เมื่อกิยามะฮฺใกล้เข้ามา...
โดย บินตฺ ยะห์ยา
กาลเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนถึงวันนี้ ศตวรรษที่ 20 แล้วโลกก็ยังคงหมุนต่อไปเรื่อยๆ และหลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนไปมากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพบ้านเมือง เศรษฐกิจ สังคม ชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า อย่างรวดเร็ว และที่จะลืมไม่ได้ คือ ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก และความสับสนวุ่นวายจากเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงในหลายประเทศที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
จากเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบางกลุ่มเกี่ยวกับ วันสิ้นโลก นักโหราศาสตร์ต่างก็พากันออกมาทำนายต่างๆ นานาเกี่ยวกับภัยพิบัติและความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำท่วมที่อาจจะเกิดซ้ำอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้อาจจะรุนแรงกว่าปีก่อน เขื่อนใหญ่ 2 เขื่อนจะแตก จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก ฯลฯ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นคำทำนายที่อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้
แน่นอน ในฐานะที่เราเป็นมุสลิม เราไม่อาจเชื่อเรื่องดวงหรือคำทำนายต่างๆ เหล่านี้ได้ แต่สิ่งที่เราสามารถเชื่อได้ อย่างไม่ต้องมีข้อสงสัยใดๆ ก็คือสิ่งที่อัลกุรอานและฮะดิษได้ระบุไว้ เพราะสองสิ่งนี้คือ สัจธรรมเป็นทางนำแห่งชีวิตของบรรดาผู้ศรัทธาทุกคน และถ้าหากพวกเราลองมองเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ด้วยสายตาของความเป็นมุสลิม เราย่อมรู้ดีว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้มิใช่เรื่องแปลกเลย เพราะก่อนที่โลกจะถึงกาลอวสานจะต้องมีความสับสนวุ่นวายเป็นสัญญาณเตือนว่ากิยามะฮฺกำลังใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
แต่เพื่อเป็นการย้ำเตือน ผู้เขียนก็จะนำเรื่องราวของวันกิยามะฮฺมานำเสนออีกครั้งพอเป็นสังเขป เพราะบางคนอาจจะเลือนลางไปบ้างเกี่ยวกับเรื่องราวของวันกิยามะฮฺที่เคยร่ำเรียนมานานหลายปี
แต่ก่อนที่จะเข้าเรื่อง ถ้ามีใครคนหนึ่งเดินมาถามเราว่า เชื่อมั้ยว่าโลกจะแตก? เราจะตอบเขาว่าอย่างไร? แน่นอน คำตอบคือ เราเชื่อว่าโลกนี้ต้องมีการดับสูญ และถ้าคนๆ นั้นถามต่ออีกว่า ทำไมถึงเชื่อว่าโลกจะแตก? ก็เพราะว่ามีหลักฐานยืนยันจากอัลกุรอานและฮะดิษไว้อย่างชัดเจน หากแต่ว่ากิยามะฮฺจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่? วันใด? อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา องค์เดียวเท่านั้นที่รู้ ผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง
อัลกุรอานได้กล่าวยืนยันถึงการเกิดวันกิยามะฮฺไว้ในซูเราะฮฺ อัลฮัจญฺ อายะฮฺที่ 7 ไว้ดังนี้
“และแท้จริง วันอวสานจะมาถึงอย่างแน่นอน โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น
และแท้จริง อัลลอฮฺจะทรงให้ผู้ที่อยู่ในกุบุรฟื้นคืนชีพขึ้นมา”
(อัลฮัจญฺ 22 : 9)
คือ ทรงให้คนตายมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และทรงให้เขาฟื้นขึ้นมาหลังจากที่เขาได้เน่าเปื่อยไปแล้ว และทรงให้เขามีชีวิตเพื่อส่งไปยังสถานที่สอบสวน
“มีผู้คนถามเจ้าเกี่ยวกับยามอวสาน (มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิดว่า
แท้จริง ความรู้ในเรื่องนั้น อยู่ ณ ที่อัลลอฮฺ และอะไรเล่าจะทำให้เจ้ารู้ได้ บางทียามอวสานนั้นอยู่ใกล้แค่นี้เอง”
(อัลอะหฺซาบ 33 : 63)
แต่ทว่า วันสิ้นโลกนั้นจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าจะเกิดสัญญาณเล็กและสัญญาณใหญ่ขึ้นเสียก่อน
ส่วนหนึ่งจาก “สัญญาณเล็ก” นั้นก็คือ
* จะมีการมอบตำแหน่งแก่ผู้ที่ไม่สมควรจะได้รับ
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“เมื่อการงานถูกมอบหมายให้กับผู้ที่ไม่สมควรได้รับ ก็จงรอคอยวันกิยามะฮฺเถิด”
(บันทึกโดย อิมาม บุคอรีย์)
* ผู้คนจะแข่งกันสร้างตึกอาคารสูงๆ
จากคำพูดของท่านนบี เมื่อถูกญิบรีลถามถึงวันกิยามะฮฺ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า“ผู้ถูกถามก็ไม่รู้ดีไปกว่าผู้ถาม”
ญิบรีลจึงกล่าวว่า “ท่านจงบอกฉันถึงเครื่องหมายของวันกิยามะฮฺ”
ท่านนบีกล่าวว่า “ทาสหญิงจะคลอดผู้ที่เป็นนายของนางออกมา ท่านจะเห็นผู้ที่เดินเท้าเปล่า ไม่สวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด ผู้มีความยากจน เลี้ยงแกะแข่งกันสร้างตึกสูงๆ”
* ความรู้จะหายไป ความโง่เขลาจะปรากฏขึ้น
ดังที่ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“ส่วนหนึ่งจากสัญญาณวันกิยามะฮฺนั้นก็คือความรู้จะหายไป ความโง่เขลาจะเข้ามาแทนที่การผิดประเวณี (ซินา) จะดาษดื่น การดื่มเหล้าจะแพร่หลาย ผู้ชายจะน้อยลง และผู้หญิงจะมากขึ้น ถึงขนาดที่ผู้ชายหนึ่งคนจะดูแลรับผิดชอบผู้หญิงถึง 50 คน”
(บันทึกโดย อิมามบุคอรีย์ และมุสลิม)
จุดประสงค์ของความรู้ ณ ที่นี้ก็คือ ความรู้ด้านศาสนา และผู้ที่ไม่มีความรู้เรื่องศาสนาจะมีมากขึ้น
* การดื่มสุรา บทเพลง เครื่องดนตรี ผู้ชายที่สวมใส่ผ้าไหม รวมถึงดอกเบี้ยจะกลายเป็นสิ่งที่ฮะลาล
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“แน่นอนจะมีกลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของฉันนั้น พวกเขาจะทำให้การผิดประเวณี (ซินา) การสวมใส่ผ้าไหมของผู้ชาย การดื่มสุรา และการละเล่นเครื่องดนตรีกลายเป็นสิ่งที่ฮะลาล”
(บันทึกโดย อิมาม บุคอรีย์)
* จะมีการผิดประเวณี (ซินา) จะมีมากมาย
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“จะมีกลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของฉันนั้น พวกเขาจะทำให้การผิดประเวณี การสวมใส่ผ้าไหมของผู้ชาย การดื่มสุรา และการละเล่นเครื่องดนตรีกลายเป็นสิ่งที่ฮะลาลนั้นมันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
(บันทึกโดย อิมาม บุคอรีย์)
* การฆ่าฟันกันจะมีมากขึ้น
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“ช่วงระยะเวลาระหว่างฉันกับวันกิยามะฮฺนั้นจะมีหลายสิ่งเกิดขึ้น ส่วนหนึ่งนั้นก็คือ การฆ่าฟันกันจะเกิดขึ้นมากมาย”
(บันทึกโดย อิมามบุคอรีย์ และอิมามมุสลิม)
* จะเกิดความสับสนวุ่นวาย และความชั่วร้ายก็จะกระจายไปทั่ว
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“วันกิยามะฮฺจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าความรู้จะถูกเก็บ แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง วันและเวลาจะสั้นลง ความสับสนวุ่นวายจะเกิดขึ้นและการฆ่าฟันจะมีมาก”
(บันทึกโดย อิมาม บุคอรีย์)
* การค้าขายจะมีขึ้นมากมาย มีร้านค้าเกิดขึ้นเรียงราย
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“วันกิยามะฮฺนั้นจะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่า (ฟิตัน) ความสับสนวุ่นวายจะเกิดขึ้น การโกหกจะมีมาก และจะมีร้านค้าเกิดขึ้นเรียงราย”
(บันทึกโดย อิมาม อะฮฺมัด)
* ผู้คนจะย้อมผมด้วยสีดำ
ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
“ในยุคสุดท้ายนั้นจะมีกลุ่มชนหนึ่ง พวกเขาจะย้อมผมด้วยสีดำ เหมือนกับอกนกพิราบ ซึ่งพวกเขาจะไม่ได้กลิ่นอายของสวนสวรรค์”
(บันทึกโดย อิมาม นะซาอีย์)
* มีการตัดสัมพันธ์กับเครือญาติจะมีมาก
* วันเวลาจะสั้นลง จนกระทั่งปีหนึ่งเหมือนหนึ่งเดือนและเดือนหนึ่งเหมือนหนึ่งสัปดาห์ และหนึ่งสัปดาห์เหมือนหนึ่งวัน
* คนโกหกจะได้รับความเชื่อถือ คนพูดจริงกลับถูกมองว่าโกหก
* ผู้ทุจริตจะได้รับการช่วยเหลือ ผู้ถูกละเมิดกลับถูกทอดทิ้ง
* จะเกิดมีการตายแบบฉับพลันขึ้นในหมู่ชน
* สตรีจะประพฤติตัวเหมือนบุรุษ ส่วนบุรุษจะประพฤติตัวเหมือนสตรี
* มัสญิดจะถูกใช้เป็นทางผ่าน
* มนุษย์จะแข่งกันประดับประดามัสญิด และในมัสญิดจะมีเสียงอึกทึก
* ผู้คนจะอ่านอัลกุรอานเพียงแค่ปลายลิ้น (ไม่มีการปฏิบัติตาม)
* แผ่นดินไหวจะมีมาก ลมพายุจะรุนแรง
* บรรดาสตรีจะนุ่งน้อยห่มน้อย เปิดเผยเรือนร่าง
* ผู้คนจะจำกัดการให้สลาม เฉพาะกับคนที่ตนรู้จักเท่านั้น
* จะไม่มีการไต่ถามเกี่ยวกับริสกีที่ได้มาว่าได้มาจากสิ่งที่ฮะลาลหรือฮะรอม
* การพนันจะมีมาก
* การโกหกจะมีอยู่ทั่วไป การนินทาให้ร้ายจะมีมากขึ้น
* มนุษย์จะฆ่าฟันกันโดยไม่รู้สาเหตุ เป้าหมาย ไร้เหตุผล
* ความตระหนี่จะมีแพร่หลาย ทานบังคับ (ซะกาต) ถูกนำมาจ่ายเป็นค่าแรง
* สตรีจะทำหน้าที่แทนบุรุษ
* มนุษย์จะเนรคุณต่อบิดามารดา
* ผู้คนจะอยากตายอันเนื่องมาจากความสับสนวุ่นวาย
* การสาบานด้วยสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺจะมีมาก
* มนุษย์จะถูกเรียกร้องสู่ขุมนรก และหันเหออกจากการภักดีต่ออัลลอฮฺ
และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากสัญญาณเล็กเท่านั้น เพราะสัญญาณเล็กนั้นยังมีอีกมากมาย ทั้งที่เกิดขึ้นผ่านไปแล้ว กำลังเกิดขึ้นอยู่ และที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานจากนี้
หลังจากสัญญาณเล็ก สิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้น ก็คือสัญญาณใหม่ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้บอกเล่าถึงสัญญาณใหม่ของวันกิยามะฮฺไว้ดังต่อไปนี้
จากหุซัยฟะฮฺ บิน อะซีด อัล-ฆิฟารีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
“ท่านนบี ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เข้ามายังพวกเรา ในขณะที่พวกเรากำลังคุยกันอยู่
ท่านนบีถามว่า : “พวกท่านกำลังพูดคุยเรื่องอะไรอยู่”
พวกเราตอบว่า “กำลังพูดถึงเรื่องวันกิยามะฮฺ”
ท่านนบีกล่าวว่า “วันกิยามะฮฺ จะยังไม่อุบัติขึ้น จนกว่าพวกท่านจะได้เห็นสัญญาณก่อนหน้านั้นสิบประการ
โดยท่านนบีกล่าวถึงควันออกจากพื้นดิน การปรากฏตัวของดัจญาลจะมีสัตว์ (พูดกับมนุษย์) ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก
นบีอีซา อะลัยฮิสลาม จะลงมาจากฟ้า ยะอฺญูจ์และมะอฺญุจญ์จะออกมา
จะมีเหตุการณ์ธรณีสูบสามแห่ง เกิดทางทิศตะวันออก เกิดทางทิศตะวันตก และเกิดบริเวณคาบสมุทรอาหรับ
และประการสุดท้ายจะมีไฟพุ่งออกมาจากประเทศยะมัน (เยเมน) ไล่ต้อนมนุษย์ให้ไปที่แหล่งรวม (มะหฺซัร) ของพวกเขา”
(บันทึกโดย อิมาม มุสลิม)
และวันนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าสัญญาณเล็กๆ ที่ถูกกล่าวมานั้นได้เกิดขึ้นแล้ว เหลือแต่ก็เพียงรอให้สัญญาณใหญ่เกิดขึ้นเท่านั้น ฉะนั้นวันนี้
ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่ปวงบ่าวผู้อ่อนแออย่างพวกเรา จะหวนมารำลึกใคร่ครวญ
ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่เราจะตื่นขึ้นจากความหลงลืม
ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่เราจะละหมาดอย่างละเมียดละไม ด้วยหัวใจที่นอบน้อมต่อพระผู้อภิบาลของเราอย่างแท้จริง
ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่เราจะใช้เวลาว่าง เพื่ออ่านอัลกุรอาน บริจาคทาน ทำความดีต่อบิดามารดาและเชื่อมสัมพันธ์ต่อเครือญาติ
ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่เราจะได้ถามตัวเองเกี่ยวกับคุณงามความดีและเสบียงที่จะนำติดตัวไปสู่โลกหน้าอันนิรันดร์ นรก หรือสวรรค์กันแน่ที่จะเป็นที่พำนักของเรา
โอ้ พี่น้องมุสลิมทั้งหลาย จงอย่าทำให้สัญญาณเตือนจากพระผู้เป็นเจ้าเป็นเพียงสิ่งไร้ค่า เพราะสุดท้าย ผลลัพธ์ที่ได้รับก็ย่อมเป็นไปตามการกระทำของเจ้าของของมัน !
ที่มา : อนุสรณ์งานประจำปี โรงเรียนมุสลิมวิทยาคาร 28 มกราคม 2555