ผู้นำแสนสมถะ
อุมัยร์ อิบนุสะอ์ด ถูกแต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่งผู้นำอยู่ที่เมืองฮิมศ์ได้หนึ่งปี ระหว่างนั้นเขาไม่ได้ส่งสารหาอุมัรซึ่งดำรงตำแหน่งอะมีรุลมุอฺมินีนเลย และไม่ได้ส่งภาษีประชาชนเข้ากองคลังสาธารณะแม้แต่ดิรฮัมหรือ ดีนารเดียว นั่นทำให้อุมัรเกิดความระแวงสงสัย เสียงกระซิบกระซาบดังแว่วในโสตประสาทท่านตลอด
อุมัรจึงตัดสินใจเขียนจดหมายไปถึงอุมัยร์ว่า “ถ้าสารฉบับนี้ของฉันไปถึงแล้ว ก็จงเดินทางมารายงานตัว และเอาภาษีของบรรดามุสลิมที่ท่านเก็บรวบรวมได้มาด้วย”
อุมัยร์ อิบนุสะอ์ด พับจดหมายเก็บ เขาหยิบย่ามมาใส่เสบียง ถาด ภาชนะ และแสงไฟนำทางของตนลงไป นำหอกติดมือไป แล้วขยับเท้ามุ่งหน้าเข้าสู่นครมะดีนะฮฺ อุมัยร์มาปรากฏตัวต่อหน้าอุมัรในสภาพของผู้มีผิวซีดจาง ร่างกายดูอิดโรย ผมเผ้ายุ่งเหยิง อันเป็นภาพลักษณ์ของคนที่เพิ่งเดินทางไกล
อุมัรมองดูอุมัยร์อย่างประหลาดใจ แล้วถามว่า “ทำไมสภาพของท่านจึงเป็นเช่นนี้?”
อุมัยร์ตอบว่า : ท่านเห็นสภาพฉันเป็นอย่างไรหรือ? ไม่ได้เห็นฉันแข็งแรง ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน ปล่อยตัวเองเริงร่าอยู่กับดุนยาหรอกหรือ?
อุมัรถามต่อว่า : ท่านนำอะไรมาบ้าง? อุมัรถามเพราะคิดว่า เขาคงนำเงินภาษีติดตัวมาด้วย
อุมัยร์ตอบว่า : ฉันเอากระเป๋าย่ามมา ข้างในมีเสบียง ถาดสำหรับรับประทานอาหาร ฉันใช้มันสระผมและซักเสื้อผ้า มีภาชนะสำหรับใส่น้ำดื่มและทำน้ำละหมาด ส่วนนี่เป็นหอกสำหรับใช้ยันกาย หรือป้องกันตัวจากศัตรู หากฉันต้องประสบกับพวกเขา ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ไม่มีอะไรที่เป็นดุนยาติดตัวฉันมา นอกจากสิ่งของพวกนี้
อุมัรถามต่อว่า : นี่ท่านเดินเท้ามาหรือ?
อุมัยร์ บอกว่า : ใช่ครับ
อุมัร กล่าวว่า : ไม่มีใครสักคนบริจาคพาหนะสักตัวให้ท่านขี่เลยหรือ?
อุมัยร์พูดว่า : ไม่มีครับ และฉันก็ไม่ได้ขอให้พวกเขาทำอย่างนั้นด้วย
อุมัรจึงกล่าวว่า : ผู้คนของท่านนี่แย่จริงๆ ท่านจากพวกเขามาในสภาพอย่างนี้ได้อย่างไร
อุมัยร์กล่าวเตือนว่า : อุมัร จงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด อัลลอฮฺห้ามท่านมิให้นินทา
อุมัรจึงถามต่อไปอีกเรื่องว่า : แล้วไหนล่ะ ทรัพย์ที่ท่านต้องนำมาจ่ายให้กองคลังกลาง?
อุมัยร์บอกว่า : ฉันไม่ได้เอามา
อุมัรถามขึ้นว่า : ทำไมล่ะ?
อุมัยร์กล่าวว่า : ตอนที่ท่านส่งฉันไปที่ฮิมศ์ ฉันเรียกรวมชาวเมืองที่ประพฤติดีน่าเชื่อถือ และมอบหมายให้คนเหล่านี้รวบรวมภาษี กระทั่งพวกเขารวมเสร็จ ฉันก็เก็บเงินภาษีจำนวนนั้นไว้ในที่ทางอันเหมาะสม ถ้าถึงคราวที่ท่านมีเรื่องต้องใช้ ฉันจะเอาเงินก้อนนั้นมาให้ท่านเอง
อุมัรจึงกล่าวกับคนเขียนสารประจำตัวท่านว่า : ช่วยร่างคำสั่งใหม่ ส่งตัวอุมัยร์ไปดูแลเมืองฮิมศ์อีกครั้ง
อุมัยร์ค้านขึ้นว่า : อย่าเลย อะมีรุลมุอฺมินีน ฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้ ฉันตั้งใจว่าจะไม่ทำงานให้ท่านหรือใครอีก
หลังจากนั้น เขาก็ขออนุญาตอุมัรลากลับไปอยู่บ้านของตนแถบชานเมืองมะดีนะฮฺ
อุมัรต้องการทดสอบอุมัยร์ ท่านเลยส่งชายคนหนึ่งชื่อ “ฮาริษ” ไปหาเขา อุมัรสั่งให้ฮาริษไปเป็นแขกขอพักอาศัยอยู่กับอุมัยร์ หากสังเกตเห็นเขาสุขสำราญผิดปกติก็ให้กลับมาแจ้งท่าน แต่ถ้าเห็นเขาใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้นก็ให้มอบเงินแก่เขา 100 ดีนาร แล้วอุมัรก็ยื่นถุงใส่เงินจำนวน 100 ดีนารให้ฮาริษ
ฮาริษพักอยู่กับอุมัยร์ อิบนุสะอ์ด เป็นเวลา 3 คืน ทุกคืนอุมัยร์จะหยิบข้าวสาลีออกมาให้ฮาริษผู้เป็นแขก 1 หยิบมือ
พอถึงคืนที่สาม (ซึ่งตามหลักการถือว่า ครบกำหนดเวลาพื้นฐานในการรับรองแขก)
อุมัยร์จึงพูดกับ ฮาริษว่า : ท่านกำลังทำให้เราหิวโหย หากท่านเห็นสมควรไปพักที่อื่น ได้โปรดย้ายออกไปจากบ้านเราเถอะ!
ฮาริษจึงควักเงินดีนารที่อุมัรให้ไว้ แล้วยื่นมันให้แก่เขา
อุมัยร์จึงถามขึ้นว่า : นี่มันอะไร?
ฮาริษกล่าวว่า : อะมีรุลมุอฺมินีนให้ฉันนำมามอบแก่ท่าน
อุมัยร์จึงกล่าวว่า : เอาเงินนี้ไปคืนอุมัรเถิด แล้วฝากสลามไปด้วย บอกท่านว่า อุมัยร์ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนนี้
ภรรยาของอุมัยร์ซึ่งได้ยินบทสนทนาของทั้งสองรีบส่งเสียงท้วงขึ้นว่า : รับเงินไว้เถอะอุมัยร์ เผื่อท่านจำเป็นจะได้นำไปใช้จ่าย แต่ถ้าท่านไม่ต้องการ ก็ให้มันไปตามช่องทางอันสมควร คนละแวกนี้มีอีกหลายคนจำเป็นต้องใช้เงิน
เมื่อฮาริษได้ยินคำพูดของเธอ เขาก็นำเงินวางไว้ตรงหน้าอุมัยร์ แล้วออกจากบ้านไป อุมัยร์หยิบเงินกองนั้นมาใส่ถุงใบเล็ก ยังไม่ทันพ้นคืน เขาก็นำมันไปแจกจ่ายให้บรรดาคนยากจนขัดสนจนหมด โดยเน้นไปที่ลูกหลานของเหล่าผู้ตายชะฮีดเป็นอันดับแรก
ฮาริษกลับเข้ามายังตัวเมืองมะดีนะฮฺ อุมัรถามเขาว่า : เป็นอย่างไรบ้าง ฮาริษ?
ฮาริษตอบว่า : ท่านผู้นำ เขามีชีวิตอย่างยากลำบาก
อุมัรจึงถามว่า : แล้วท่านได้ให้เงินเขาไปหรือเปล่า?
ฮาริษตอบว่า : ให้ไปแล้วครับ
อุมัรถามต่อว่า : แล้วเขาทำอย่างไรกับมัน?
ฮาริษตอบว่า : ผมไม่รู้ครับ แต่คิดว่าคนอย่างเขาคงไม่เหลือเงินไว้ให้ตัวเองแม้แต่ดิรฮัมเดียว
อุมัรจึงเขียนจดหมายไปถึงอุมัยร์ อิบนุสะอ์ดว่า : ถ้าจดหมายฉบับนี้ถึงท่านเมื่อไหร่ อย่าวางมันลงจากมือจนกว่าท่านจะมาพบฉัน
อุมัยร์ อิบนุสะอ์ด จึงเดินทางมามะดีนะฮฺ ตรงเข้าพบอะมีรุลมุอฺมินีน
อุมัรต้อนรับเขาอย่างดี เมื่ออุมัยร์เข้ามานั่งใกล้ๆ แล้ว อุมัรพูดกับเขาว่า : อุมัยร์ ดีนารที่รับไป ท่านนำไปใช้ทำอะไร?
อุมัยร์บอกว่า : ฉันก็นำไปใช้ในแบบที่ฉันอยากใช้ ท่านจะถามทำไม?
อุมัรกล่าวว่า : ฉันขอบังคับให้ท่านบอกมาว่าได้นำเงินจำนวนนั้นไปทำอะไร?
อุมัยร์กล่าวว่า : ฉันสะสมเงินก้อนนั้นไว้ให้ตัวเอง เพื่อหวังจะได้ใช้ประโยชน์จากมันในวันซึ่งทรัพย์สินและลูกหลานมิอาจยังประโยชน์
น้ำตาคลอเบ้าตาทั้งสองของอุมัร และท่านกล่าวว่า : ขออัลลอฮฺเมตตาท่าน อุมัยร์
หลังจากนั้น อุมัรก็สั่งให้คนนำเอาเสื้อผ้า 2 ชิ้นและอาหารจำนวนหนึ่งมาให้เขา
อุมัยร์จึงกล่าวตอบว่า : ท่านอะมีรุ้ลมุอฺมินีน สำหรับอาหาร เราไม่มีความจำเป็นต้องรับไว้ ฉันเก็บข้าวสาลีไว้ให้แก่ครอบครัวแล้วสองถ้วยชั่ง กว่าเราจะกินหมด อัลลอฮฺคงนำพาปัจจัยยังชีพมาให้พวกเราเพิ่มเติมแล้ว ส่วนเสื้อผ้าทั้งสองชุด ฉันจะนำไปให้แก่ภรรยา เพราะเสื้อผ้าของเธอเริ่มเปื่อยขาดจนเกือบจะเห็นเนื้อหนังอยู่แล้ว
อุมัยร์ อิบนุสะอ์ด คงอยู่ในสภาพนั้นจนสิ้นชีวิต ยามเมื่อวิญญาณเขาหลุดลอยไป ความเศร้าโศกเสียใจก็ถาโถมเข้าสู่หัวใจของอุมัร
ท่านกล่าวว่า : ฉันอยากให้มีคนจริงสักกลุ่มเป็นเช่น อุมัยร์ อิบนุสะอ์ด ฉันจะได้ให้พวกเขาเป็นผู้ช่วยเหลือการงานของบรรดามุสลิม
(ดู “อัลมัวะอ์ญัม อัลกะบีร” ของอัฏเฏาะบะรอนีย์ (17/51-53), “มัจญ์มะอ์ อัซซะวาอิด” (1/384) และ “กันซุลอุมมาล” (13/556) เลขที่ (37445))
ที่มา: หนังสือ “อุมัร นักคิดผู้ชี้นำ นักทำผู้ลงมือ”