ์(แก่เจ้าของสิทธิ) และ อุปโลกน์กล่าวเท็จ ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งจากสิ่งที่ทำให้จิตใจป่วย และคับอกอับใจ เพิ่มโรคให้กับหัวใจ หรือทำให้บางส่วนของหัวใจตายด้านลง
ส่วนจิตใจที่สู่งส่ง ยิ่งใหญ่นั้น - บ่าวของอัลลอฮฺ - คือจิตใจที่ไม่คิดมากในสิ่งที่ไม่มีความสามารถที่จะควบคุมเรื่องราวเหล่านั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้วหรือสิ่งที่กำลังจะมาถึง แต่จะหันเหการครุ่นคิดไปสู่สิ่งที่ยังประโยชน์ และพยายามที่จะกระทำให้การอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺซึ่งเป็นเป้าหมายที่เขาถูกบังเกิดมา ปรากฏเป็นจริงขึ้นมา เชื่อมั่นว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาอยู่ในความรักและความพอพระทัยของอัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงช่วยเหลือเขาบนการกระทำที่พระองค์ทรงรักและทรงพอพระทัย พระองค์จะทรงอภัยโทษผู้ทรงชื่นชม
ความโศกเศร้าจะไม่สามารถครอบงำผู้ที่อัลลอฮฺทรงอยู่กับเขา (ทรงปกปักษ์รักษาเขา) ถึงแม้ว่าอุปสรรค์ปัญหาและความยุ่งยากจะถาถมและห้อมล้อมเขาก็ตาม
แท้จริงอัลลอฮฺทรงบอกเล่าแก่บรรดาปวงบ่าวของพระองค์ ถึงคำกล่าวของศาสนทูตของพระองค์ที่กล่าวกับสหายของเขาในการอพยพว่า
﴿ إِذْ أَخْرَجَهُ الَّذِينَ كَفَرُوا ثَانِيَ اثْنَيْنِ إِذْ هُمَا فِي الْغَارِ إِذْ يَقُولُ لِصَاحِبِهِ لا تَحْزَنْ إِنَّ اللَّهَ مَعَنَا فَأَنْزَلَ اللَّهُ سَكِينَتَهُ عَلَيْهِ وَأَيَّدَهُ بِجُنُودٍ لَمْ تَرَوْهَا ﴾
“ขณะที่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้ขับไล่เขาออกไป โดยที่เขาเป็นคนที่สองในสองคน ขณะที่ทั้งสองอยู่ในถ้ำนั้นคือขณะที่เขาได้กล่าวแก่สหายของเขาว่า
ท่านอย่าเสียใจ แท้จริงอัลลอฮฺทรงอยู่กับเรา แล้วอัลลอฮฺก็ทรงประทานลงมาแก่เรา ซึ่งความสงบใจจากพระองค์ และได้ทรงสนับสนุนเขาด้วยบรรดาไพร่พล ซึ่งพวกเจ้าไม่เห็นพวกเขา”
[التوبة: 40]
ใช่แล้ว พี่น้องผู้มีอีหม่านทั้งหลาย สำหรับบ่าวนั้น จะไม่มีความดีอกดีใจใดๆ ถึงแม้ว่าจะได้รับในสิ่งที่อารมณ์ปารถนามีความสุขสมหวัง หากเขายังคงเป็นผู้ที่เผอเรอในเรื่องอาคีเราะฮฺ และไม่มีความโศกเศร้าใดๆ จะเข้าครอบงำเขา เมื่ออัลลอฮฺทรงอยู่กับเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ที่มีน้อยก็ตาม เพราะความโศกเศร้านั้นจะมีสำหรับผู้ที่พลาดไปจากอัลลอฮฺ และพระองค์ทรงหมางเมินเขา ถึงแม้ว่าเขาจะรวบรวมดุนยาและครอบครองมันไว้ทั้งหมด
อัลลอฮฺ ตรัสว่า
﴿ قُلْ بِفَضْلِ اللَّهِ وَبِرَحْمَتِهِ فَبِذَلِكَ فَلْيَفْرَحُوا هُوَ خَيْرٌ مِمَّا يَجْمَعُونَ ﴾
“จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ด้วยความโปรดปรานของอัลลอฮฺ และด้วยความเมตตาของพระองค์ ดังกล่าวนั้น พวกเขาจงดีใจเถิด ซึ่งมันดีกว่าสิ่งที่พวกเจ้าสะสมไว้”
[يونس: 58]
พี่น้องในอิสลามทั้งหลาย เมื่อบ่าวได้รู้อย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆ แล้วว่าวาระสุดท้ายนั้นได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ปัจจัยยังชีพได้ถูกแบ่งสรรแล้ว อัลลอฮฺคือผู้ทรงสร้างจักรวาลและเป็นผู้ทรงขับเคลื่อนสิ่งที่อยู่ในมันทั้งหมด หลังจากนั้นก็รับเอาเรื่องราวต่างๆ ด้วยจิตใจที่เอื้ออาทร หัวอกที่กว้างขวาง หัวใจที่ดี เชื่อมั่นว่าแท้จริงแล้ว เขาไม่ใช่คนแรกในหมู่ผู้คนที่ประสบ (กับความทุกข์ยาก) คิดเสมอว่า แม้กระทั่งบรรดาศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ บรรดาผู้ที่พระองค์ทรงรัก พวกเขาก็ยังไม่ได้ว่างเว้นจากการที่จะต้องประสบกับความโศรกเศร้าและวิตกกังวล และเมื่อคิดอย่างนี้แล้วก็จะมีความสบายใจและสุขสงบ จะลืมเรื่องราวที่ทำให้กลัดกลุ้มและความโศรกเศร้าเสียใจทั้งหมดก็จะห่างไกลไป
ท่านอิหม่ามมุสลิม ได้บันทึกในซอฮีหฺของเขา จากท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ท่านนบีได้กล่าวว่า
(الدُّنيَا سِجنُ المُؤمِنِ وَجَنَّةُ الكَافِرِ)
“ดุนยา (เสมือน) ที่คุมขังของมุอฺมิน และเป็น (เสมือน) สวรรค์ของผู้ปฏิเสธศรัทธา”
และใน ซอฮีหฺทั้งสอง จากฮาดีษของอบีเกาะตาดะฮฺ ร่อฏิยัลลอฮ์อันฮุ
- مُرَّ عَلَيهِ بِجَنَازَةٍ فَقَالَ: (مُستَرِيحٌ وَمُستَرَاحٌ مِنهُ)، قَالُوا: يَا رَسُولَ اللهِ، مَا المُستَرِيحُ وَالمُستَرَاحُ مِنهُ؟! قَالَ: (العَبدُ المُؤمِنُ يَستَرِيحُ مِن نَصَبِ الدُّنيَا وَأَذَاهَا إِلى رَحمَةِ اللهِ، وَالعَبدُ الفَاجِرُ يَستَرِيحُ مِنهُ العِبَادُ وَالبَلادُ وَالشَّجَرُ وَالدَّوَابُّ ).
มีญะนาซะฮฺหนึ่งถูกนำมาผ่านท่านรอซูลﷺ เเล้วท่านก็กล่าวว่า :"ผู้ที่ได้พักผ่อน เเละผู้ที่คนอื่นได้พักผ่อนจากเขา"
บรรดาศอหาบะฮฺกล่าวว่า : โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ อะไรคือผู้ได้พักผ่อน เเละผู้ที่คนอื่นได้พักผ่อนจากเขา ?
ท่านกล่าวว่า : "บ่าวผู้ศรัทธานั้น จะได้พักผ่อนจากความเหน็ดเหนื่อยในดุนยาเเละความอันตรายของมัน ไปสู่ความเมตตาของอัลลอฮฺ , ส่วนบ่าวที่เป็นคนชั่วนั้น บรรดามนุษย์เเละบ้านเมืองตลอดจนต้นไม้เเละปศุสัตว์ต่างก็ได้พักผ่อน(หายเหนื่อย)จากเขา"
แท้จริงมันคือสัจธรรมความจริงที่จะทำให้เคราะห์กรรมและความกลัดกลุ้มกลายเป็นเรื่องเล็กน้อย , แล้วจะเป็นเช่นใดหากบ่าวรู้ว่าสิ่งที่มาประสบกับเขานั้น มันคือการลบล้างความผิดและยกลำดับขั้นของเขาให้สูงขึ้น ?!
ท่านร่อซู้ล ﷺ กล่าวว่า
(مَا يُصِيبُ المُسلِمَ مِن نَصَبٍ وَلا وَصَبٍ وَلا هَمٍّ وَلا حُزنٍ وَلا أَذًى وَلا غَمٍّ، حَتى الشَّوكَةُ يُشَاكُهَا، إِلاَّ كَفَّرَ اللهُ بها مِن خَطَايَاهُ) رَوَاهُ البُخَارِيُّ
"ไม่ว่าสิ่งใดที่มาประสบกับมุสลิมคนหนึ่ง จากความเหน็ดเหนื่อย ความเจ็บป่วย ความหม่นหมอง ความโศกเศร้า ภัยอันตราย และความกลัดกลุ้ม แม้กระทั่งหนามที่เขาโดนตำ นอกเสียจากว่าอัลลอฮฺจะทรงลบล้างความผิดต่างๆของเขาด้วยเหตุนั้นๆ"
พวกท่านพึงยำเกรงอัลลอฮฺ ตะอาลา เชื่อฟังพระองค์และอย่าฝ่าฝืนพระองค์ และขอให้ท่านทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า สิ่งที่ทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน ทำให้เรื่องต่างๆ ยุ่งยาก ความวิตกกังวลและความโศรกเศร้าเข้าครอบงำ อันเนื่องจากการที่บ่าวทำให้ดุนยาเป็นที่มุ่งมารถปารถนาอย่างที่สุดสำหรับเขา หลงลืมที่กลับและมืดบอดต่ออาคีเราะฮฺ
ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
(مَن كَانَتِ الدُّنيَا هَمَّهُ فَرَّقَ اللهُ عَلَيهِ أَمرَهُ؛ وَجَعَلَ فَقرَهُ بَينَ عَينَيهِ؛ وَلَم يَأتِهِ مِنَ الدُّنيَا إِلاَّ مَا كُتِبَ لَهُ، وَمَن كَانَتِ الآخِرَةُ نَيَّتَهُ جَمَعَ اللهُ لَهُ أَمرَهُ؛ وَجَعَلَ غِنَاهُ في قَلبِهِ؛ وَأَتَتهُ الدُّنيَا وَهِيَ رَاغِمَةٌ) رَوَاهُ ابنُ مَاجَه وَصَحَّحَهُ الأَلبَانيُّ
“ผู้ใดก็ตามที่ดุนยาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา อัลลอฮ์จะทำให้การงานของเขานั้นกระจัดกระจายและทรงทำให้ความยากจนอยู่เบื้องหน้าเขา และเขาจะไม่ได้รับอะไรเลย นอกจากสิ่งที่ถูกบันทึกให้แก่เขาเท่านั้น
ผู้ใดที่อาคิเราะฮฺ คือเจตนา(ความมุ่งหวัง) ของเขา อัลลอฮฺจะให้ความร่ำรวยอยู่ในใจของเขา ทรงรวบรวมสำหรับเขาซึ่งงานต่างๆ(คือให้เกิดความสะดวกและง่ายสำหรับเขา)และดุนยา(สิ่งต่างๆ)จะมาหาเขาโดยที่มันถูกบังคับให้มาหา(คือได้มาด้วยความง่าย)”
พวกท่านทั้งหลายพึงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด จงหวนสู่พระองค์และมอบหมายต่อพระองค์ ศาสนทูตของพวกท่าน ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้สอนให้บรรดาอัครสาวเข้าหาอัลลอฮฺเมื่อประสบกับความทุกข์ใจ และอย่าได้ยอมจำนนต่อความโศกเศร้าและความกลัดกลุ้ม
จากท่านอับดิรเราะฮฺมาน บิน อบีบักเราะฮฺ ร่อฏิฯ ท่านนบี ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
(دَعَوَاتُ المَكرُوبِ: اللَّهُمَّ رَحمَتَكَ أَرجُو، فَلا تَكِلْني إلى نَفسِي طَرفَةَ عَينٍ، وَأَصلِحْ لي شَأني كُلَّهُ، لا إِلَهَ إِلاَّ أَنتَ) رَوَاهُ أَبُو دَاوُدَ وَحَسَّنَهُ الأَلبَانيُّ
“คำวิงวอนของผู้มีความกังวล โอ้อัลลอฮฺ ฉันหวังต่อความเมตตาของพระองค์
ดังนั้นพระองค์ทรงโปรด อย่าปล่อยฉันให้อยู่ตามลำพังแม้กระพริบตาเดียว
ขอพระองค์ทรงโปรด ปรับปรุงแก้ไข้ กิจการงานทั้งหลายของฉันด้วยเถิด ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์เท่านั้น”
จากท่านอิบนิมัสอู๊ด ร่อฏิฯ เล่าว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ ซ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
(مَا أَصَابَ أَحَدًا قَطُّ هَمٌ وَلا حَزَنٌ فَقَالَ: اللهُمَّ إِنِّي عَبدُكَ وَابنُ عَبدِكَ وَابنُ أَمَتِكَ، نَاصِيَتِي بِيَدِكَ، مَاضٍ فِيَّ حُكمُكَ، عَدلٌ فِيَّ قَضَاؤُكَ، أَسأَلُكَ بِكُلِّ اسمٍ هُوَ لَكَ، سَمَّيتَ بِهِ نَفسَكَ، أَو أَنزَلتَهُ في كِتَابِكَ، أَو عَلََّمتَهُ أَحَدًا مِن خَلقِكَ، أَوِ استَأثَرتَ بِهِ في عِلمِ الغَيبِ عِندَكَ، أَن تَجعَلَ القُرآنَ رَبِيعَ قَلبي، وَنُورَ صَدرِي، وَجَلاءَ حُزنِي، وَذَهَابَ هَمِّي، إِلا أَذهَبَ اللهُ هَمَّهُ، وَأَبدَلَهُ مَكَانَ حُزنِهِ فَرَحًا) رَوَاهُ أَحمَدُ وَغَيرُهُ وَصَحَّحَهُ الأَلبَانيُّ
ไม่มีใครคนใดที่เขาประสบกับความทุกข์ใจ หรือเศร้าใจ และเขากล่าว (ดุอาอฺ) ว่า
“โอ้อัลลอฮฺ ฉันเป็นบ่าวของพระองค์ เป็นลูกของบ่าวชายของพระองค์ ลูกของบ่าวสาวของพระองค์ อนาคตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ คำสั่งใช้ของพระองค์ย่อมถูกสนองตอบ คำตัดสินต่อฉันย่อมยุติธรรม
ฉันวิงวอนต่อพระองค์ด้วยทุกพระนามที่พระองค์ทรงเรียกแทนพระองค์เอง หรือพระนามที่อยู่ในคัมภีร์ของพระองค์ หรือพระนามที่พระองค์ทรงสอนแก่สิ่งถูกสร้างใด ๆ ก็ตาม หรือพระนามที่ถูกรักษาไว้ซึ่งในความรู้ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้นอกจากพระองค์
ขอทรงโปรดให้อัลกุรอานเป็นความสุขของหัวใจฉัน เป็นแสงสว่างแห่งหัวอกฉันและเป็นสิ่งขจัดความสุขเศร้าโศก และปลดปล่อยฉันจากความวิตกกังวล”
นอกจากอัลลอฮฺจะทรงปลดเปลื้องความเครียดและความเศร้าโศกของเขาออกไป และแทนที่ด้วยทางออกที่ดี
เพราะฉะนั้น เมื่อบ่าวมุ่งสู่องค์อภิบาลของเขาด้วยใจบริสุทธิ์ เจตนาที่จริงใจ และเพียรพยายามในการให้ได้มาซึ่งสาเหตุแห่งการตอบรับ (คำวิงวอน) ทำดีต่อเพื่อนมนุษย์และสิ่งถูกสร้าง ช่วยเหลือบรรดาผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ให้เกิดความง่ายดายแก่บรรดาผู้ที่ขัดสน อัลลอฮฺก็จะทรงให้เขาได้รับในสิ่งที่มุ่งหวัง ตอบรับคำวิงวอนของเขา และขจัดความกลัดกลุ้มให้พ้นไปจากเขา
﴿ وَمَنْ يَتَوَكَّلْ عَلَى اللَّهِ فَهُوَ حَسْبُهُ إِنَّ اللَّهَ بَالِغُ أَمْرِهِ قَدْ جَعَلَ اللَّهُ لِكُلِّ شَيْءٍ قَدْرًا ﴾
“และผู้ใดมอบหมายแด่อัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้พอเพียงแก่เขา แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงบรรลุในกิจการของพระองค์
โดยแน่นอน สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนั้น อัลลอฮฺทรงกำหนดกฎสภาวะไว้แล้ว”
(ซูเราะฮฺ อัฏเฏาะลาก อายะฮฺที่ ๓)
﴿ هَلْ جَزَاءُ الإِحْسَانِ إِلا الإِحْسَانُ ﴾
“จะมีการตอบแทนความดีอันใดเล่า นอกจากความดี”
(อัรเราะฮฺมาน อายะฮฺที่ ๖๐)
https://www.alukah.net/sharia/0/106502/