คำถามจากมุสลิมใหม่
แปลเรียบเรียงโดย ... อิสมาอีล กอเซ็ม
คำถาม
ฉันได้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม ฉันมีคำถามที่ต้องการคำตอบ หวังว่าฉันจะพบคำตอบที่คลายความสงสัยแก่ฉัน
1. ฉันต้องกล่าวอะไรเมื่อฉันจะทำการละหมาด ?
2. พ่อของฉันนับถือศาสนาพุทธ และพ่อของฉันคนเดียวที่รู้ว่าฉันรับอิสลาม ส่วนคนอื่นๆไม่รู้ บางครั้งพวกเขาชวนฉันรับประทานอาหารพร้อมกับพวกเขา แต่ว่าฉันไม่ทานเนื้อหมู หรืออาหารอื่นที่มีส่วนผสมของสิ่งที่ต้องห้ามตามที่ฉันรู้มา แต่ที่ฉันจะถามเกี่ยวกับเนื้อไก่ ปลา และเนื้ออื่นๆ ตัวอย่าง เช่นเนื้อที่ผู้เชือดมิใช่มุสลิม มันจะเป็นที่ต้องห้ามหรือไม่? และถือว่าฉันทำสิ่งที่เป็นบาปหรือไม่ เมื่อฉันรับประท่านอาหารดังกล่าว ?
3. ฉันจะทำการสำนึกผิดยังอัลลอฮฺ ซุบหานะอูวาตาอาลา อย่างไรจากบาปที่ทำ และฉันจะได้รับการอภัยโทษจากการทำบาปในแต่ละวันได้อย่างไร ?
4. เมื่อละหมาดซุบหฺหรือละหมาดซุฮรีได้ผ่านไปโดยที่ฉันไม่ได้ละหมาด หรือละหมาดฟัรฎูห้าเวลา เวลาไหนก็แล้วแต่ที่ผ่านไปโดยฉันไม่ละหมาด จะถือว่าฉันได้ทำบาป และฉันจะได้รับการอภัยโทยได้อย่างไร ?
5. ฉันจะต้องเรียนการอ่านบทรำลึกขณะละหมาด และฉันจะต้องเรียนการอ่านอัลกุรอ่านด้วยภาษาอาหรับ ? อย่างน้อย คำพื้นๆซึ่งจำเป็นที่จะต้องกล่าวขณะละหมาดใช่ไหม ?
6. อาหารทะเลทั้งหมด เป็นที่อนุญาตให้รับประทานหรือเป็นที่ต้องห้าม ?
คำตอบ
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺ
ประการแรก
ก็ต้องขอขอบคุณที่คุณมั่นใจในเวปไซต์ของเรา เราวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺ ให้เรามีความนึกคิดที่ดี และขออัลลอฮฺได้ประทานให้แก่ท่านซึ่งความสำเร็จและการชี้นำ เหมือนที่เราขอขอบคุณต่อท่าน ที่ท่านรีบเร่งในการเรียนรู้ในสิ่งที่ท่านไม่รู้ มันคือหน้าที่ของมุสลิมทุกคน คนเราไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับความรู้
เหมือนที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า "ความรู้จะได้ด้วยกับการเรียนรู้"
ท่านอิบนูหะยัร ถือว่าหะดีษนี้เป็นหะดีษที่ดี ในหนังสือฟัตหุลบารียฺ ท่านอย่าถือว่าการถามในสิ่งที่ไม่รู้คือความเขลา แต่ว่ามันเป็นเรื่องส่งเสริมและน่าชมเชยแก่ตัวบุคคล
ประการที่สอง
สำหรับคำถามที่สองที่เกี่ยวข้องกับการละหมาด ท่านจะพบคำถามหมายเลขที่ ๑๓๓๔๐ มีคำตอบโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบของการละหมาด และสิ่งที่ต้องกล่าวในบทรำลึก
ประการที่สาม
สำหรับที่เกี่ยวข้องกับการอ่านในละหมาดที่เป็นภาษาอาหรับ หรืออื่นจากภาษาอาหรับ ท่านจะพบในคำถามหมายเลข ๓๔๗๑ มีคำตอบโดยละเอียด ด้วยการอนุมัติของอัลลอฮฺในเรื่องดังกล่าว
เราขอสั่งเสียต่อท่านให้เอาใจใส่ในการศึกษาภาษาอาหรับ อย่างน้อยศึกษาสิ่งที่เกี่ยวกับข้องกับซูเราะห์อัลฟาติหะฮ์ ศึกษารุกุนและสิ่งทีเป็นวายิบ(จำเป็นในการละหมาด) ดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่ง่าย ด้วยวิธีการไปเรียนกับมุสลิมที่เขาท่องจำและมีการอ่านที่ดี หรือเข้าเวปไซต์ที่มีการบันทึกเสียงในการอ่านอัลกุรอ่านอัลการีม และให้มีการฟัง และท่องจำ จากตรงนั้น
ประการที่สี่
สำหรับการปล่อยให้ละหมาดผ่านพ้นไปมีสองสภาพด้วยกัน
สภาพที่หนึ่ง การปล่อยให้เวลาละหมาดผ่านไปโดยไม่เจตนา
เนื่องจากเกิดจากอุปสรรคหรือเหตุสุดวิสัย เช่น ลืมละหมาด หรือนอนหลับทั้งที่ท่านเอาใจใส่ในการละหมาดอย่างเต็มที่ในการละหมาดในเวลาของมัน สำหรับกรณีแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นอุปสรรคที่อภัยให้ได้ แต่จำเป็นแก่ท่านจะต้องละหมาดชดใช้ โดยมีหลักฐานตามที่ปรากฏในหะดีษ ในหนังสือเศาะฮิหฺ มุสลิม หมายเลขหะดีษ ๖๘๑
เรื่องราวการนอนของท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม และเหล่าศอหาบะหฺของท่าน บางคนจากพวกเขาต่างกระซิบกัน อะไรคือสิ่งชดเชย ต่อความหย่อนยานของพวกเราในการละหมาดของพวกเรา ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
"สำหรับการนอนนั้นไม่ถือว่าเป็นความเพิกเฉย ในการละหมาดของพวกเรา แต่การเพิกเฉยในการละหมาดคือ การที่ไม่ยอมละหมาดจนกระทั่งละหมาดเวลาอื่นได้เข้ามา ใครที่กระทำเช่นนั้น เขาจงละหมาดขณะที่เขาตื่นขึ้นมา"
ไม่ได้หมายความว่า คนที่เจตนานอนจนเลยเวลาละหมาดหลังจากนั้นมาอ้างว่าเพราะนอน หรือเพิกเฉยไม่ละหมาดเนื่องจากการปฏิบัติงานที่ถูกกำหนดให้ทำ แล้วมาอ้างว่ามีอุปสรรคในการละหมาด จำเป็นแก่เขาจะต้องทุ่มเททุกๆความสามารถ เหมือนที่ท่านรอซูลุลลอฮ ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม ได้กระทำในเหตุการณ์นี้ โดยที่ท่านได้มอบหมายคนให้คอยปลุกพวกเขาให้ตื่นมาละหมาด แต่ว่าชายคนนั้นได้หลับไป เขาไม่ได้ทำการปลุก ในกรณีนี้ถือว่าได้รับการอภัยเพราะมีอุปสรรค
สภาพที่สอง การปล่อยให้ละหมาดผ่านไปโดยเจตนา
การกระทำเช่นนั้นถือว่าเป็นบาปที่ใหญ่หลวงนัก โดยที่มีนักวิชาการบางท่านได้มีคำวินิจฉัยว่า เป็นการกระทำที่ทำให้ผู้กระทำอยู่ในสภาพของผู้ปฏิเสธศรัทธา (เหมือนที่มีปรากฏในหนังสือมัจมูฮฟาตาวา วามากอลาต ของท่านเชค บินบาส ) ๑๐/๓๗๔
ในสภาพเช่นนี้ จำเป็นที่เขาจะต้องสำนึกผิดอย่างจริงจัง โดยมติเอกฉันท์ของนักวิชาการ สำหรับการชดใช้การละหมาดที่เจตนาให้ผ่านไป บรรดานักวิชาการต่างมีความเห็นแตกต่างกันออกไป ว่าการชดเชยจะถูกตอบรับหรือไม ?
นักวิชาการส่วนมากมีความเห็นว่า แท้จริงการชดเชยของเขาถูกต้อง แต่เขามีบาปหมายถึงหากไม่มีการสำนึกผิด วัลลอฮูอะลัม
เชคอุซัยมีนได้ มีการรายงานเรื่องนี้จากพวกเขาไว้ในหนังสือ อัรชรหฺ อัลมุมเตียะ ๒/๘๙ ซึ่งท่านชัยคุลอิสลาม อิบนูตัยมียะหฺ รอฮิมาอุลลอฮฺได้ให้น้ำหนัก แท้จริงการละหมาดไม่ถูกต้อง และไม่มีบทบัญญัติให้ละหมาดชดใช้
(ขออัลลอฮโปรดเมตตาต่อท่าน) ท่านได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัลอิคติยารอต (๓๔) ผู้ที่ทิ้งละหมาดโดยเจตนา ไม่มีบทบัญญัติให้ละหมาดชดใช้ และการละหมาดชดใช้ ไม่ถูกต้อง(ใช้ไม่ได้) แต่สำหรับผู้ที่ทิ้งละหมาดให้ละหมาดซุนนะหฺให้มาก เป็นทัศนะหนึ่งของบรรพชนสลัฟ
และนักวิชาการร่วมสมัยที่ให้น้ำหนักเห็นด้วยกับทัศนะนี้ คือท่านเชค อิบนู อุซัยมีนรอฮิมาอุลลอฮฺ โดยที่ท่านได้ยึดตามหลักฐานด้วยกับคำพูดของท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮูอะลัยอิวะสัลลัม
( من عمل عملا ليس عليه أمرنا فهو رد ) متفق عليه .
“ใครได้ทำงานการงานหนึ่ง ที่ไม่มีในศาสนาของเรา มันก็ถูกปฏิเสธ”
(บันทึกโดย บุคอรีย์ และมุสลิม)
ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับท่านที่ต้องเอาใจใส่ให้มากในการรักษาปฏิบัติการละหมาด ในเวลาของมัน เหมือนที่อัลลอฮฺตาอาลา ตรัสไว้
قال تعالى : ( إِنَّ الصَّلاةَ كَانَتْ عَلَى الْمُؤْمِنِينَ كِتَاباً مَوْقُوتاً ) النساء / 103 .
“แท้จริงการละหมาดได้ถูกกำหนดแก่ผู้ศรัทธา เป็นเวลาเฉพาะ“
สำหรับเรื่องการสำนึกผิด ท่านจะพบคำตอบโดยละเอียดในหมายเลขคำถามที่ ๑๔๒๘๙ จากเวปไซต์นี้
สำหรับที่เกี่ยวข้องกับการเชือด ซึ่งบุคคลที่ไม่ใช่มุสลิมได้เชือด ท่านจะพบคำตอบดังกล่าว ในคำถามที่ ๑๐๓๓๙
สิ่งที่ท่านถามเกี่ยวกับอาหารทะเล เดิมๆแล้วทั้งหมดนั้นอนุญาตให้รับประทานได้ ดั่งคำดำรัสของพระองค์ผู้ทรงสูงส่ง
لقوله تعالى : ( أحل لكم صيد البحر وطعامه متاعاً لكم ) المائدة / 96 .
“ได้ถูกอนุมัติแก่พวกเจ้า ซึ่งสัตว์ล่าในทะเลและอาหารจากทะเล ทั้งนี้เพื่อเป็นสิ่งอำนวยประโยชน์แก่พวกเจ้า”
เราของวิงวอนต่ออัลลอฮฺ ให้ท่านได้ประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ภาษาอาหรับ และให้ได้รับความเข้าใจในศาสนา และการเพิ่มพูนด้วยกับการงานที่ดี แท้จริงพระองค์คือผู้ช่วยเหลือคุ้มครอง และผู้มีความสามารถเหนือทุกอย่าง