จงสรรเสริญต่ออัลลอฮฺ อย่างแท้จริง
เรียบเรียงโดย อิสมาอีล กอเซ็ม
الحمد لله رب العالمين การสรรเสริญทั้งหลายนั้น เป็นสิทธิของอัลลอฮฺผู้เป็นพระเจ้าแห่งสากลโลก
อธิบายถึงผู้ที่ถูกสรรเสริญที่มีความสมบูรณ์พร้อมกับความรัก และให้ความยิ่งใหญ่ ความสมบูรณ์แบบของพระองค์ สมบูรณ์ในการกระทำ สมบูรณ์ในคุณลักษณะของพระองค์ ดังนั้นการสรรเสริญต่ออัลลอฮฺ จำเป็นจะต้องมีความรักการให้ความยิ่งใหญ่ต่อการสรรเสริญต่อพระองค์ จะต้องเกิดจากจิตใจไม่ใช่แค่ลมปากเพียงอย่างเดียว
เราสรรเสริญต่ออัลลอฮฺ พร้อมกับในจิตใจต้องมีความรักและเทิดทูนต่อพระองค์ การสรรเสริญที่ปราศจากความรักและการให้ความยิ่งใหญ่ต่อพระเจ้านั้น คือการสรรเสริญที่จอมปลอม การกระทำแค่เพียงลมปากนั้น เรียกว่าการชมเชย โดยที่การชมเชยในบางครั้ง คนชมเชยไม่ได้มีความรักต่อผู้ที่ถูกชมเชย เช่นคนที่อยู่หน้าผู้มีอำนาจ ที่ชมเชยอาจจะเป็นเพราะว่า ต้องการความพอใจจากผู้มีอำนาจ หรือต้องการผลประโยชน์จากผู้มีอำนาจ โดยชมเชยไม่ได้มีความรักและเทิดทูน
ดังนั้นการสรรเสริญต่ออัลลอฮ์ จะต้องมีความรักและให้ความยิ่งใหญ่ การสรรเสริญต่ออัลลอฮฺนั้นกลับมาหาอัลลอฮฺทุกๆอย่าง เพราะทุกการสรรเสริญคือ สิทธิของอัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว ผู้ศรัทธาแม้นว่าเขาจะได้รับความดีมากมาย เขาจะไม่คิดว่าความดีที่เขาได้รับนั้นมาจากตัวเขาเอง และเขาจะนำความดีเหล่านั้นกลับไปยังอัลลอฮฺ ขอบคุณต่ออัลลอฮฺและสรรเสริญต่อพระองค์ในความดีที่เขาได้รับ ไม่ใช่หยิ่งยโสคิดว่าตัวเองดีเลอเลิศกว่าผู้อื่น ในความโปรดปรานที่อัลลอฮฺได้ประทานให้แก่เขา แต่ยิ่งเขาได้รับความโปรดปรานเขายิ่งรู้คุณและขอบคุณอัลลอฮฺมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺนั้นเขาจะขอบคุณต่ออัลลอฮฺในทุกสภาพการณ์ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสภาพที่เขาได้รับความโปรดปรานอันมากมาย หรือเขาอยู่ในสภาพที่ประสบกับความทุกข์ยากลำบาก อย่าได้เป็นคนที่รู้จักอัลลอฮฺเฉพาะในยามที่สุขสบายเท่านั้น เหมือนคำดำรัสของพระองค์ที่ว่า
“ส่วนมนุษย์นั้น เมื่อพระเจ้าของเขาทรงทดสอบเขา โดยทรงให้เกียรติเขาและทรงโปรดปรานเขา เขาก็จะกล่าวว่า พระเจ้าของฉันทรงยกย่องฉัน”
“แต่ครั้งเมื่อพระองค์ทรงทดสอบเขา ทรงให้การครองชีพของเขาเป็นที่คับแคบแก่เขา เขาก็จะกล่าวว่า พระเจ้าของฉันทรงเหยียดหยามฉัน”
(ซูเราะฮฺ อัลฟัจญรฺ 15-16)
ในอายะห์ได้บอกถึงธรรมชาติของมนุษย์ ด้วยกับความเขลาของมนุษย์และการไม่รู้ถึงบั้นปลายของตัวเอง พวกเขาจะคิดว่าการที่อัลลอฮฺให้เขามีความสุขสบายในโลกนี้ไม่ประสบความทุกข์ยากลำบากใดๆนั้น คือการให้เกียรติให้ความดีงามแก่พวกเขา โดยที่พวกเขาลืมคิดว่า ความสุขสบายเพียงอย่างเดียวที่ปราศจากการศรัทธาต่ออัลลอฮฺและการประกอบการงานที่ดีเพื่อพระองค์นั้น ไม่ใช่ความดีงามและบั้นปลายที่ดี ถึงแม้ในโลกนี้เขาจะมีความสุขมากมายเพียงใดก็ตาม
เช่นเดียวกันมนุษย์จะคิดว่าความทุกข์ยากที่มาประสบกับเขา คือความตกต่ำที่อัลลอฮฺให้ประสบกับเขา แต่เขาลืมคิดไปว่าความทุกข์ยากที่มาประสบกับเขานั้น คือการทดสอบที่อัลลอฮฺกำหนดแก่เขา เพื่อจะดูว่าเขามีความอดทนหรือขอบคุณอัลลอฮฺในยามทุกข์ยากหรือไม่ โดยที่ความทุกข์ยากนั้นบั้นปลายของมันสวยงาม หากบ่าวยอมรับว่านั้นคือการทดสอบจากพระเจ้า ที่แฝงความเมตตาและรางวัลอันยิ่งใหญ่สำหรับบ่าวที่อดทนและกตัญญูต่อพระองค์ ดังนั้นการสรรเสริญต่อพระองค์นั้นสำหรับผู้ศรัทธานั้นจะคงอยู่ทุกสภาพการณ์
ขออัลลอฮฺได้โปรดให้เราเป็นผู้หนึ่งจากปวงบ่าวของพระองค์ที่มีความอดทนและรู้คุณต่อพระองค์ อามีน