วิธีเข้าใกล้ชิดอัลลอฮ์
  จำนวนคนเข้าชม  5026


วิธีเข้าใกล้ชิดอัลลอฮ์ 

แปลเรียบเรียง .อาบีดีน พัสดุ

 

﴿ وَاعْبُدْ رَبَّكَ حَتَّى يَأْتِيَكَ الْيَقِينُ

 

          แท้จริงอัลลอฮฺทรงบังเกิดมนุษย์เพื่ออิบาดะฮฺต่อพระองค์ และพระองค์ทรงส่งบรรดาร่อซู้ลมายังพวกเรา เพื่อสอนวิธีการที่จะเข้าใกล้ชิดองค์อภิบาลของพวกเรา พระองค์ประทานบรรดาคัมภีร์ เพื่อให้พวกเราได้ใช้คัมภีร์เหล่านั้นเป็นทางนำในการดำเนินชีวิต บนแนวทางแห่งคัมภีร์ และประพฤติปฏิบัติตามโองการแห่งคัมภีร์ และพระองค์ทรงปิดท้ายคัมภีร์เหล่านั้น ด้วยคัมภีร์ที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือ อัลกุรอ่าน 

อัลลอฮฺ ตรัสว่า

 

(لَقَدْ مَنَّ اللَّهُ عَلَى الْمُؤْمِنِينَ إِذْ بَعَثَ فِيهِمْ رَسُولًا مِنْ أَنْفُسِهِمْ يَتْلُو عَلَيْهِمْ آيَاتِهِ وَيُزَكِّيهِمْ وَيُعَلِّمُهُمُ الْكِتَابَ وَالْحِكْمَةَ وَإِنْ كَانُوا مِنْ قَبْلُ لَفِي ضَلَالٍ مُبِينٍ)[آل عمران: 164].

 

     “แน่นอนยิ่ง อัลลอฮฺนั้นทรงมีพระคุณแก่ผู้ศรัทธาทั้งหลาย โดยที่พระองค์ได้ทรงส่งร่อซู้ลคนหนึ่ง จากพวกเขาเองมาในหมู่พวกเขาโดยที่เขาจะได้อ่านบรรดาโองการของพระองค์ให้พวกเขาฟัง และจะทำให้พวกเขาสะอาดและจะสอนคัมภีร์ และความรู้เกี่ยวกับข้อปฏิบัติในบัญญัติศาสนาแก่พวกเขาด้วย และแท้จริงเมื่อก่อนนั้นพวกเขาเคยอยู่ในความหลงผิดอันชัดแจ้ง

 

          บรรดาผู้มีอีหม่านทั้งหลาย แท้จริงวันคืนมันได้ผ่านไป ปีแล้วปีเล่า และการเวลานั้นไม่เคยหยุดนิ่ง แต่ละคนในหมู่พวกเรา ย่อมไม่รู้ว่าเมื่อใดที่วาระสุดท้ายจะมาถึง เพื่อที่เขาจะเดินทางจากโลกดุนยาที่จะต้องสูญสลาย และช่วงเวลาที่จะต้องหมดไป 

อัลลอฮฺ ตรัสว่า

 

(وَمَا تَدْرِي نَفْسٌ مَاذَا تَكْسِبُ غَدًا وَمَا تَدْرِي نَفْسٌ بِأَيِّ أَرْضٍ تَمُوتُ إِنَّ اللَّهَ عَلِيمٌ خَبِيرٌ)[لقمان: 34]،

 

     “และไม่มีชีวิตใดรู้สิ่งที่มันจะหามาได้ในวันรุ่งขึ้น และไม่มีชีวิตใดรู้ว่า แผ่นดินใดมันจะตาย แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดถี่ถ้วน

 

          และหลังจากความตายแล้ว คงไม่มีการงานใดที่คนๆ หนึ่งจะสามารถกระทำได้ จะไม่มีสิ่งใดสำหรับเขานอกจากสิ่งที่เขาได้ตระเตรียมเอาไว้ก่อนความตาย ส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหลัง อาจจะให้ประโยชน์แก่เขา หรืออาจจะหลงลืมเขาก็ได้ นี่คือเรื่องที่เป็นปรกติ  เพราะฉะนั้น ฉันขอสั่งเสียแก่พวกท่าน รวมถึงตัวฉันเอง ด้วยการเพียรพยายามในการภักดีต่ออัลลอฮฺ และการประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่นำสู่การใกล้ชิดพระองค์

     หากมีคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า ฉันจะต้องใช้ชีวิตอย่างไร เพื่อที่จะได้รู้ว่าฉันดำเนินอยู่ในหนทางที่ถูกต้อง ?

     คำตอบก็คือ เรื่องราวเหล่านี้มีปรากฏอยู่ในอัลกุรอ่าน และอัซซุนนะฮฺ 

อัลลอฮฺ ตรัสว่า

 

(وَمَا آتَاكُمُ الرَّسُولُ فَخُذُوهُ وَمَا نَهَاكُمْ عَنْهُ فَانْتَهُوا وَاتَّقُوا اللَّهَ إِنَّ اللَّهَ شَدِيدُ الْعِقَابِ)[الحشر: 7]،

 

     “และอันใดที่ร่อซู้ลได้นำมายังพวกเจ้า ก็จงยึดเอาไว้ และอันใดที่ท่านได้ห้ามปรามพวกเจ้า ก็จงละเว้นเสีย พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเข้มงวดในการลงโทษ

 

          จากท่านอบีฮุร็อยเราะฮฺ  เล่าว่า ฉันได้ยินท่านร่อซู้ลุ้ลลอฮฺ  กล่าวว่า 

 

   "مَا نَهَيْتُكُمْ عَنْهُ، فَاجْتَنِبُوهُ وَمَا أَمَرْتُكُمْ بِهِ فَافْعَلُوا مِنْهُ مَا اسْتَطَعْتُمْ" (مُتَّفَقٌ عَلَيْهِ).

 

     “สิ่งใดที่ฉันห้ามปรามพวกท่าน พวกท่านก็จงออกห่างจากมันเสีย และสิ่งใดที่ฉันสั่งใช้พวกท่าน พวกท่านก็จงกระทำมันตามความสามรถของพวกท่าน

 

          โอ้บรรดามุสลิมทั้งหลาย บรรดาหลักฐานอันทรงเกียรตินี้ ได้บรรยายถึงแนวทางในการดำเนินชีวิตของพวกเรา และนำสู่สวนสวรรค์ขององค์อภิบาลของพวกเรา  ฉันของวิงวอนต่ออัลลอฮฺ ให้พระองค์ทรงให้ฉันและพวกท่านเป็นส่วนหนึ่งของชาวสวรรค์ และขอพระองค์ทรงให้พวกเราและบรรดามุสลิมจบชีวิตด้วยการงานที่ดี

 

          ดังนั้น ขอให้พวกเราออกห่างจากสิ่งต้องห้ามทั้งหลาย การตั้งภาคี การอุตริกรรม และการฝ่าฝืน หลังจากนั้น ให้เราพยายามกระทำในสิ่งที่ถูกสั่งใช้ อย่างสุดความสามารถ  และหากไม่มีความสามารถกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ โดยที่สิ่งนั้นมีสิ่งที่มาทดแทน ก็ให้กระทำสิ่งที่ทดแทน แต่หากไม่มีสิ่งที่จะมาทดแทน ก็ถือว่าตกไป

 

(لَا يُكَلِّفُ اللَّهُ نَفْسًا إِلَّا وُسْعَهَا).

 

อัลลอฮฺจะไม่ทรงบังคับชีวิตหนึ่งชีวิตใด นอกจากตามความสามารถของชีวิตนั้นเท่านั้น

 

          และพวกท่านทั้งหลายพึงทราบเถิดว่า แท้จริงพวกเราได้ถูกสั่งใช้ อันดับแรกคือการกระทำและให้มีขึ้นซึ่งสิ่งที่เป็นฟัรฎู และหลังจากนั้นจึงเพิ่มเติมด้วยสิ่งที่เป็นสุนัตทั้งหลาย จากท่าน อบีฮุร็อยเราะฮฺ เล่าว่า ท่านร่อซู้ล กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮ์ ตรัสว่า

 

"إِنَّ اللَّهَ قَالَ: مَنْ عَادَى لِي وَلِيًّا فَقَدْ آذَنْتُهُ بِالحَرْبِ، وَمَا تَقَرَّبَ إِلَيَّ عَبْدِي بِشَيْءٍ أَحَبَّ إِلَيَّ مِمَّا افْتَرَضْتُ عَلَيْهِ، وَمَا يَزَالُ عَبْدِي يَتَقَرَّبُ إِلَيَّ بِالنَّوَافِلِ حَتَّى أُحِبَّهُ، فَإِذَا أَحْبَبْتُهُ: كُنْتُ سَمْعَهُ الَّذِي يَسْمَعُ بِهِ، وَبَصَرَهُ الَّذِي يُبْصِرُ بِهِ، وَيَدَهُ الَّتِي يَبْطِشُ بِهَا، وَرِجْلَهُ الَّتِي يَمْشِي بِهَا، وَإِنْ سَأَلَنِي لَأُعْطِيَنَّهُ، وَلَئِنِ اسْتَعَاذَنِي لَأُعِيذَنَّهُ"(رَوَاهُ الْبُخَارِيُّ).

 

     “ผู้ใดก็ตามที่เป็นปรปักษ์กับคนรักของข้า แท้จริงข้าได้ประกาศสงครามกับเขา 

     และไม่มีสิ่งใดที่บ่าวของข้า ได้ปฏิบัติเพื่อให้ใกล้ชิดกับข้า ที่ข้าจะรักยิ่งกว่าสิ่งที่ข้าได้กำหนดเป็นศาสนบังคับ (ฟัรฎู)เหนือเขา 

     และบ่าวของข้าจะยังคงปฏิบัติเพื่อให้ใกล้ชิดกับข้าด้วยกับสิ่งที่เป็นสุนัตต่างๆ จนกระทั่งข้ารักเขา 

     และเมื่อใดที่ข้ารักเขา ข้าจะเป็นหูของเขาที่เขาใช้ฟัง เป็นดวงตาของเขาที่เขาใช้มอง เป็นมือของเขาที่เขาใช้หยิบจับ และเป็นเท้าของเขาที่เขาใช้เดิน 

     และหากเขาวิงวอนขอต่อข้า แน่นอนข้าจะประทานให้แก่เขา และหากเขาขอความคุ้มครองจากข้า ข้าก็ย่อมให้ความคุ้มครองแก่เขา

(หะดีษบันทึกโดยอัล-บุคอรีย์)

 

          ดังนั้นเราจะต้องรักษาหลักการที่เป็นรุก่นในศาสนาอิสลามของพวกเรา การให้เอกภาพต่ออัลลอฮฺ , การละหมาด , การจ่ายซะกาต และการทำฮัจย์ , เช่นเดียวกัน สิ่งที่อัลลอฮฺทรงให้เป็นหน้าที่เหนือพวกเรา การทำดีต่อบิดามารดา การเชื่อมต่อเครือญาติ  การดูแลเอาใจใส่ต่อภรรยาและลูกๆ  และเหล่านี้คือการงานที่จะนำสู่การใกล้ชิดต่อองค์อภิบาลแห่งชั้นฟ้าและผืนแผ่นดิน  หลังจากนั้น เราจึงเพิ่มเติมด้วย สุนัตต่างๆ ที่ได้มีหลักฐานทางบทบัญญัติ ยืนยันในการส่งเสริมให้กระทำ

 

     มาเถิดพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย เพื่อเราจะได้กล่าวถึงส่วนหนึ่งจากสุนัตที่ผู้เป็นมุสลิมควรกระทำ

 

          ประการแรก ละหมาดสุนัตต่างๆ รักษาการละหมาดซุนนะฮฺอัรร่อวาติบของการละหมาดฟัรฏูห้าเวลา จากอุมมิ ฮะบีบะฮฺ มารดาของบรรดาผู้ศรัทธา ภรรยาของท่านนบี  เล่าว่า ฉันได้ยินท่านร่อซู้ล กล่าวว่า

 

"مَنْ صَلَّى اثْنَتَا عَشْرَةَ رَكْعَةً فِي يَوْمٍ وَلَيْلَةٍ بُنِيَ لَهُ بِهِنَّ بَيْتٌ فِي الْجَنَّةِ"(رَوَاهُ مُسْلِمٌ)،

 

     “ผู้ใดละหมาดในวันหนึ่งกับคืนหนึ่งสิบสองร็อกอะฮฺ บ้านหลังหนึ่งจะถูกสร้างให้แก่เขาในสวรรค์ อันเนื่องจากการละหมาดเหล่านั้น

 

وَفِي رِوَايَةٍ لِلتِّرْمِذِيِّ؛ "أَرْبَعًا قَبْلَ الظُّهْرِ وَرَكْعَتَيْنِ بَعْدَهَا، وَرَكْعَتَيْنِ بَعْدَ الْمَغْرِبِ، وَرَكْعَتَيْنِ بَعْدَ الْعِشَاءِ، وَرَكْعَتَيْنِ قَبْلَ صَلَاةِ الْفَجْرِ"

 

และในการบันทึกของ อัตติรมิซี่ยฺ 

 

     “สี่ร็อกอะฮฺก่อนละหมาดซุฮฺรี่ สองร็อกอะฮฺหลังซุฮฺรี่ , สองร็อกอะฮฺหลังละหมาดมัฆริบ , สองร็อกอะฮฺหลังละหมาดอิชาอฺ , และสองร็อกอะฮฺก่อนละหมาดฟะยัร (ละหมาดซุบฮิ)”

 

          เช่นเดียวกัน รักษาการละหมาด ฎุฮา เพราะได้มีแนวทางซุนนะฮฺบ่งบอกถึงการละหมาดฎุฮา , จากท่านเซด บิน อัรก็อม ร่อฎิฯ ท่านร่อซู้ล  กล่าวว่า

 

"صَلَاةُ الْأَوَّابِينَ حِينَ تَرْمَضُ الْفِصَالُ"(رَوَاهٌ مُسْلِمٌ).

 

การละหมาดเอาวาบีน (ละหมาดฎุฮา) คือละหมาดในขณะที่ลูกอูฐหลบทรายร้อน

 

          และเช่นเดียวกัน การรักษาการละหมาดในยามค่ำคืน เพราะเป็นแนวทางของบรรดาร่อซู้ล ,บรรดาคนดีต่างปฏิบัติ และเป็นเกียรติของบรรดาบ่าวผู้มีอีหม่านของอัลลอฮฺ อัลลอฮฺ ตรัสว่า

 

(كَانُوا قَلِيلًا مِنَ اللَّيْلِ مَا يَهْجَعُونَ * وَبِالْأَسْحَارِ هُمْ يَسْتَغْفِرُونَ)

 

     “พวกเขาเคยหลับนอนแต่เพียงส่วนน้อยของเวลากลางคืน และในยามรุ่งสางพวกเขาขออภัยโทษ (ต่อพระองค์)”

 

     จากท่าน ซะฮัล บิน สะดฺ  เล่าว่า ญิบรีลได้มาหาท่านนบี และกล่าวว่า 

 

"يَا مُحَمَّدُ، عِشْ مَا شِئْتَ فَإِنَّكَ مَيِّتٌ، وَاعْمَلْ مَا شِئْتَ فَإِنَّكَ مَجْزِيٌّ بِهِ، وَأَحْبِبْ مَنْ شِئْتَ فَإِنَّكَ مُفَارِقُهُ، وَاعْلَمْ أَنَّ شَرَفَ الْمُؤْمِنِ قِيَامُ اللَّيْلِ، وَعِزِّهُ اسْتِغْنَاؤُهُ عَنِ النَّاسِ"(رَوَاهُ الْحَاكِمُ وَصَحَّحَهُ الْأَلْبَانِيُّ).

 

     “โอ้มุฮัมมัด จงใช้ชีวิตในโลกนี้ตามที่ท่านต้องการเถิด เพราะอย่างไรท่านก็จะต้องตาย จงทำในสิ่งที่ท่านต้องการเถิด

     อย่างไรท่านก็จะต้องถูกตอบแทนในสิ่งที่กระทำ และท่านจงรักกับบุคคลที่ท่านจะรักเถิด เพราะอย่างไรท่านก็จะต้องแยกจากเขา ,

     พึงรู้เถิดว่า เกียรติของผู้ศรัทธาคือกิยามุลลัยลฺ (การละหมาดยามค่ำคืน) และศักดิ์ศรีของผู้ศรัทธาคือความเพียงพอของเขาต่อการร้องขอจากผู้อื่น

 

          บรรดามุอฺมินทั้งหลาย และจากสิ่งที่ควรเอาใจใส่ คือ คำกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺ , เพราะเป็นอิบาดะฮฺที่ง่ายที่สุด แต่เป็นการใกล้ชิดที่สำคัญยิ่ง 

อัลลอฮฺ ตรัสว่า

 

(يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا اذْكُرُوا اللَّهَ ذِكْرًا كَثِيرًا * وَسَبِّحُوهُ بُكْرَةً وَأَصِيلًا)[الأحزاب:41- 42]

 

     “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงรำลึกถึงอัลลอฮฺโดยการรำลึกอย่างมากมาย และจงแซ่ซ้องสดุดีพระองค์ทั้งยามเช้าและยามเย็น

 

     จากท่านอับดุลลอฮฺ บิน บุสรฺ  อาหรับชนบทคนหนึ่งได้กล่าวแก่ท่านนบีว่า

 

"إِنَّ شَرَائِعَ الْإِسْلَامِ قَدْ كَثُرَتْ عَلَيَّ، فَأَنْبِئْنِي مِنْهَا بِشَيْءٍ أَتَشَبَّثُ بِهِ، قَالَ: "لَا يَزَالُ لِسَانُكَ رَطْبًا مِنْ ذِكْرِ اللَّهِعَزَّ وَجَلَّ-"(رَوَاهُ أحَمْدَ وَصَحَحَّهُ الْأَلْبَانِيّ).

 

     “แท้จริงแล้วบทบัญญัติของอิสลามนั้นดูมากมายแก่ฉันเหลือเกิน ดังนั้นขอท่านชี้แนะสิ่งหนึ่งที่ฉันจะได้ใช้ยึดมั่นกับมันด้วยเถิด 

     ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ตอบว่า "จงให้ลิ้นของท่านเปียกชุ่มด้วยการกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺอยู่เสมอ"

 

         และจากคำรำลึก คือคำกล่าวหลังจากละหมาดฟัรฏูห้าเวลา , คำกล่าว (ดุอา) ยามเช้าและยามเย็น , คำกล่าวก่อนนอน , คำกล่าวในช่วงเวลาต่างๆของการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน , เช่นเมื่อจะเข้า จะออก จะลง , ซึ่งมีหนังสือที่ได้รวบรวมคำรำลึกเหล่านั้น และหนังสือที่ถือว่าเป็นหนังสือที่ดีอีกเล่มหนึ่ง คือหนังสือ หิษนุ้ลมุสลิม ของเชค ซาอีด บิน วะฮฺฟิน อัลกอหฺตอนี่ ขออัลลอฮฺทรงปกปักษ์รักษาเขา , จึงควรซื้อหาหนังสือเล่มนี้มาให้ตัวท่านเองซักเล่มหนึ่ง ซื้อให้กับสมาชิกในครอบครัว และคนที่ท่านรัก เพื่อที่พวกเขาจะได้หมั่นกล่าวคำรำลึกเหล่านั้น

 

 

คุตบะห์วันศุกร์