ศาสนาสอนให้ทำดีกับบิดามารดาอย่างไร?
โดย... อาจารย์อัชรอฟ จรกา
ขอได้รับความรัก ความสุขสันติ ความจำเริญ การได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา การได้รับความเข้าใจที่ถูกต้องและเกิดประโยชน์จากการรับฟังเนื้อหาสาระของการนำเสนอ คุตบะห์ ในวันนี้ เป็นความสำคัญยิ่งที่ได้รับ มัฆฟีเราะห์ การประทานอภัยโทษจาก อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการตั้งใจ จงใจที่จะกระทำมันก็ตาม แต่เมื่อเราทั้งหลายเสียใจและสำนึกผิด ตลอดจนความผิดที่เรากระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อินน่าซีนาเอาเตาะนา
ข้อความทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ได้ประสบแด่ท่านพี่น้องผู้มี อิหม่าน ที่เคารพรักและทรงเกียรติ ทุกชีวิตทุกลมหายใจที่ได้มาร่วมกันละหมาด ยุมอัต ในวันนี้ ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาที่เคารพรักทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอ คุตบะห์ ในรูปแบบใดๆก็ตาม สิ่งสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือการตักเตือน การย้ำเตือนให้มีการ ตักวา มีความยำเกรงต่อ อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา อย่างแท้จริง โดยการประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา ทรงมีพระบัญชาใช้ และห่างไกลจากสิ่งที่ อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา ทรงมีพระบัญชาห้าม เพราะว่าทั้งสองเรื่องนี้นั้นถือเป็นหลักการที่สำคัญ ที่จะนำพาเราท่านทั้งหลายไปสู่ความสุขสบายชั่วนิรันดรในโลกอาคีเราะห์
อัลลอห์ ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา ตรัสไว้ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ซูเราะห์ อัลอังกะบูร โองการที่ 8 ไว้ว่า
وَوَصَّيْنَا الْإِنْسَانَ بِوَالِدَيْهِ حُسْنًا
“และเราได้กำชับสั่งเสียมนุษย์ทั้งหลาย ให้ทำการปรนนิบัติบิดามารดาทั้งสองของเขา ด้วยความดีงาม”
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาที่เคารพรักทั้งหลาย การทำดีต่อบิดามารดานั้น อาจจะเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลาย ได้รับฟังกันมาอย่างบ่อยครั้ง แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายนั้นจะต้องประสบพบเจอในชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงมันไม่ได้ อีกทั้งการทำดีต่อบิดามารดานั้นยังเป็นคำสั่งใช้ของ อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา เป็นวายิบเหนือบนลูกทุกคนที่จะต้องปฏิบัติและดูแลท่านทั้งสองอย่างดีที่สุด เพื่อเป็นการสนองพระบัญชาใช้จาก อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา และเพื่อที่จะได้รับความพึงพอพระทัยจากพระองค์
عن أبي ذر الغفاري - رضي الله عنه - أنه قال : سمعت رسول الله صلى الله عليه وسلم يقول : من مشي لزيارة والديه كتب الله له بكل خطوة مائة حسنة ومحا عنه مائة سيئة و رفع له مائة درجة فإذا جلس بين يديهما و تكلم معهما بطيب الكلام أعطاه الله تعالى يوم القيامة نورا يسعى بين يديه فإذا خرج من عندهما خرج مغفورا له.
มีเรื่องเล่าจากท่าน อบีซัรเร็น อัลฆ็อฟฟารี่ รอดิยัลลอห์ฮุอันฮฺ ฉันนั้นเคยได้ยินท่าน นบีมูฮำมัด ﷺ กล่าวว่า
“บุคคลใดก็ตามที่เดินไปเยี่ยมหรือเดินไปหาบุพการีทั้งสองของเขา อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา จะทำการบันทึกให้บุคคลนั้น ในทุกๆฝีก้าว ทุกๆย่างก้าวที่เขาเดินไป 100 ความดี และจะลบล้างความผิดของเขา 100 ความผิด และจะทรงยกฐานันดร ยกเกียรติให้แก่เขา 100 ขั้นด้วยกัน
และเมื่อคนเป็นลูกนั้นได้นั่งอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ของเขาแล้ว และได้ทำการพูดคุยกับท่านทั้งสองด้วยกับคำพูดที่ไพเราะยกย่องและให้เกียรติแล้ว อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา จะประทานรัศมีเพื่อเป็นแสงสว่างเป็นตัวนำทางแก่เขาในวัน กิยามะห์
และเมื่อคนเป็นลูกเดินกลับออกมาจากบุพการีทั้งสองของเขาแล้ว เขาก็จะกลับออกมาในสภาพที่ได้รับการอภัยโทษจาก อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา จากบาปต่างๆของเขา”
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาที่เคารพรักทั้งหลาย สิ่งต่างๆเหล่านี้นั้นเป็น เราะห์มะห์ ความเมตตาจาก ที่พระองค์ซ่อนมันไว้ จากการที่คนเป็นลูกนั้นกระทำดี ปฏิบัติดีต่อบิดามารดาของเขา ในทุกๆย่างก้าว หรือแม้คำพูดที่ดีนั้นยังได้รับกุศลผลบุญตอบแทนจาก อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา มากขนาดนี้ และถ้าเป็นการกระทำที่มากไปกว่านั้น จะได้รับกุศลผลบุญตอบแทนมากมายขนาดไหน
พ่อ แม่ และ ลูก คือสายสัมพันธ์ในชีวิตนี้ ไม่มีวันจะตัดขาดจากกันได้ ไม่ว่าจะในกรณีใดๆก็ตาม แม้ว่าพ่อแม่จะจากโลกนี้ไปก็ตาม แต่ว่าหน้าที่ของคนเป็นลูกนั้นก็ยังคงดำเนินอยู่ ยังไม่จบไม่สิ้นแค่เพียงนั้น
ดังนั้นอะไรคือหน้าที่ของคนที่เป็นลูกนั้น จะต้องกระทำ จะต้องปฏิบัติ หลังจากที่พ่อแม่นั้นได้จากโลกนี้ไปแล้ว ซึ่งอิสลามมีหลักธรรมคำสอนให้ผู้ศรัทธาทุกคนได้ถือปฏิบัติอีกเช่นเดียวกัน
عن مالك بن ربيعة الساعدي - رضي الله عنه - قال : بينا نحن جلوس عند رسول الله - صلى الله عليه وسلم - إذ جاءه رجل من بنى سلمة فقال : يا رسول الله هل بقي من بر أبوي شيء أبرهما به بعد موتهما؟ فقال : نعم. الصلاة عليهما والإستغفار لهما وانفاذ عهدهما من بعدهما وصلة الرحم التي لا توصل إلا بهما و إكرام صديقهما. رواه أبو داود
มีเรื่องเล่าจากท่าน มาลิก บุตรชายของนาง รอบิอะห์ อัซซานิดี้ รอดิยัลลอฮุอันฮุม ท่านเล่าว่า ในขณะที่พวกเรานั้นได้นั่งอยู่ร่วมกับท่าน นบีมูฮำมัด ﷺได้มีชายผู้หนึ่งจากเผ่า บนีซาลามะห์ มาหาท่านรอซูลุลลอฮฺ ﷺ
ชายผู้นี้ได้ถามท่านรอซูลุลลอฮฺ ﷺ ว่า โอ้ท่านผู้เป็นศาสนทูตแห่ง อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา” ยังคงมีความดีอะไรอีกไหม? ที่ตัวของข้าพเจ้านั้นจะปฏิบัติต่อบิดามารดา เมื่อท่านทั้งสองได้เสียชีวิตไปแล้ว “
ท่านรอซูลุลลอฮฺ ﷺ ได้ตอบกับชายผู้นี้ไปว่า “มีซิ ! ความดีที่เจ้าต้องปฏิบัติหลังจากที่เขาทั้งสองได้เสียชีวิตไปแล้ว นั่นก็คือ
เจ้าจะต้องทำการขอ ดุอาอฺ และขออภัยโทษให้ท่านทั้งสองอย่างสม่ำเสมอ
จงรักษาสัญญาในสิ่งที่ท่านทั้งสองต้องการ สั่งในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ให้สำเร็จลุล่วงหลังจากที่ท่านทั้งสองได้เสียชีวิตไปแล้ว
จงทำการติดต่อสัมพันธ์กันกับบรรดาเครือญาติของท่านทั้งสอง ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่เป็นลูกอาจไม่รู้ว่าบุคคลใดเป็นญาติใกล้ชิดของตนเอง หากว่าไม่ได้รับคำแนะนำ คำชี้แนะจากบุพการีทั้งสองของเขา
และจงให้เกียรติ ทำความดีแก่เพื่อนๆของบิดามารดา ในขณะที่พ่อแม่ยังคงมีชีวิตอยู่ ท่านมีความสนิทชิดเชื้อกับบุคคลใดก็ตาม เมื่อผู้เป็นลูกได้รับรู้ จะต้องมีการปฏิสัมพันธ์ทำดีต่อบรรดาเพื่อนๆของบิดามารดา
สิ่งต่างๆเหล่านี้นั้นคือการกระทำที่จะได้รับผลบุญเท่ากับการทำดีต่อบิดามารดา
ถือเป็นสิ่งที่คนเป็นลูกทุกคนนั้นควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าในสังคมปัจจุบันนี้นั้น เมื่อผู้เป็นบิดามารดาได้เสียชีวิตไปแล้ว ความสัมพันธ์ในความเป็นเครือญาติ แม้กระทั่งในสังคมก็ตามมันเริ่มจะเหินห่าง มันเริ่มจะลดน้อยลงไป ไม่แน่นแฟ้นเหมือนกับตอนที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้นั้นมันไม่ใช่จุดประสงค์ของอิสลาม มันไม่ใช่เจตนารมณ์ของ อัลอิสลาม ต้องการให้เกิดขึ้น เมื่อ อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา ได้มีคำสั่งให้ทำดีต่อบิดามารดาแล้ว
ฉะนั้นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับมันนั่นก็คือ การกระทำที่เรียกว่ามีความอกตัญญู ต่อบิดามารดา ดังนั้นการกระทำนี้จึงเรียกว่า เป็นผู้มีความอกตัญญู จำเป็นไหม? ที่กระทำถึงขั้นทุบตีทำร้ายร่างกายบุคคลทั้งสอง ความหมายของคำว่า อกตัญญู ของอิสลามนั้นคือ ใครก็ตามที่ทำให้พ่อแม่ของเขานั้นต้องเสียใจ เสียความรู้สึกแล้ว คนๆนั้น เป็นคนอกตัญญู
قال رسول الله - صلى الله عليه وسلم - : كل ذنوب يؤخر الله منها ماشاء إلى يوم القيامة إلا البغي وعقوق الوالدين أو قطيعة الرحم يعجل لصاحبها في الدنيا قبل الموت. رواه البخاري
ท่านรอซูลุลลอฮฺ ﷺ ได้กล่าวไว้ว่า
“บาปกรรมทั้งหมดที่มนุษย์กระทำในโลกดุนยา อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา จะทรงประวิงเวลาเอาไว้ จะยังไม่ลงโทษใดๆทั้งสิ้น จนกว่าจะถึงวัน กิยามะห์
เว้นแต่บาปกรรมของการทุจริต หรือละเมิดสิทธิของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน บาปของการ อกตัญญู เนรคุณต่อบิดามารดา หรือบาปจากการตัดสัมพันธ์กับญาติพี่น้อง
ซึ่งบาปทั้งสามอย่างนี้ อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา จะเร่งลงทัณฑ์แก่เขา ในโลกดุนยานี้ เพื่อให้เขานั้นได้รับรู้ เกิดความรู้สึกว่า ครั้งหนึ่งเขาได้กระทำอะไรไว้บ้าง ก่อนที่เขาจะตายจากโลกนี้ไป”
( บันทึกโดยอิหม่ามบุคอรีย์)
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาที่เคารพรักทั้งหลาย ไม่ว่าคนๆหนึ่งนั้น จะประสบความสำเร็จในชีวิตมากขนาดไหน ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะปฏิบัติ อามั้ล อิบาดะห์ มากมายเพียงใดต่อ อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา แต่ถ้าบุคคลๆนั้นมิได้เป็นที่พึงพอใจของทั้งสองพ่อแม่ผู้บังเกิดเกล้าแล้ว บุคคลนั้นคือผู้ล้มเหลวในการเป็นบ่าวของ อัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา โดยสิ้นเชิง แม้กระทั่งกลิ่นอายของสวนสวรรค์ เขาก็จะไม่ได้รับมัน
คนๆหนึ่งจะเป็นคนดีในสังคมได้นั้น คนๆนั้นจะต้องเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่มาก่อน คนๆหนึ่งจะได้รับคำยกย่องชมเชยจากผู้คนในสังคมได้นั้น คนๆนั้นจะต้องเป็นลูกที่พ่อแม่ของเขาชมเชยว่าเป็นลูกที่ดีมาก่อน หมั่นถาม เยาะห์ เมาะ ต้องการสิ่งใดบ้างไหม? ให้ถามในขณะที่ท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ ในสภาพร่างกายที่ยังสุขสบายดีอยู่ ร่างกายแข็งแรงเป็นปกติ อย่าได้รอถามในขณะที่ท่านนอนเจ็บป่วย ร่างกายของท่านไม่พร้อมที่จะรับสิ่งใดๆ ไม่มีคำว่าสายเกินไป ที่จะเริ่มทำความดี อย่าดูถูกว่าเป็นความดีเพียงเล็กน้อย มันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นความดีต่างๆอีกมากมาย อย่าได้เมินเฉยต่อบาปเล็กๆน้อยๆ มันอาจจะนำไปสู่การทำบาปใหญ่ๆตามมาก็เป็นได้
ขออัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตาอาลา ได้ทำให้เรานั้นได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกดุนยาใบนี้นั้นอย่างผู้ศรัทธาที่แท้จริง และขอพระองค์ได้ทำให้เราทั้งหลายนั้นได้ตายจากโลกใบนี้ไปด้วยกับอ้อมกอดของ อัลอิสลาม
คุตบะห์วันศุกร์ ณ มัสยิดท่าอิฐ