เจตนาบริสุทธิ์ ทั้งที่เปิดเผยและซ่อนเร้น
  จำนวนคนเข้าชม  5835

บทที่ว่าด้วยเจตนาบริสุทธิ์ และการสร้างเจตนาบริสุทธิ์
ให้เกิดขึ้นในการกระทำ คำพูด และในทุกสถานการณ์ ทั้งที่เปิดเผยและซ่อนเร้น

เล่าจากอะมีริ้ลมุมินีน อะบีฮัฟซ์ อุมัร บุตรค๊อตตอบ บุตร นุฟัยล์ บุตร อับดิ้ลอุซซา บุตร ริยาฮ์ บุตรอับดิ้ลลาฮ์ บุตร กุรต์ บุตร รอซาฮ์ บุตร อะดีย์ บุตร กะอับ บุตร ลุอัยย์ บุตร ฆอลิบ เผ่ากุรอยช์ ตระกูลอะดะวีย์ ได้กล่าวว่า :
ข้าพเจ้าได้ยินรอซูลุลลอฮ์ กล่าวว่า :
 
              “การกระทำความดีต่างๆนั้น ขึ้นอยู่กับการตั้งเจตนา และทุกคนจะได้รับสิ่งที่ตนได้ตั้งเจตนาไว้ ดังนั้นผู้ใดที่การอพยพของเขามีเจตนาไปสู่อัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์ การอพยพของเขาก็ไปสู่เขาก็ไปสู่อัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์ และผู้ใดที่การอพยพของเขามีเจตนาเพื่อโลกนี้ เขาก็จะประสพกับมัน หรือมีเจตนาเพื่อผู้หญิง เขาก็จะได้แต่งงานกับผู้หญิงนั้น ดังนั้นการอพยพของเขาจะไปสู่สิ่งที่เขาอพยพไปสู่มัน”
 

เห็นพ้องกันว่าเป็นฮะดีษซอเฮียะฮ์  รายงานโดยสองผู้นำของนักวิชาการฮะดีษ คือ : อะบูอับดิลลาห์ มุฮัมหมัด บุตรอิสมาอีล บุตรอิบรอฮีม บุตรอัลมุฆีเราะห์ บุตรบัรดิซบะห์ อัลยัวะอฺฟีย์ อัลบุคอรีย์ และ อะบุ้ลฮุเซน มุสลิม บุตร อัลฮัจญาจ บุตรมุสลิม อัลกุชัยรีย์ อันนัยซาบูรีย์ ขอพระองค์อัลเลาะห์ทรงพอพระทัยในบุคคลทั้งสอง
ฮะดีษนี้อยู่ในหนังสือซอเฮียะฮ์ของท่านทั้งสองซึ่งเป็นหนังสือประเภทเรียบเรียงที่มีความถูกต้องที่สุด


เล่าจากอุมิลมุอฺมินีน อุมมิอับดิ้ลลาห์ อาอิชะห์  ว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์ ได้กล่าวว่า:

จะมีกองทหารหนึ่งบุกจู่โจม อัลกะอฺบะห์ เมื่อพวกเขาออกไปในแผ่นดินที่เป็นที่โล่ง ธรณีจะสูบตั้งแต่คนแรกจนคนสุดท้ายของพวกเขา

อาอิชะห์กล่าวว่า : ฉันได้ถามว่า :

โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ ธรณีจะสูบตั้งแต่คนแรกจนคนสุดท้ายของพวกเขาได้อย่างไรทั้งที่ในหมู่พวกเขามีชาวตลาด และบุคคลที่ไม่ใช่เป็นพวกกองทหารอยู่ด้วย ?

ท่านตอบว่า :

ธรณีจะสูบตั้งแต่คนแรกจนคนสุดท้ายของพวกเขา แล้วพวกเขาจะถูกบังเกิดขึ้นมาตามสภาพที่พวกเขาตั้งเจตนาไว้

รายงานโดยบุคอรีย์และมุสลิม (ฮะดีษนี้เป็นสำนวนของบุคอรีย์) 
 


เล่าจากอะบีอับดิ้ลลาห์ ญาบิร บุตร อับดิ้ลลาห์ อัลอันซอรีย์  ว่า : พวกเราอยู่กับท่านนบี  ในสงครามครั้งหนึ่ง ท่านกล่าวว่า :
         "ความจริงในมะดีนะห์มีผู้ชายหลายคนที่ไม่ว่าพวกท่านจะเดินทางไประยะทางเท่าใด และตัดทางเข้าไปในหุบเขาใด นอกจากพวกเขาจะร่วมอยู่กับพวกท่านด้วย สิ่งที่ขัดขวางพวกเขาไม่ให้พวกเขาเดินทาง ก็คือความเจ็บป่วย และในรายงานหนึ่งว่า “นอกจากพวกเขาจะได้รับผลบุญร่วมกับพวกท่านด้วย”

รายงานโดยมุสลิม



เล่าจากอะบียะซีด มะอัน บุตร ยะซีด บุตร อัลอัคนัส  ซึ่งทั้งตัวเขา บิดาและปู่ของเขาต่างก็เป็นซอฮาบะห์ ว่า :

ยะซีดบิดาของฉันได้นำเหรียญทองออกมาเพื่อบริจาค โดยได้นำมันไปวางไว้ที่ผู้ชายคนหนึ่งในมัสยิด ฉันได้มาหยิบมันไป และได้เอามันไปหาบิดาของฉัน บิดาของฉันกล่าวว่า สาบานต่ออัลเลาะห์ ฉันไม่ต้องการจะให้เจ้า ฉันจึงได้โต้เถียงกับเขา แล้วพากันไปหาท่านรอซูลุลลอฮ์ 

ท่านได้กล่าวว่า :

 ยะซีดเอ๋ย ท่านได้รับสิ่งที่ท่านได้เจตนาไว้แล้ว และมะอันเอ๋ย เจ้าก็ได้สิ่งที่เจ้าได้หยิบเอาไปเช่นกัน

รายงานโดยบุคอรีย์



เล่าจากอบีฮุรอยเราะห์ อับดิรเราะห์มาน บุตร ซอคร์  ว่า : ท่านรอซูลุลลอฮ์  ได้กล่าวว่า :

แท้จริงอัลเลาะห์จะไม่มองไปที่เรือนกายของพวกท่าน และไม่มองไปที่รูปร่างของพวกท่าน แต่พระองค์จะมองไปที่หัวใจ

รายงานโดยมุสลิม


เล่าจากอบีมูซา อับดิลลาห์ บุตรกอยส์ อัลอัชอะรีย์  ว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์  ถูกถามถึงชายคนหนึ่งที่ทำสงครามเพราะความกล้าหาญ ชายที่ทำสงครามเพื่อพวกพ้อง และชายที่ทำสงครามเพื่อชื่อเสียง คนใดที่อยู่ในแนวทางของอัลเลาะห์ ?

ท่านรอซูลุลลอฮ์  ตอบว่า :
 
"ผู้ใดที่ทำสงครามเพื่อให้พระคำ (ศาสนา) ของอัลเลาะห์สูงส่ง เขาผู้นั้นอยู่ในแนวทางของอัลเลาะห์"

รายงานโดยบุคอรีย์และมุสลิม



เล่าจากอบีฮุรอยเราะห์  ว่า : ท่านรอซูลุลลอฮ์   กล่าวว่า :

          "การที่คนหนึ่งละหมาดร่วมกับผู้อื่น ดีเกินกว่าที่เขาละหมาดตามลำพังในร้านและในบ้านของเขา ถึงยี่สิบกว่าขั้น ที่เป็นดังนี้เพราะคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเขาเมื่อได้อาบน้ำละหมาด และได้อาบน้ำละหมาดอย่างประณีต จากนั้นเขาได้มามัสยิดไม่ประสงค์ใดอื่นนอกจากละหมาดเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เขาออกมา นอกจากละหมาด เขาไม่ได้ก้าวเท้าหนึ่งก้าว นอกจากเขาจะถูกยกให้สูงขึ้นหนึ่งขั้น และลบความผิดออกจากเขาหนึ่งความผิด จนกว่าเขาจะเข้ามัสยิด และเมื่อเขาเข้ามัสยิดเท่ากับเขาอยู่ในละหมาด ตราบเท่าที่ละหมาดเป็นสิ่งเหนี่ยวรั้งเขาไว้ และมวลมะลาอิกะห์ จะวิงวอนขออภัยโทษให้แก่คนใดคนหนึ่งในหมู่พวกท่าน ตราบที่เขายังคงอยู่ในที่ที่เขาละหมาด โดยมะลาอิกะห์จะวิงวอนขอว่า “ข้าแต่อัลเลาะห์ได้โปรดเมตตาเขา อภัยโทษให้เขา ข้าแต่อัลเลาะห์ ได้โปรดรับการกลับตัวของเขา ตราบเท่าที่เขาไม่ได้ทำความเดือดร้อนในสถานที่นั้น ตราบเท่าที่เขายังไม่มีฮะดัษ (เสียน้ำละหมาด) ในสถานที่นั้น”

รายงานโดยบุคอรีย์และมุสลิม และฮะดีษนี้เป็นส่วนหนึ่งของมุสลิม


เล่าจากอะบิ้ลอับบาส อับดิ้ลลาห์ บุตรอับบาส บุตรอับดิ้ลมุตตอลิบ  จากท่านรอซูลุลเลาะหฺ  ในส่วนหนึ่งที่รายงานจากองค์อภิบาลของท่านผู้ทรงจำเริญและสูงส่งได้ทรงตรัสว่า :
            “แน่แท้อัลเลาะห์ได้ทรงกำหนดความดีและความชั่วไว้ และพระองค์ได้ทรงแจกแจงการดังกล่าว : ดังนั้นผู้ใดที่ตั้งใจทำความดี แต่ยังมิได้ลงมือกระทำ อัลเลาะห์ผู้ทรงจำเริญและสูงส่งจะบันทึกความดีนั้นไว้กับพระองค์ว่าเป็นความดีหนึ่งที่สมบูรณ์ และถ้าหากเขาตั้งใจทำความดี และได้ลงมือกระทำมัน อัลเลาะห์จะทรงบันทึกความดีนั้นเป็นสิบความดีถึงเจ็ดร้อยเท่าถึงทวีคูณมากมาย และถ้าหากเขาตั้งใจทำความชั่วแต่ยังไม่ได้ลงมือกระทำมัน อัลเลาะห์จะทรงบันทึกว่ามันเป็นความหนึ่งที่สมบูรณ์ และถ้าหากเขาตั้งใจทำความชั่วและได้ลงมือกระทำมัน อัลเลาะห์จะทรงบันทึกว่ามันเป็นความชั่วหนึ่ง”

รายงานโดยบุคอรีย์และมุสลิม



 

ที่มา: ริยาดุสซอลีฮีน


โดย อาจารย์ อรุณ บุญชม