ทำไม่เหมือนกัน ผลตอบแทนย่อมไม่เหมือนกัน
  จำนวนคนเข้าชม  2253


ทำไม่เหมือนกัน ผลตอบแทนย่อมไม่เหมือนกัน

 

คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีอัตตักวา คือมีความยำเกรงต่อพระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น ดังนั้น เราจึงต้องสร้างความยำเกรงต่อพระองค์ให้เกิดขึ้นในหัวใจของเราให้ได้ โดยการศึกษา แสวงหาความรู้ในเรื่องราวของบทบัญญัติศาสนา พยายามทำความเข้าใจ และนำมาสู่การปฏิบัติ ด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา โดยพยายามทำให้สุดความสามารถของเรา และในขณะเดียวกัน ก็ต้องออกห่างจากคำสั่งห้ามของพระองค์โดยสิ้นเชิง พร้อมกันนั้นก็ต้องปฏิบัติอิบาดะฮฺให้อยู่ในแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั่นก็คือ ไม่ทำบิดอะฮฺนั่นเอง

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลก้อลัม อายะฮฺที่ 17 – 34 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในอดีต เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนยุคสมัยของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งในตัฟซีรได้เล่าว่า...

 

     ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นมุสลิมผู้ศรัทธา และมีอัตตักวาต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เป็นคนที่รักการทำความดี รักการทำอามัลศอลิหฺ ... ชายคนนี้อาศัยอยู่ในเมืองหนึ่งใกล้กับเมืองศอนอาอ์ ประเทศเยเมน ..เขาได้รับนิอ์มะฮฺจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา โดยได้ครอบครองสวนอยู่แปลงหนึ่ง ซึ่งสวนแห่งนี้เต็มไปด้วยอินทผลัม ตลอดจนพืชพันธุ์ผลไม้นานาชนิด อีกทั้งในสวนของเขายังมีลำธารน้ำไหลผ่าน ให้ความชุ่มชื่นแก่พืชผลในสวน จนพืชผลต่างๆเจริญเติบโตออกดอกออกผลอย่างมากมาย

 

     เมื่อได้เวลาเก็บเกี่ยวพืชผลในแต่ละครั้ง ชายคนนี้จะแบ่งพืชผลเหล่านี้ออกเป็นสามส่วน ..ส่วนหนึ่งมอบให้แก่คนยากจนขัดสน เขาไม่เคยลืมสิทธิที่จะมอบให้แก่คนยากจนขัดสนเลย ...อีกส่วนหนึ่งเขานำไปใช้จ่ายสำหรับครอบครัว ...อีกส่วนหนึ่งเขาเก็บไว้สำหรับทำทุนต่อไป ...

 

     ทุกครั้งที่เขาขายพืชผลได้ เขาก็จะประกาศเรียกคนยากจนขัดสนให้มารับส่วนแบ่ง พร้อมกับเลี้ยงอาหารและให้เกียรติคนยากจนขัดสนเหล่านี้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้เอง อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจึงได้ประทานบะร่อกะฮฺ ประทานความจำเริญในทรัพย์สินของเขา ทำให้มันงอกเงย เพิ่มพูนขึ้นอยู่ตลอดเวลา เป็นอย่างนี้เรื่อยๆไป

 

ครั้นเมื่อชายคนนี้ได้เสียชีวิตลง ลูกๆ ของเขาก็ได้รับสวนแห่งนี้เป็นมรดกตกทอด ในปีนั้น สวนแห่งนี้ก็ยิ่งมีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ออกดอกออกผลมาอย่างมากมาย ลูกๆของชายคนนี้ซึ่งเป็นเจ้าของสวนคนใหม่ต่างชื่นชมและภาคภูมิใจในพืชผลมากมายที่พวกเขาได้ครอบครอง 

     พวกเขาต่างพูดกันว่า 

     “พ่อของเราไม่ฉลาดเลย ที่แบ่งพืชผลเหล่านี้ให้แก่บรรดาคนยากจนขัดสน แต่ตอนนี้สวนแห่งนี้เป็นของเราแล้ว เรามาสัญญากันเถอะว่า ต่อไปนี้ เราจะไม่แบ่งพืชผลให้แก่ผู้ใดอีกแล้ว เพื่อว่าเราจะได้ร่ำรวยและมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย

     ปรากฏว่า ทุกคนเห็นดีเห็นงามกับข้อเสนอนี้ ยกเว้นคนเดียวเท่านั้น ที่เป็นผู้เที่ยงธรรมที่สุด เขาได้ตักเตือนพี่น้องของเขาว่า 

     “จงปฏิบัติตามที่พ่อของเราได้ปฏิบัติไว้ในอดีตเถิด เพื่ออัลลอฮฺจะได้ประทานบะร่อกะฮฺให้แก่ทรัพย์สินของเรา

     แต่ไม่มีใครยอมฟัง พวกเขายังยืนกรานที่จะไม่แบ่งส่วนใดๆให้แก่ใครเลย และในคืนนั้น พวกเขาได้ตั้งใจไว้ว่าจะเก็บเกี่ยวพืชผลในสวนนั้นในเวลาเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น โดยที่พวกเขาไม่ได้กล่าวว่าอินชาอัลลอฮฺ หากอัลลอฮฺทรงประสงค์

 

     พวกเขาต่างพากันนอนฝันหวานถึงสิ่งที่จะเก็บเกี่ยวได้ แล้วพวกเขาก็จะได้รับริสกีอย่างมากมาย แต่ทว่าในขณะนั้นเอง โดยที่พวกเขาไม่ทราบ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาได้ทรงส่งไฟมาทำลายล้าง เผาผลาญสวนของพวกเขาจนราบคาบ ทั้งอินทผลัม พืชพันธุ์ผลไม้ทุกชนิดถูกเผาผลาญราบเรียบ ไม่มีสิ่งใดเหลือเลย

 

     ครั้นรุ่งเช้า พวกเขาก็พากันออกไปยังสวนเพื่อหวังจะเก็บเกี่ยวพืชผล พวกเขาต่างพากันออกไปที่สวนอย่างเงียบๆ เพราะกลัวผู้คนจะรู้ พวกเขาตั้งใจจะเก็บพืชผลให้หมดก่อนที่คนยากจนขัดสนจะได้เข้าไปในสวน ครั้นเมื่อพวกเขาไปถึงสวน พวกเขาก็ต้องตกตะลึง เพราะพวกเขาไม่พบสิ่งใดเลย มีแต่ความว่างเปล่า มีแต่ความเสียหาย 

     พวกเขาพูดว่าเราคงเดินมาผิดทาง นี่คงเป็นสวนของคนอื่น” 

     แต่เมื่อพวกเขาพิจารณาดูดีๆ ก็พบว่านี่แหละคือสวนของพวกเขา สวนที่ถูกทำลายลงไปเสียแล้ว 

     คนหนึ่งจึงได้พูดว่าเราไม่ได้หลงทาง แต่เราถูกลงโทษ เพราะเนียตที่ไม่ดีของเรา เราคิดไม่ดีที่อธรรมต่อคนยากจนขัดสน

     นี่แหละ พวกเขาได้ตระหนักถึงความผิดของพวกเขา ... คนที่เคยเตือนพี่น้องของเขา จึงเอ่ยขึ้นว่า 

     “ฉันได้เตือนแล้วว่า ให้เราสรรเสริญอัลลอฮฺ และขอบคุณพระองค์ พร้อมทั้งให้แบ่งส่วนแก่คนยากจนขัดสนเหมือนดั่งเช่นที่พ่อของเราเคยทำมา” 

     พวกเขาจึงกล่าวอย่างเสียใจว่าซุบฮานะร็อบบะนา แท้จริงเรานั้นเป็นผู้อธรรม” 

 

     พวกเขาสำนึกผิด และตระหนักแล้วว่า ความหายนะได้มาประสบแก่พวกเขา เพราะการที่พวกเขาเป็นผู้ที่ละเมิด ฝ่าฝืนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา พวกเขาขอให้อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงเปลี่ยนแปลงให้สิ่งที่ดีกว่าแก่พวกเขา และขอพระองค์ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขาด้วย

 

     พวกเขาเสียใจ ขออภัยโทษและกลับเนื้อกลับตัว หลังจากความพินาศได้ประสบกับพวกเขาไปแล้ว พวกเขาขาดทุนอย่างย่อยยับ หมดเนื้อหมดตัว เพราะสวนก็ได้ถูกทำลายอย่างย่อยยับ ริสกีจากการขายพืชผลก็ไม่ได้รับ ผลบุญจากการทำความดี จากการบริจาคให้แก่คนยากจนขัดสนก็ไม่ได้รับ...ขาดทุนป่นบี้

 

     บัดนี้ พวกเขาได้ประจักษ์แล้วว่า พ่อของพวกเขารักษาสวนแห่งนี้ให้เจริญงอกงาม ออกดอกออกผลมากมายด้วยกับการขอบคุณในนิอ์มะฮฺที่ได้รับจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และบริจาคให้แก่คนยากจนขัดสน อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจึงได้ทรงให้บะร่อกะฮฺแก่สวนนี้ ...ในขณะที่สิ่งที่พวกเขาทำนั้น ทำให้พวกเขาถูกลงโทษ พวกเขามีความโลภ มีความตระหนี่ถี่เหนียว มีความหลงใหลในโลกดุนยา จนลืมสิทธิที่จะมอบให้แก่คนยากจนขัดสน ดังนั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจึงทรงนำริซกีกลับคืนไป

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย นี่คือเรื่องเล่าในอัลกุรอานที่เกิดขึ้นจริงในอดีต ที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงทดสอบชายคนหนึ่ง ด้วยกับการที่ให้เขาได้รับนิอ์มะฮฺอย่างมากมาย แล้วเขาก็ได้สำนึกในนิอ์มะฮฺ สำนึกในความโปรดปรานนั้น สำนึกในความรักที่พระองค์ทรงมอบให้เขา เขาจึงขอบคุณอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และได้ปฏิบัติอย่างดีงาม ได้มอบสิทธิให้แก่คนยากจนขัดสนอย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ ริสกีที่เขาได้รับจึงได้รับบะร่อกะฮฺ ได้รับจำเริญ นอกจากได้รับความจำเริญแล้ว มันยังเพิ่มพูนขึ้นอยู่ตลอดเวลา

     แต่ครั้นต่อมา เมื่อลูกๆของเขาได้รับนิอ์มะฮฺอย่างมากมายเช่นเดียวกัน พวกเขากลับตระหนี่ถี่เหนียว พวกเขาละเลยสิทธิที่คนยากจนขัดสนพึงได้รับ พวกเขาไม่ขอบคุณอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาด้วยการแบ่งสรรปันส่วนให้แก่คนยากจนขัดสน แต่กลับตระหนี่ถี่เหนียว อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจึงทรงลงโทษพวกเขาอย่างทันตาเห็น 

          แต่หลังจากได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว พวกเขาก็สำนึกผิดและขออภัยโทษ ...นี่คือการลงโทษที่พวกเขาได้รับในโลกดุนยานี้ แต่ในโลกอาคิเราะฮฺนั้น อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงบอกว่า การลงโทษนั้นรุนแรง ร้ายแรงยิ่งใหญ่กว่านี้ มากมายหลายเท่านัก

 

ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลก้อลัม อายะฮฺที่ 33 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

كَذَٰلِكَ الْعَذَابُ ۖ وَلَعَذَابُ الْآخِرَةِ أَكْبَرُ ۚ لَوْ كَانُوا يَعْلَمُونَ

 

ดังกล่าวนี้แหละ นี่คือการลงโทษ..และแน่นอน การลงโทษในอาคิเราะฮฺนั้นยิ่งใหญ่นัก..หากพวกเขารู้

 

          นั่นก็คือ ใครก็ตามที่เขาได้ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เขาก็จะได้รับการลงโทษ แต่หากเขารู้สำนึกตัวเองว่าเขาทำความผิด แล้วเขาขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่างจริงใจ เขาก็จะได้รับการอภัยโทษจากพระองค์ แต่หากเขาไม่รู้สำนึก ยังคงใช้ชีวิตอย่างฝ่าฝืนต่อไป แน่นอน เขาก็จะได้รับการลงโทษอย่างแน่นอนในวันกิยามะฮฺ (หากพระองค์ทรงประสงค์) และการลงโทษในวันกิยามะฮฺนั้นยิ่งใหญ่รุนแรงมากกว่าในโลกดุนยามากมายหลายเท่านัก 

 

          แต่สำหรับในส่วนของคนที่เขาดำรงรักษาอัตตักวา เขาก็จะได้รับรางวัลตอบแทน ได้รับริซกี หากเขาดำรงรักษาอัตตักวาอย่างต่อเนื่องเฉกเช่นที่ชายเจ้าของสวนได้ปฏิบัติ เขาก็จะได้รับริซกีอย่างต่อเนื่องตลอดไป และในโลกอาคิเราะฮฺ เขาก็จะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างดีงาม

ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลก้อลัม อายะฮฺที่ 34 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

إِنَّ لِلْمُتَّقِينَ عِندَ رَبِّهِمْ جَنَّاتِ النَّعِيمِ

 

แท้จริง สำหรับบรรดาผู้ยำเกรง ณที่พระเจ้าของพวกเขานั้น (ผลตอบแทนคือ)สวนสวรรค์หลากหลายอันบรมสุข

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย เรื่องเล่าข้างต้นนี้ชี้ให้เห็นถึงการดำเนินชีวิต 2 แบบและผลตอบแทนที่แต่ละแบบจะได้รับ ..มันจึงเป็นอุทาหารณ์ให้เราได้คิดว่า ในชีวิตประจำวันของเรานั้น เราจะดำเนินชีวิตแบบใด เป็นผู้ศรัทธาที่ดำรงรักษาอัตตักวา ดำรงรักษาการเชื่อฟังต่อบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา หรือจะเป็นผู้ศรัทธาที่ใช้ชีวิตอย่างฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เพราะแต่ละแบบได้รับผลตอบแทนไม่เหมือนกัน

 

ในอัลกุรอานซูเราะฮฺอัลก้อลัม อายะฮฺที่ 35 อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า

 

أَفَنَجْعَلُ الْمُسْلِمِينَ كَالْمُجْرِمِينَ

 

ดังนั้น จะให้เราปฏิบัติต่อบรรดามุสลิมผู้นอบน้อม เฉกเช่นเดียวกับที่เราปฏิบัติต่อบรรดาผู้กระทำผิดอย่างนั้นหรือ ?”

 

     แน่นอน ย่อมไม่เหมือนกัน ดังนั้น อยู่ที่เราเลือก ว่าเราจะเลือกปฏิบัติแบบใด ?

 

          ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย เดือนร่อมะฎอนปีนี้จากเราไปแล้ว แต่อัตตักวาที่เราได้รับจากการถือศีลอดซึ่งเป็นเป้าหมายของการถือศีลอดที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงวางบทบัญญัติไว้นั้น ขอให้มันดำรงอยู่ต่อไป และให้มันเพิ่มพูนขึ้นทุกๆวัน ด้วยการที่เรารักษาบทบัญญัติของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา โดยพยายามทำให้สุดความสามารถของเรา และในขณะเดียวกัน ก็ต้องออกห่างจากคำสั่งห้ามของพระองค์โดยสิ้นเชิง พร้อมกันนั้นก็ต้องปฏิบัติอิบาดะฮฺให้อยู่ในแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมด้วย สิ่งนี้คือการเพิ่มอัตตักวาให้แก่ตัวเรา

 

          ก่อนจบคุฏบะฮฺในวันนี้ ขอให้เราอย่าลืมถือศีลอดสุนัต 6 วันในเดือนเชาวาลนี้ โดยเราจะถือติดต่อกันทั้ง 6 วัน หรือจะไม่ติดต่อกันก็ได้ การถือศีลอดสุนัต 6 วันในเดือนเชาวาลหลังจากการถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน จะได้รับผลบุญเสมือนกับการถือศีลอดตลอดทั้งปี และยังเป็นการปฏิบัติตามซุนนะฮฺของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมอีกด้วย

 

          สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาโปรดช่วยเหลือเราให้เป็นผู้ที่ดำรงรักษาอัตตักวาอย่างเข็มแข็งด้วยเถิด...อามีน

 

 

คุตบะฮ์ มัสญิดดารุ้ลอิห์ซาน