ความเมตตาและความห่วงใยของท่านนบีที่มีต่อประชาชาตินี้
  จำนวนคนเข้าชม  4378


ความเมตตาและความห่วงใยของท่านนบีที่มีต่อประชาชาตินี้ 

อับดุลวาเฮด สุคนธา เรียบเรียง

 

          การรักท่านนบี เป็นส่วนหนึ่งของการศรัทธา และมุสลิมและผู้ศรัทธาทุกๆ คนจำเป็นต้องมีความรักต่อท่านนบี มากกว่าตัวของเขาเอง มากกว่าบิดามารดาของเขา มากว่าลูกเมียของเขา และมากกว่าทรัพย์สินเขาเขาและมนุษย์ทุกๆ คน และใครก็ตามที่เขานั้นรักสิ่งอื่นมากกว่าอัลลอฮ์และร่อซูล แน่นอนจะมีการลงโทษจากพระองค์

อัลลอฮฺ ตรัสว่า 

قُلْ إِن كَانَ آبَاؤُكُمْ وَأَبْنَآؤُكُمْ وَإِخْوَانُكُمْ وَأَزْوَاجُكُمْ وَعَشِيرَتُكُمْ وَأَمْوَالٌ اقْتَرَفْتُمُوهَا وَتِجَارَةٌ تَخْشَوْنَ كَسَادَهَا وَمَسَاكِنُ تَرْضَوْنَهَا أَحَبَّ إِلَيْكُم مِّنَ اللهِ وَرَسُولِهِ وَجِهَادٍ فِي سَبِيلِهِ فَتَرَبَّصُواْ حَتَّى يَأْتِيَ اللهُ بِأَمْرِهِ وَاللهُ لاَ يَهْدِي الْقَوْمَ الْفَاسِقِينَ

 

     "จงกล่าวเถิด (มุหัมมัด) ว่า หากบรรดาบิดาของพวกเจ้า และบรรดาลูกๆของพวกเจ้า

     และบรรดาพี่น้องของพวกเจ้า และบรรดาคู่ครองของพวกเจ้า และบรรดาญาติของพวกเจ้า

     และบรรดาทรัพย์สมบัติที่พวกเจ้าแสวงหาไว้ และสินค้าที่พวกเจ้ากลัวว่าจะจำหน่ายมันไม่ออก

     และบรรดาที่อยู่อาศัยที่พวกเจ้าพึงพอใจมันนั้น

     เป็นที่รักใคร่แก่พวกเจ้ายิ่งกว่าอัลลอฮฺและรสูลของพระองค์ และการต่อสู้ในทางของพระองค์แล้วไซร้

     ก็จงรอคอยกันเถิด จนกว่าอัลลอฮฺจะทรงนำมาซึ่งคำสั่งของพระองค์ และอัลลอฮฺนั้นจะไม่ทรงนำทางแก่กลุ่มชนที่ละเมิด"

(อัตเตาบะฮฺ : 24)

 

          อิบนุ กะษีร ได้กล่าวอธิบายอายะฮฺนี้ว่า "หมายความว่า ถ้าหากว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นที่รักของเจ้ามากกว่าอัลลอฮฺและรสูลของพระองค์ และการต่อสู้ในหนทางของพระองค์ ดังนั้นพวกเจ้าก็จงรอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเจ้า จากการลงโทษของพระองค์ และภัยพิบัตที่จะประสบกับพวกเจ้า"

 

ท่าน นบีมุฮัมมัด ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

وَالَّذِيْ نَفْسِيْ بِيَدِهِ لَا يُؤْمِنُ أَحَدُكُمْ حَتَّى أَكُونَ أَحَبَّ إِلَيْهِ مِنْ وَالِدِهِ وَوَلَدِهِ وَالنَّاسِ أَجْمَعِينَ

 

     “ขอสาบานต่อผู้ที่ชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ คนหนึ่งคนใดในพวกท่านจะยังไม่อีหม่าน จนกว่าจะฉันเป็นที่รักมากที่สุด โดยมากกว่ารักพ่อของเขา ลูกของเขา และมนุษย์ทั้งหมด

(บันทึกโดยบุคอรียฺ : มุสลิม)

 

อับดุลลอฮฺ บิน ฮิชาม เล่าว่า

كُنَّا مَعَ النَّبِىِّ صلى الله عليه وسلم وَهْوَ آخِذٌ بِيَدِ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ ، فَقَالَ لَهُ عُمَرُ يَا رَسُولَ اللَّهِ لأَنْتَ أَحَبُّ إِلَىَّ مِنْ كُلِّ شَىْءٍ إِلاَّ مِنْ نَفْسِى .فَقَالَ النَّبِىُّ صلى الله عليه وسلم « لاَ وَالَّذِى نَفْسِى بِيَدِهِ حَتَّى أَكُونَ أَحَبَّ

إِلَيْكَ مِنْ نَفْسِكَ » .فَقَالَ لَهُ عُمَرُ : فَإِنَّهُ الآنَ وَاللَّهِ لأَنْتَ أَحَبُّ إِلَىَّ مِنْ نَفْسِى . فَقَالَ النَّبِىُّ صلى الله عليه وسلم « الآنَ يَا عُمَرُ » .

 

     ครั้งหนึ่งเราอยู่พร้อมกับนบี และท่านเอามือไปจับมืออุมัร บิน อัลค็อฏฏอบอุมัรได้กล่าวแก่ท่านว่า"โอ้รสูลของอัลลอฮฺ แท้จริงท่านเป็นคนที่ฉันรักมากกว่าสิ่งอื่นใดนอกจากตัวฉันเองเท่านั้น"

     ดังนั้นท่านนบี จึงกล่าวขึ้นว่า "ไม่ ฉันขอสาบานด้วยพระนามของผู้ที่ตัวฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ จนกว่าตัวฉันจะเป็นที่รักของเจ้ามากกว่าตัวของเจ้าเอง"

     ดังนั้นอุมัรจึงกล่าวแก่ท่านว่า "แท้จริง ขณะนี้ ฉันขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ว่าแท้จริงท่านนั้นเป็นที่รักของฉันมากกว่าตัวของฉันเอง

     ดังนั้นนบี จึงกล่าวว่า "บัดเดี๋ยวนี้แหละ โอ้อุมัร"

(อัลบุคอรีย์)

 

ภาคผลที่จะได้รับจากการรักนบี ท่านนบีมุฮัมมัดซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

 

เขาจะได้รับการอภัยโทษ

 

     อัลลอฮฺตรัสว่า

قُلْ إِن كُنتُمْ تُحِبُّونَ اللهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللهُ وَيَغْفِرْ لَكُمْ ذُنُوبَكُمْ وَاللهُ غَفُورٌ رَّحِيمٌ»

 

     "จงกล่าว(แก่ประชาชาติของเจ้า)เถิด(โอ้มุหัมมัด) ว่า ถ้าหากว่าพวกเจ้ารักอัลลอฮฺจริง พวกเจ้าก็จงปฏิบัติตาม(แนวทางของ)ฉัน

     แล้วอัลลอฮฺจะทรงรักพวกเจ้า และทรงอภัยโทษต่อบาปต่างๆแก่พวกเจ้าและอัลลอฮฺ คือผู้ประทานอภัยและทรงเมตตายิ่ง"

(อาล อิมรอน : 31)

 

หากรักอัลลอฮฺก็จงปฏิบัติตามแบบอย่างที่มาจากท่านนบี

 

หากว่าใครปฏิบัติตามท่านนบี อัลลอฮฺทรงรักเขา

 

ใครที่ปฏิบัติตามท่านนบีจะถูกลบล้างความผิด

 

     ♦ เขาพบกับความหอมหวานของอิหม่าน ท่านนบีท่านรอซูลุลลอฮฺ ซ็อลลัลลอ ฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า

 

ثَلَاثٌ مَنْ كُنَّ فِيهِ وَجَدَ حَلَاوَةَ الْإِيمَانِ أَنْ يَكُونَ اللَّهُ وَرَسُولُهُ أَحَبَّ إِلَيْهِ مِمَّا سِوَاهُمَا.

 

     “สามประการที่ใครก็ตามมีเขาย่อมได้พบกับความหวานชื่นของการอีหม่าน (ศรัทธา) การที่อัลลอฮฺและ รอซูลเป็นที่รักที่สุดสำหรับเขา ...

(บันทึกโดยบุคอรียฺ มุสลิม )

 

คนที่รัก ท่านนบี จะได้พำนักอยู่กับท่านในวันอาคีเราะฮฺ

 

     อนัส บิน มาลิก เล่าว่า มีชายคนหนึ่งมาหาท่านนบี แล้วกล่าวว่า "โอ้รสูลของอัลลอฮฺ เมื่อไหร่จะถึงวันกียามะฮฺ ?"

     ท่านนบีถามเขาว่า "แล้วเจ้าเตรียมอะไรไว้สำหรับวันกิยามะฮฺ ?"

     ชายผู้นั้นตอบว่า "ความรักที่มีต่ออัลลอฮฺและรสูลของพระองค์"

     ท่านนบีตอบว่า "ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็จะได้พำนักอยู่กับคนที่เจ้ารัก

 

          มีอีกสายรายงานหนึ่งว่า ฉันไม่ได้ตระเตรียมสิ่งใดมากมายจากการถือศิลอด การละหมาด การบริจาคทาน แต่ทว่า ฉันรักอัลลอฮฺและร่อซูล

فَمَا فَرِحْنَا بِشَيْءٍ بَعْدَ الْإِسْلَامِ فَرَحًا أَشَدَّ مِنْ قَوْلِ النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم: "أَنْتَ مَعَ مَنْ أَحْبَبْتَ")، قَالَ أَنَسٌ: (فَأَنَا أُحِبُّ اللهَ وَرَسُولَهُ صلى الله عليه وسلم، وَأَبَا بَكْرٍ وَعُمَرَ رضي الله عنهما، وَأَرْجُو أَنْ أَكُونَ مَعَهُمْ بِحُبِّي إِيَّاهُمْ، وَإِنْ لَمْ أَعْمَلْ بِمِثْلِ أَعْمَالِهِمْ

 

     อนัสกล่าวว่า ดังนั้นเราไม่เคยมีความยินดีใดๆ หลังจากการเข้ารับอิสลามของเรา มากยิ่งกว่าคำกล่าวของท่านนบี ที่ว่า 

"ดังนั้น เจ้าจะได้พำนักอยู่กับคนที่เจ้ารัก"

     อนัส กล่าวต่อไปว่า "ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงรักอัลลอฮฺ รักรสูลของพระองค์ รักอบูบักร์ และรักอุมัร เพราะฉันหวังว่าฉันจะได้อยู่พร้อมกับพวกเขา(ในวันอาคีเราะฮฺ) ถึงแม้ว่าฉันไม่ได้ปฏิบัติเฉกเช่นที่พวกเขาได้ปฏิบัติก็ตาม

(อัลบุคอรีย์ มุสลิม)

 

          และในอีกรายงานหนึ่ง อับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด เล่าว่า มีชายคนหนึ่งมาหาท่านนบี แล้วกล่าวว่า

 

جاءَ رَجُلٌ إِلى رسولِ اللَّه ﷺ فَقَالَ: يَا رَسُول اللَّه، كَيْفَ تَقُولُ في رَجُلٍ أَحبَّ قَوْمًا وَلَمْ يَلْحَقْ بِهِمْ؟ فَقَالَ رسولُ اللَّه ﷺ: المَرْءُ مَعَ مَنْ أَحَبَّ

 

     "โอ้รสูลของอัลลอฮฺ, ท่านจะว่าอย่างไรเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่รักและชื่นชมชนกลุ่มหนึ่งซึ่งเขาไม่ทันพบกับพวกเขา?"

     ท่านนบี ตอบว่า "(ในวันอาคีเราะฮฺ)แต่ละคนจะได้พำนักอยู่กับคนที่เขารัก"

(อัลบุคอรีย์, มุสลิม)

 

ท่าน อัมรุบนิลอาซ ยังรายงานอีกว่า ท่านนบี กล่าวว่า

من صلّى عليّ واحدة صلى الله عليه بها عشرا

ใครที่ศอลาวาตให้แก่ฉัน 1 ครั้ง อัลลอฮฺจะสรรเสริญให้แก่เขา 10 ครั้ง

 

ท่านร่อซูล ได้กล่าวว่า

أَوْلَى النَّاسِ بِي يَوْمَ الْقِيَامَةِ أَكْثَرُهُمْ عَلَيَّ صَلَاةً

คนที่ดีที่สุดสำหรับฉันในวันกิยามะห์นั้นคือ ผู้ที่ให้ศอลาวาตแก่ฉันอย่างมากมาย

 

          ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มีความเมตตาต่อบรรดาผู้ศรัทธานั้นมากมาย เพื่อเป็นการแสดงถึงความยิ่งใหญ่แห่งเมตตาธรรมของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ที่มีต่อผู้ศรัทธานั้น อัลลอฮฺทรงยืนยัน ในคำภีร์อัลกุรอาน เพื่อเป็นที่ใคร่ครวญของผู้ศรัทธา และถูกเก็บรักษาตราบจนถึงวันแห่งการตัดสิน !

 

     พระองค์อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ดำรัสว่า :

 

﴿لَقَدْ جَاءكُمْ رَسُولٌ مِّنْ أَنفُسِكُمْ عَزِيزٌ عَلَيْهِ مَا عَنِتُّمْ حَرِيصٌ عَلَيْكُم بِالْمُؤْمِنِينَ رَؤُوفٌ رَّحِيمٌ﴾

 

     “แท้จริงเราะสูลท่านหนึ่งจากหมู่พวกเจ้าได้มาถึงพวกเจ้าแล้ว ซึ่งเป็นผู้กังวลในสิ่งที่พวกเจ้าได้รับทุกข์ เป็นผู้ห่วงใยในพวกเจ้า เป็นผู้มีเมตตา ผู้กรุณาสงสารต่อบรรดาผู้ศรัทธา” 

(อัต-เตาบะฮฺ : 128)

 

          ความเมตตานี้คือเมตตาที่ยิ่งใหญ่อันหาที่เปรียบมิได้ คือแก่นสูงสุดแห่งเมตตาธรรม กระทั่งพระองค์อัลลอฮฺทรงดำรัสในอัลกุรอานว่า เราะสูลนั้นเป็นผู้ใกล้ชิดกับบรรดาผู้ศรัทธามากกว่าตัวพวกเขาเองซะอีก

 

พระองค์ได้ดำรัสว่า :

 

ٱلنَّبِيُّ أَوۡلَىٰ بِٱلۡمُؤۡمِنِينَ مِنۡ أَنفُسِهِمۡۖ]  “นบีนั้นใกล้ชิดกับผู้ศรัทธายิ่งกว่าตัวพวกเขาเสียอีก” 

(อัน-อะหฺซาบ : 6)

 

          และท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ให้ความกระจ่างของความหมายนี้ไว้ และท่านได้แบกรับภาระอันยิ่งใหญ่สืบเนื่องจากหน้าที่ดังกล่าวที่ได้รับมอบหมาย

          ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้อุทิศชีวิตของท่านเพื่อดูแลและเอาใจใส่ต่อประชาชาติของท่าน การปกป้องและดูแลพวกเขา 

 

ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า :

 

إِنَّمَا مَثَلِي وَمَثَلُ النَّاسِ كَمَثَلِ رَجُلٍ اسْتَوْقَدَ نَارًا، فَلَمَّا أَضَاءَتْ مَا حَوْلَهُ جَعَلَ الْفَرَاشُ وَهَذِهِ الدَّوَابُّ الَّتِي تَقَعُ فِي النَّارِ

يَقَعْنَ فِيهَا، فَجَعَلَ يَنْزِعُهُنَّ وَيَغْلِبْنَهُ فَيَقْتَحِمْنَ فِيهَا، فَأَنَا آخُذُ بِحُجَزِكُمْ عَنْ النَّارِ وَهُمْ يَقْتَحِمُونَ فِيهَا

 

     “อุปมาฉันและผู้คนทั้งหลายประหนึ่งชายผู้จุดไฟขึ้น ครั้นเมื่อไฟลุกโชนและส่องสว่างโดยรอบ ก็เริ่มมีแมลงเม่าและสัตว์เหล่านี้เข้าใกล้กองไฟ

     ในขณะที่เขารีบปัดป้องมันให้พ้นจากเปลวไฟนั้น แต่มันมีจำนวนเยอะเกินที่จะเอาอยู่และมันยังคงกรูเข้าไปในกองไฟนั้นไม่หยุดหย่อน

     และฉันก็คือคนที่คอยกระชากเอวพวกท่านให้ออกจากไฟนรก ในขณะที่ผู้คนก็ยังคงเข้าหาไฟนรกอยู่อย่างไม่หยุดหย่อน” 

(รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ มุสลิม อิบนุ หิบบาน )