สร้างตัวให้เป็นมุอ์มิน
คอเฏ็บ อับดุลสลาม เพชรทองคำ
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสั่งใช้เราให้มีอัตตักวา คือมีความยำเกรงต่อพระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้น ดังนั้น เราจึงต้องสร้างความยำเกรงต่อพระองค์ให้เกิดขึ้นในหัวใจของเราให้ได้ โดยการศึกษา แสวงหาความรู้ในเรื่องราวของบทบัญญัติศาสนา พยายามทำความเข้าใจ และนำมาสู่การปฏิบัติ ด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา โดยพยายามทำให้สุดความสามารถของเรา และในขณะเดียวกัน ก็ต้องออกห่างจากคำสั่งห้ามของพระองค์โดยสิ้นเชิง พร้อมกันนั้นก็ต้องปฏิบัติอิบาดะฮฺให้อยู่ในแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมด้วย
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ในสมัยท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีสตรีท่านหนึ่งที่มีสถานะสำคัญหลายสถานะ นั่นก็ได้แก่...ตัวท่านเองเป็นศ่อฮาบียะฮฺ ..แล้วท่านก็ยังเป็นลูกสาวของศ่อฮาบะฮฺ..เป็นหลานสาวของศ่อฮาบะฮฺ ..เป็นภรรยาของศ่อฮาบะฮฺ ..เป็นแม่ของศ่อฮาบะฮฺ..และเป็นพี่สาวของศ่อฮาบียะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุม
สตรีท่านนี้ก็คือ ท่านหญิงอัสมาอ์ บินตุ อบูบักร ซึ่งตัวท่านเป็นศ่อฮาบียะฮฺ ก็คือเป็นศ่อฮาบะฮฺหญิงของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
♦ เป็นลูกสาวของท่านอบูบักร อัศศิดดิ๊ก ซึ่งเป็นศ่อฮาบะฮฺคนสำคัญของท่านนบี และเป็นคุละฟาอ์อัรรอชิดีนท่านแรกของอัลอิสลาม เป็นหนึ่งในบรรดาศ่อฮาบะฮฺของท่านนบี 10 ท่านที่ได้รับการรับรองจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาว่าเป็นชาวสวรรค์
♦ ท่านหญิงอัสมาอ์ยังเป็นหลานสาวของศ่อฮาบะฮฺหลายๆท่าน
♦ เป็นภรรยาของท่านอัซซุบัยร์ อิบนุ อัลเอาวาม ซึ่งท่านอัซซุบัยร์นี้ก็เป็นอีกท่านหนึ่งในบรรดาศ่อฮาบะฮฺของท่านนบี 10 ท่านที่ได้รับการรับรองจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาว่าเป็นชาวสวรรค์ ท่านเป็นคนหนึ่งในจำนวนหะวารีย์ حواري คือคนที่เป็นผู้ที่คอยพิทักษ์ปกป้องท่านนบี ท่านเป็นญาติใกล้ชิดของท่านนบี เป็นคนกล้าหาญ เป็นบุคคลแรกที่ชักดาบต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ และไม่เคยพลาดการทำสงครามสักครั้งเดียว
♦ เมื่อเป็นภรรยาของศ่อฮาบะฮฺแล้ว ท่านก็ยังได้เป็นแม่ของอับดุลลอฮฺ อิบนฺ ซุบัยร์ ซึ่งต่อมาก็เป็นศ่อฮาบะฮฺของท่านนบี ...ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนฺ ซุบัยร์เป็นท่านหนึ่งใน บรรดาผู้ที่ได้ฉายาว่า “อะบาดิละฮฺ อัลอัรบะอะฮฺ หรืออับดุลลอฮฺทั้งสี่ ( العبادلة الأربعة)” (อีก 3 ท่านได้แก่ ท่านอับดุลลอฮฺ บิน อัมรฺ บิน อาศ ...ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัร อิบนุ อัลค๊อฏฏ็อบ ....ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อับบาส ) ซึ่งบรรดาผู้คนได้ยึดเอาความรู้ของท่านเหล่านั้นมาเป็นหลักฐานและเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต
♦ ท่านหญิงอัสมาอ์ยังเป็นพี่สาวของท่านหญิงอาอิชะฮฺ ภรรยาของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งท่านหญิงอาอิชะฮฺก็เป็นศ่อฮาบียะฮฺของท่านนบี
ดังกล่าวนี้ นับว่าท่านหญิงอัสมาอ์ได้รับความโปรดปรานอย่างมากจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาที่นอกจากจะได้เป็นหนึ่งในบรรดาศ่อฮาบียะฮฺแล้ว ยังมีสายสัมพันธ์กับศ่อฮาบะฮฺมากมายหลายท่าน ซึ่งความสำคัญของบรรดาศ่อฮาบะฮฺก็คือ
♥ เป็นกลุ่มชนที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงรับรองว่าเป็นกลุ่มชนที่ดีที่สุดรองจากบรรดานบีของพระองค์
♥ เป็นกลุ่มชนที่เป็นมุอ์มินรุ่นแรกๆที่ชีวิตของพวกท่านได้มีความสนิทสนม เป็นมิตรชิดใกล้ ได้พบปะ ได้พูดคุย ได้ถามปัญหาเรื่องราวต่างๆจากท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
♥ เป็นผู้ที่เชื่อฟังเชื่อมั่นในคำสอนของท่านนบีโดยไม่ชักช้า เมื่อท่านนบีบอกสิ่งใด สอนสิ่งใด บรรดาศ่อฮาบะฮฺจะเชื่อฟังและปฏิบัติตามโดยทันทีทันใด ไม่มีข้อกังขา ไม่มีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นพยานในการลงวะฮีย์
♥ เป็นผู้ที่ได้รับความรู้ความเข้าใจในอัลกุรอานและอัลหะดีษอย่างดี เป็นผู้ที่เสียสละชีวิตและทรัพย์สินในหนทางของอัลลอฮฺ และช่วยเหลือท่านนบีในการเผยแผ่อัลอิสลาม และเสียชีวิตในสภาพที่เป็นมุอ์มิน
ท่านหญิงอัสมาอ์ เข้ารับอิสลามเป็นคนที่สิบเจ็ด ในขณะที่อายุ 14 ปี ท่านได้รับการขนานนามว่า ซาตุน นิฏอก็อยนฺ ذات النطاقين หมายถึง หญิงที่มีผ้าคาดเอวสองชิ้น อันเนื่องมาจากว่า ในช่วงที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเผยแผ่อิสลาม ได้รับการต่อต้านอย่างหนักจากพวกกุฟฟารมุชริกีนมักกะฮฺ จนกระทั่งพวกเขามีแผนการจะสังหารท่านนบี ...อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาจึงทรงมีคำสั่งให้ท่านนบีเดินทางออกจากมักกะฮฺ โดยท่านนบีเดินทางพร้อมกับท่านอบูบักร ท่านหญิงอัสมาอ์จึงได้คอยช่วยเหลือโดยการเป็นผู้ที่ตระเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม สัมภาระให้กับท่านนบีและท่านอบูบักร ในช่วงที่จะผูกถุงสัมภาระ ท่านก็หาเชือกที่เหมาะๆไม่เจอ ท่านก็เลยได้ฉีกผ้าคาดเอวของท่านเป็นสองชิ้น สำหรับนำมาผูกถุงสัมภาระ จึงเป็นที่มาของชื่อดังกล่าว
ในขณะที่ท่านนบีและท่านอบูบักรหลบภัยอยู่ที่ถ้ำนั้น ท่านหญิงอัสมาอ์ได้คอยทำหน้าที่คอยส่งอาหารให้แก่ท่านนบีและท่านอบูบักร โดยที่ท่านหญิงต้องทำอย่างลับๆ ไม่ให้พวกกุฟฟารล่วงรู้ ครั้งหนึ่งอบูญะฮัล ศัตรูของมุสลิมได้มาหาท่านหญิงที่บ้าน ถามถึงท่านอบูบักรว่าอยู่ที่ไหน ท่านหญิงตอบว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ อบูญะฮัลจึงยกมือขึ้นตีหน้าท่านหญิง จนกระทั่งต่างหูของท่านหลุดไปข้างหนึ่ง แสดงว่า ท่านหญิงต้องโดนตีอย่างแรง แต่ท่านหญิงก็มีความอดทน ไม่ปริปากบอก เพราะเกรงว่า อันตรายจะเกิดกับท่านนบีและคุณพ่อของท่าน
ท่านหญิงอัสมาอ์ได้แต่งงานกับท่านอัซซุบัยร์น ซึ่งในตอนแรกนั้นท่านอัซซุบัยร์ไม่มีสมบัติอะไร นอกจากม้า ท่านหญิงก็จะคอยดูแลให้อาหารม้าเหล่านั้นด้วยตัวเอง ท่านจะคอยช่วยเหลืองานต่างๆเพื่อแบ่งเบาภาระในครอบครัว และคอยสนับสนุนในการทำงานรับใช้ศาสนาของท่านอัซซุบัยร์ โดยที่ภายหลังอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาก็ได้ประทานริสกีให้แก่ทั้งสองท่านให้มีฐานะดีขึ้น
ในขณะที่อพยพจากมักกะฮฺไปยังมะดีนะฮฺ ท่านหญิงกำลังตั้งครรภ์ เมื่อไปถึงที่กุบาอ์ ก็ได้คลอดลูกชายชื่อว่า อับดุลลอฮฺ ซึ่งถือเป็นทารกคนแรกของชาวมุฮาญิรีน
ท่านหญิงอัสมาอ์เสียชีวิตเมื่ออายุครบ 100 ปี โดยที่ฟันของท่านยังอยู่ครบ และสติสัมปชัญญะของท่านก็ไม่เคยเลอะเลือนเลย
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย เรื่องราวข้างต้นที่นำมาเสนอนั้น เป็นเพียงเศษเสี้ยวชีวิตเล็กๆน้อยๆของศ่อฮาบียะฮฺ หรือศ่อฮาบะฮฺหญิงท่านหนึ่งเท่านั้น ที่แสดงให้เราเห็นถึงความอดทน ความกล้าหาญ ความเข้มแข็ง มีใจเด็ดเดี่ยว มอบชีวิตให้กับการช่วยเหลือในการเผยแผ่อิสลาม เป็นลูกที่ช่วยเหลือพ่อในเรื่องราวของศาสนา เป็นภรรยาที่สนับสนุนเคียงข้างสามีในเรื่องราวของศาสนา เป็นแม่ที่เลี้ยงลูกให้มีความมั่นคงในศาสนา เมื่อเห็นลูกถูกฆ่าในสนามรบ หัวใจของท่านก็ต้องเสียใจ ทุกข์โศก แต่ท่านก็อดทน
ท่านหญิงเป็นศ่อฮาบียะะฮฺที่รอบๆตัวท่านรายล้อมไปด้วยศ่อฮาบะฮฺและศ่อฮาบียะฮฺที่มีความรักต่อศาสนา ช่วยเหลืองานศาสนา นับเป็นชีวิตที่มีบะร่อกะฮฺ เป็นแบบอย่างที่สมควรให้ทำตาม เป็นกลุ่มคนที่เป็นศ่อฮาบะฮฺ เป็นกลุ่มคนที่เราต้องรักและให้เกียรติ เพราะการรักและให้เกียรติบรรดาศ่อฮาบะฮฺของท่านนบีถือเป็นส่วนหนึ่งของหลักการศรัทธาของชาวอะฮฺลุซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ ที่เราจะต้องยึดมั่นศรัทธา และเราจะต้องไม่นำความผิดพลาดซึ่งเป็นความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ของบรรดาศ่อฮาบะฮฺมาประจาน มาประนาม มาใส่ร้ายป้ายสี นำมาสบประมาทเป็นอันขาด
อัลหะดีษในบันทึกของอิมามอัลบุคอรีย์และอิมามมุสลิม รายงานจากท่าน อบีหุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า
لاَ تَسُبُّوا أَصْحَابِي لاَ تَسُبُّوا أَصْحَابِي فَوَ الَّذِي نَفْسِي بِيَدِهِ لَوْ أَنَّ أَحَدَكُمْ أَنْفَقَ مِثْلَ أُحُدٍ ذَهَبًا مَا أَدْرَكَ مُدَّ أَحَدِهِمْ وَلاَ نَصِيفَهُ
“พวกท่านอย่าได้ด่าทอ อย่าประนาม อย่าประจานบรรดาศ่อฮาบะฮฺของฉัน ฉันขอสาบานต่อผู้ที่ตัวของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์( ก็คือ ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ )ว่า
ถึงแม้คนหนึ่งคนใดก็ตามในหมู่พวกท่านได้บริจาคทองคำเท่าภูเขาอุฮุด มันก็ยังไม่เท่ากับหนึ่งมุดของคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเขา และแม้แต่เพียงครึ่งมุด(ก็ยังไม่เท่า)”
นั่นก็หมายความว่า ต่อให้เราๆบริจาคทองคำที่มีค่า มีราคาแพงจำนวนเท่ากับภูเขาอุฮุด ซึ่งเป็นภูเขาที่มีขนาดสูงใหญ่และยาวมาก บริจาคอย่างมากเหลือเกิน มันก็ยังมีค่าไม่เท่ากับที่บรรดาศ่อฮาบะฮฺได้บริจาคไว้เพียงครึ่งกำมือหรือหนึ่งกำมือ
ดังนั้น ใครผู้ใดก็ตามที่ด่าทอ เย้ยหยัน หรือทำการใดๆก็ตามในลักษณะทำนองนี้ที่เป็นการไม่ให้เกียรติ ดูหมิ่นบรรดาศ่อฮาบะฮฺของท่านนบีก็ถือว่า ไม่ใช่บรรดาผู้ที่ยืนหยัดในแนวทางของท่านนบี และพวกเขาจะถูกถือว่าเป็นชาวบิดอะฮฺ
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย ส่วนใหญ่ของบรรดาศ่อฮาบะฮฺของท่านนบี มีชีวิตอยู่ในช่วงเยาวชนแทบทั้งสิ้น ที่อายุมากสุดก็ประมาณไม่เกิน 40 ปีคือ ท่านอบูบักร อัศศิดดิ๊ก ที่มีอายุเพียง 36 ปี ตรงนี้จึงอยากจะชี้ให้เยาวชนได้เห็นถึงความสำคัญของช่วงวัยนี้ของตนเอง อยากให้ทราบว่าในอดีต บรรพชนคนต้นแบบแห่งอิสลามได้ใช้ชีวิตในช่วงเยาวชนของเขาไปกับการยืนหยัดอยู่ในแนวทางของอิสลาม เชื่อฟังคำสั่งสอนของท่านนบีอย่างเคร่งครัด ใช้ชีวิตอยู่กับการเผยแผ่อิสลาม ต่อสู้กับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ทำสิ่งสำคัญมากมาย และให้เราได้ใคร่ครวญว่า ควรปฏิบัติตัวเช่นไรในช่วงวัยนี้ของตนเอง เราสามารถศึกษาหาความรู้ว่าเศาะฮาบะฮฺแต่ละท่านดำเนินชีวิตอย่างไร และสามารถนำท่านเหล่านั้นมาเป็นต้นแบบของเราได้อย่างสบายใจ
เราเป็นศ่อฮาบะฮฺไม่ได้ แต่เราเป็นมุอ์มินได้ เราสร้างตัวเราให้เป็นมุอ์มิน เลือกแต่งงานกับมุอ์มิน มีลูกมีหลาน เราก็เลี้ยงเขาให้เป็นมุอ์มิน ถ้าเราทำได้อย่างนี้ จะทำให้รอบๆตัวเราก็จะมีแต่มุอ์มิน อินชาอัลลอฮฺ ดั่งเช่นที่ท่านหญิงอัสมาอ์เป็นศ่อฮาบียะฮฺและรอบๆตัวท่านก็รายล้อมไปด้วยบรรดาศ่อฮาบะฮฺและศ่อฮาบียะฮฺ
สุดท้ายนี้ ขออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาประทานชีวิตที่ดีงามให้เราทุกคน ทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺ
คุตบะฮ์ มัสญิดดารุ้ลอิห์ซาน